จอมนักรบอหังการ - บทที่ 365 เย่อู๋เทียน ต้องตาย
จอมนักรบอหังการ บทที่ 365 เย่อู๋เทียน ต้องตาย?
สายตาของทุกคนที่มองเย่อู๋เทียน รวมถึงฝ่าบาท
เต็มไปด้วยความเคารพสุดที่จะพรรณนา!
และขณะเดียวกัน
ในซอยหนึ่งของถนนวงแหวนในตี้ตู
หน้าบ้านโบราณหลังหนึ่ง
รถสีดำคันหนึ่งหยุดอย่างช้า ๆ
มีชายชราลงมาจากรถสองคน
คนที่เดินอยู่ข้างหน้า สวมเสื้อคอจีนสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบธรรมดา
ดูจากหน้าตาแล้ว อายุประมาณหกสิบปี
บุคคลนี้ ชื่อหานจื่อฉี เป็นผู้นำของตระกูลหานเผ่าโบราณ
ชายชราที่เดินตามหลังหานจื่อฉี สวมเสื้อคลุมยาว
ดูจากหน้าตาแล้ว อายุอย่างน้อยเก้าสิบปี แต่ร่างกายของเขายังคงแข็งแรงมาก!
ไม่เหมือนคนชราแม้แต่น้อย!
ร่างกายกระปรี้กระเปร่า!
ดวงตาสดใสเหมือนเด็กหนุ่ม!
บุคคลนี้ ชื่อหานจื่อคุน!
ก่อนหน้านั้น ตอนอยู่ที่ตระกูลหานในตี้ตู เขาเพียงแค่พ่นชาออกมาจากปาก ก็สามารถเจาะทะลุน่องของชายชราหานตี้ซือได้!
ซึ่งชายชราหานตี้ซือเรียกว่าเขาว่าเหล่าจู่!
หานจื่อฉีและหานจื่อคุน พวกเขาสองคนเดินไปหยุดอยู่ตรงประตูบ้าน!
พวกเขาไม่ได้รีบร้อนเดินเข้าไปข้างใน
แต่พวกเขากลับยืนอยู่หน้าประตูบ้าน แล้วมองประตูวงกลบ!
หานจื่อฉีเอามือไพล่หลัง มองประตูวงกลบของบ้านหลังนี้ และเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ถามหานจื่อคุนที่อยู่ข้างหลัง
“คุณมองอะไรออกไหม?”
หานจื่อคุนส่ายศีรษะ
“มองไม่ออก”
หานจื่อฉีขมวดคิ้ว
“น่าแปลกมาก ไอ้เด็กนอกคอกเย่อู๋เทียน เคยอาศัยอยู่ที่นี่อย่างน้อยสองปี ถ้าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วพลังบำเพ็ญของเขาจะพัฒนาเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร?”
หานจื่อคุนเสนอ
“พวกเราเข้าไปสำรวจข้างในกันเถอะ”
หานจื่อฉีขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า
“ฮุ่ยกวง ถูกเย่อู๋เทียนขังอยู่หน้าพระอุโบสถของวัดไห่ฮุ่ยจริง ๆ เหรอ?”
หานจื่อคุนตอบ
“ถูกต้อง ถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก เหมือนตายทั้งเป็น!”
หานจื่อฉีถามอีกครั้ง
“แล้วฮุ่ยกวง พูดอะไรหรือเปล่า?”
หานจื่อคุนตอบ
“เขาถูกเย่อู๋เทียนตัดลิ้น และตัดแขนขาทั้งสี่ข้าง จนกลายเป็นคนพิการไปแล้ว!”
หานจื่อฉีถอนหายใจ
“ตอนแรกคิดจะใช้ฮุ่ยกวง เพื่อทำให้กางเอ๋อร์ทะลวงพันธนาการของตันสวรรค์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเคล็ดลับของนิกายเทียนอิง ไม่น่าเชื่อถือจริง ๆ!”
