จอมนักรบอหังการ - บทที่ 332 ท่านลุงมาจากไกล หลานเสียมารยาทแล้ว 2
จอมนักรบอหังการ บทที่ 332 ท่านลุงมาจากไกล หลานเสียมารยาทแล้ว! 2
“อ้อ รีบชิมอาหารที่อาตมาทำให้ประสกดูสิ เป็นผักทั้งนั้นเลย เนื้อแกะเสียบไม้ย่างทำจากเห็ดทอด เนื้อเป็ดก็ใช้วัตถุดิบคือเต้าหู้ทอดมา ตอนเด็กๆ ประสกชอบกินของพวกนี้มากที่สุด”
“ดื่มเหล้าหรือเปล่า?”
“เฮ้ย อย่าดื่มเลยดีกว่า ประสกเป็นคนรักความสะอาดตั้งแต่เด็ก กับอาตมาที่เป็นพี่ชายของประสก ก็ยังแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนมาก!”
“เวลาประสกกินเหลือ อาตมากิน อาตมาไม่รังเกียจประสก เวลาอาตมากินเหลือ แค่แตะๆ ปากเท่านั้น แต่ประสกก็ทำหน้านิ่ว เหมือนติดหนี้ประสกอย่างนั้น!”
“ประสกว่า ทำไมประสกถึงรักความสะอาด?”
“ประสกบอกว่าประสกรักความสะอาดมาก แต่ตอนเด็กเทียนเอ๋อร์ฉี่ราดทั่วตัวประสก อึราดทั่วตัวประสก ประสกก็ไม่ถือสา อาตมาเป็นพี่ชายของประสก เห็นแล้วยังโมโห!”
“อยากรู้สถานการณ์ในตอนนี้ของเทียนเอ๋อร์ไหม?”
“ขอโทษนะ ยังไม่แน่ใจนัก หลายปีมานี้อาตมาทำร้านอาหารในตี้ตูมาตลอด ปกติจะไม่มาที่เมืองเจียงไห่ ครั้งนี้ได้เดินเท้ามาที่นี่ เพราะได้ยินจากหานตี้ซือแห่งตระกูลหานบอกว่าเขาต้องการมอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหานให้กับเทียนเอ๋อร์!”
“เอาล่ะ เดี๋ยวเขาจะไปที่ตี้ตู อาตมาในฐานะลุง ก็จะเลี้ยงข้าวเขา”
“ครั้งก่อนที่ประสกพาเขาไป เหมือนเขาจะเคยไปกินที่ร้านอาหารของอาตมามื้อหนึ่ง ตอนนั้นเขายังโกรธประสกอยู่ ไม่อยากเจอประสก ก็เลยคลาดกันไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่า การไม่เจอกันครั้งหนึ่ง การคลาดกันครั้งหนึ่ง มันคือความเป็นความตาย!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ภิกษุวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
แล้วนั่งลงบนพื้น
พิงกายอยู่ข้างๆ ป้ายหลุมศพของหานหว่านเอ๋อร์
ภิกษุวัยกลางคนเงียบไปนาน ก่อนจะพูดอีกครั้ง
“มาที่เมืองเจียงไห่ครั้งนี้ได้เจอกับหลานชายคนโตของประสกแล้ว อาตมายืนอยู่ที่ประตูโรงเรียนของเขา มีคนมุงดูอยู่มากมาย สถานการณ์เช่นนั้น การที่มีภิกษุรูปหนึ่งมองไปที่หลานชายของประสกด้วยรอยยิ้มตาหยี มันดูแปลกมาก”
“ประสกทายซิว่าพอเจ้าหลานชายคนโตสังเกตเห็นอาตมา เขาพูดว่าอะไร?”
“ถามอาตมาคำถามเดียว”
“ท่านมองอะไรอยู่”
“อาตมาบอกว่า อาตมาแค่มอง แค่มองประสกก็ไม่ได้หรือ?”
“เขาบอกว่า หลีกไป อย่ามาขวางทางผม!”
“สามหาว!”
“สามหาวมาก!”