หานจื่อคุนพยักหน้า
“ตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับวิทยายุทธที่อยู่บนแผ่นหินสมบัติเท่านั้น”
หานจื่อฉีหัวเราะ
“แผ่นหินสมบัติ ไม่สำคัญอะไร พวกเราคัดลอกไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ภาษาหลัวฝูที่อยู่บนนั้น ยากที่จะเข้าใจจริง ๆ!”
หานจื่อคุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เข้าไปในบ้านกันเถอะ เมื่อก่อนแม่ของเย่อู๋เทียนเคยอาศัยอยู่ที่นี่ระยะหนึ่งเช่นกัน ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนพวกเราจะเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่ข้างในยังมีบ่อน้ำที่พวกเรายังไม่ได้ค้นหา!”
หานจื่อฉียิ้มด้วยความขมขื่น
“ตอนนี้ทำได้เพียงเท่านี้”
หลังจากนั้น หานจื่อฉีเดินไปเคาะประตูบ้าน
ดูเหมือนว่าหานจื่อคุนที่อยู่ข้างหลัง จะนึกอะไรบางอย่างได้ และกล่าวว่า
“หลังจากเย่อู๋เทียนจัดการฮุ่ยกวงแล้ว เขานำทารกสี่สิบเก้าคนไปที่คลังยา ผมคิดว่าเขาช่วยชีวิตทารกสี่สิบเก้าคน โดยแลกกับพลังบำเพ็ญของตนเอง!”
หานจื่อฉีหัวเราะ
“ผมรู้เรื่องนี้แล้ว และสามารถเดาได้เช่นกัน……บอกได้เพียงประโยคเดียวว่าเย่อู๋เทียน ใจอ่อนเหมือนสตรี!”
หานจื่อคุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และถอนหายใจ
“แต่น่าเสียดายที่ไอ้เด็กนอกคอก ไม่ใช่สมาชิกตระกูลหานเผ่าโบราณของพวกเรา มิเช่นนั้น ด้วยพรสวรรค์ของเขา ก็พอใจเข้าตาผมบ้าง!”
สีหน้าของหานจื่อฉีเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
“อายุเกือบสามสิบปีแล้ว เพิ่งบรรลุถึงแดนผนวกตันสวรรค์ สามารถถือเป็นพรสวรรค์ได้เหรอ? ในแง่ของความสามารถ กางเอ๋อร์ถึงจะเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ! ถึงแม้หลังจากกางเอ๋อร์อายุยี่สิบ วิทยายุทธของจะหยุดอยู่กับที่ แต่ผมรู้ว่าถ้าเขาทะลวงพันธนาการของตันสวรรค์ได้ เขาก็จะสามารถพัฒนาอย่างรวดเร็ว!”
หานจื่อคุนพยักหน้า
“ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาประสบเมื่อสามวันก่อน จะกลายเป็นอุปสรรคสำหรับเส้นทางฝึกวิทยายุทธของกางเอ๋อร์หรือไม่? ถ้ากางเอ๋อร์สูญเสียความตั้งใจที่จะฝึกวิทยายุทธ เย่อู๋เทียนจะต้องตาย!”
หานจื่อฉียิ้ม
“ตาย? ถ้ามันทำให้กางเอ๋อร์สูญเสียความตั้งใจที่จะฝึกวิทยายุทธ ความตาย! สำหรับไอ้เด็กนอกคอกแล้ว มันสบายเกินไป!”
หลังจากนั้น หานจื่อฉีเคาะประตูอีกครั้ง
คราวนี้ ประตูเปิดออก
คนที่เปิดประตูคือซูชิงหลวน น้องสาวบุญธรรมของเย่อู๋เทียน
หลายปีที่ผ่านมา เย่อู๋เทียนไม่ได้อาศัยอยู่ในตี้ตู ซึ่งซูชิงหลวนเป็นคนเฝ้าบ้านหลังนี้
ซูชิงหลวนเป็นใบ้
พูดไม่ได้
เมื่อเห็นชายชราแปลกหน้าสองคนยืนอยู่นอกประตู
สีหน้าของซูชิงหลวนเต็มไปด้วยความสงสัย ยกมือทำสัญญาลักษณ์เป็นภาษามือ
ความหมายง่ายมาก
“พวกคุณสองคน มาหาใคร?”
หานจื่อฉีและหานจื่อคุนมองหน้ากัน ราวกับว่าพวกเขาไม่เข้าใจภาษามือของซูชิงหลวน
อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญ
หานจื่อฉีและหานจื่อคุนไม่ได้พูดอะไรกับซูชิงหลวน พวกเขาสองคนกำลังจะเดินเข้าไปในประตูใหญ่
เมื่อซูชิงหลวนเห็นเช่นนี้ เธอขมวดคิ้ว แล้วยกมือขวางพวกเขาสองคน
ขยับริมฝีปาก
“บา ๆ ๆ ๆ ๆ ……”
ความหมายคร่าว ๆ คือพวกคุณเป็นใคร?
แต่หานจื่อฉีและหานจื่อคุนยังคงไม่สนใจเธอ
เดินเข้าไปในลานบ้านอย่างรวดเร็ว
มองสำรวจตามอำเภอใจโดยไม่เกรงกลัว
ลานบ้านไม่ใหญ่มาก
มีไม้ไผ่อยู่ข้างกำแพง และมีก้อนกรวดอยู่รอบ ๆ กอไผ่
กลางลานบ้าน นอกจากมีศาลาไว้รับลมเย็นในฤดูร้อนแล้ว ยังมีชุดโต๊ะหินและม้านั่งอยู่ใต้ศาลา
มีบ่อน้ำอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะหิน
นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก
อย่างไรก็ตาม ลานบ้านค่อนข้างสะอาด
“บา ๆ ๆ ๆ ๆ ……”
เมื่อซูชิงหลวนเห็นหานจื่อฉีและหานจื่อคุนเสียมารยาท เธอแสดงความไม่พอใจ และกำลังจะไล่พวกเขาออกไป
หานจื่อฉีขมวดคิ้วและกล่าวว่า
“นางใบ้ วุ่นวายจริง ๆ”
นึกไม่ถึงว่าหลังจากหานจื่อฉีกล่าวจบ หานจื่อคุนก็สะบัดมือไปทางซูชิงหลวน
แล้วพลังก็พุ่งไปที่หน้าอกของซูชิงหลวน
ปัง!
ซูชิงหลวนกระเด็นกลับหัวออกไปทันที!
กระแทกเข้ากับกำแพงด้านตะวันออกของลานบ้าน กระอักเลือดออกมาเต็มปาก และไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
ตลอดกระบวนการนี้ ไม่ว่าจะเป็นหานจื่อคุนที่เป็นคนลงมือ หรือหานจื่อฉี ก็ไม่ได้มองซูชิงหลวนแม้แต่แวบเดียว
ซูชิงหลวนที่ล้มอยู่ใต้กำแพง หายใจรวยริน
เธอรู้สึกเหมือนตนเองถูกรถชน แม้แต่หายใจก็ลำบากมาก
และขณะนี้ หานจื่อฉีชี้บ่อน้ำที่อยู่ใต้หลังคา และสั่งหานจื่อคุน
“โยนนางใบ้ที่ไร้มารยาทคนนี้ลงไปในบ่อน้ำ แล้วดูว่าเกิดอะไร!”
และขณะเดียวกัน
เย่อู๋เทียนซึ่งอยู่ในคลังยาของประเทศหลง ได้ลาฝ่าบาทและคนอื่น ๆ
มุ่งหน้ามาบ้านเก่าที่ซูชิงหลวนดูแลอยู่!