“แต่ก็ยังดี พอเดินตามเขาไปสักพัก เขาเดินไปๆ ก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งเก็บขวดน้ำข้างถังขยะ เขาให้เงินเธอไปหนึ่งร้อยเหรียญ”
“ใจดีเหมือนประสก เหมือนเทียนเอ๋อร์ด้วย”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ภิกษุวัยกลางคนก็เงียบลงอีกครั้ง
ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
แล้วลุกขึ้นยืน
มองไปที่หลุมฝังศพของหานหว่านเอ๋อร์
“ไปล่ะ ไม่รู้คราวหน้าจะมาอีกเมื่อไหร่”
ภิกษุวัยกลางคนพูดพลางยกมือขึ้นแตะบนป้ายหลุมฝังศพ เหมือนกำลังลูบศีรษะใครสักคน
สายตาของภิกษุวัยกลางคนอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด
จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
และในเวลานี้เอง จู่ๆ ชายหญิงกลุ่มหนึ่งก็เดินข้ามมาจากหัวถนนดินโคลนหน้าหลุมฝังศพ
แต่ละคนยังถือกระบี่อยู่ในมืออีกด้วย
คนหน้าเป็นชายหนุ่ม
หน้าตาหล่อเหลามาก
ทางด้านหลังของชายหนุ่ม มีอีกสามคนตามมา
ชายสองหญิงหนึ่ง
ชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา เฉียดหัวไหล่ของภิกษุวัยกลางคนพอดี
กลุ่มชายหญิงทอดสายไปยังใบหน้าของภิกษุวัยกลางคน สายตาของพวกเขาเผยให้เห็นความสนอกสนใจ
ดูเหมือนกำลังสับสน
เหตุใดภิกษุวัยกลางคนถึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
เช่นเดียวกัน ภิกษุวัยกลางคนก็อยากรู้จุดประสงค์ที่ชายหญิงกลุ่มนี้มาที่นี่เช่นกัน
ภิกษุวัยกลางคนสังเกตเห็นคนทั้งสี่นี้ถือกระบี่อยู่ในมือ เขาพนมมืออย่างสุขุมแล้วพูดว่า “อมิตาพุทธ ประสกทั้งสี่ เหตุใดประสกถึงพกอาวุธมารบกวนคนตายที่นี่?”
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำมองพิจารณาภิกษุวัยกลางคนด้วยสีหน้าถากถาง แล้วพูดด้วยภาษาจีนแปร่งๆ “อย่าจุ้นจ้านให้มากนัก!”
เห็นได้ชัดว่าชายหญิงกลุ่มนี้ไม่ใช่คนประเทศหลง
เหมือนมาจาประเทศเทียนจ้าวมากกว่า
ภิกษุวัยกลางคนอดมองพิจารณาคนทั้งสี่นี้อีกครั้งไม่ได้
และในขณะนี้เอง จู่ๆ ชายร่างผอมในกลุ่มชายหญิงก็ชักกระบี่ในมือออกมา แล้วจ่อเข้าที่ลำคอของภิกษุวัยกลางคน
ภิกษุวัยกลางคนไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวแต่อย่างใด พลางถามว่า “ประสกหมายความว่าอย่างไร?”
ชายร่างผอมแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอน จะฆ่าท่านยังไงล่ะ จะฆ่าท่านด้วยกระบี่จากส่วนหลังภูเขาเอ๋อเหมย จากนั้นจะย้ายหลุมศพของหานหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วโบ้ยเรื่องนี้ให้กับส่วนหลังภูเขาเอ๋อเหมย!”
ภิกษุวัยกลางคนถามด้วยความสงสัย “แล้วพวกประสกเป็นใคร…”
ชายหนุ่มร่างผอมกล่าวว่า “สำนักเซิ่งเหริ่น ประเทศเทียนจ้าว”
พูดจบ ชายร่างผอมก็สะบัดข้อมือ เพื่อตัดศีรษะของภิกษุวัยกลางคน
แต่ในขณะนี้เอง
หยดน้ำหยดหนึ่ง บินผ่านสายฝนพุ่งเข้ามาหา
กระทบหว่างคิ้วของชายหนุ่มร่างผอมอย่างจัง
ในขณะเดียวกัน เย่อู๋เทียนก็ก้าวเข้ามาทางนี้ทีละก้าวท่ามกลางสายฝน
แต่แทนที่จะมองไปที่คนทั้งสามที่ยังมีชีวิตอยู่ เขากลับมองไปที่ภิกษุวัยกลางคน
เย่อู๋เทียนเอ่ยปากพูดเบาๆ
“ท่านลุงมาไกล หลานเสียมารยาทแล้ว”