จอมนักรบอหังการ - บทที่ 371 ยมบาลกระซิบ ทำให้คนกลัวจนเป็นบ้า
จอมนักรบอหังการ บทที่ 371 ยมบาลกระซิบ ทำให้คนกลัวจนเป็นบ้า!
หวาดกลัวอย่างสุดขีด จะทำให้คนคนหนึ่งพูดไม่ออก
หวาดกลัวอย่างสุดขีด จะทำให้มดตัวหนึ่งกลัวจนตายได้
หานจื่อคุนกลัวจนพูดไม่ออกแล้ว ก็เป็นเหมือนกับมดตัวหนึ่งที่กำลังจะตายด้วยความหวาดกลัว และกระตุกอยู่บนพื้น
ความตาย เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
ทั้งที่รู้ว่าตัวเองต้องตาย แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ น่ากลัวยิ่งกว่า
แต่เย่อู๋เทียนเพียงแต่ผ่านคำพูดไม่กี่ประโยคเมื่อกี้นี้ ก็ผลักดันความหวาดกลัวแบบนี้ เข้าไปในใจของหานจื่อคุน
เมื่อก่อนนี้ หานจื่อคุนไม่เคยเข้าใจมาก่อน
คนคนหนึ่ง จะเพราะว่าหวาดกลัวอีกคนหนึ่ง หวาดกลัวจนปวดหัวแทบแตก
ตอนนี้ เขารู้แล้ว
เย่อู๋เทียนเห็นว่าหานจื่อคุนหวาดกลัวตัวเองจนกลายเป็นสภาพแบบนี้
ขมวดคิ้วใหญ่
หานจื่อคุนกำลังเหมือนกับเป็นโรคลมบ้าหมู ร่างกายแข็งทื่อจนพลิกตัวไปมาอยู่บนพื้น
น้ำลายฟูมปาก
กลอกรูม่านตาขึ้น
และในเวลานี้ ประตูคฤหาสน์ก็ถูกเคาะอย่างกะทันหัน
เสียงเคาะประตูดังมาก
คนที่ยืนอยู่นอกประตู
คือหานตี้ซือ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้ผ่านการสอบถามมากมาย รู้ว่าเย่อู๋เทียนทำเรื่องอะไรไว้ที่ตี้ตูบ้าง
ยังไงหานตี้ซือก็คาดไม่ถึงว่า
เย่อู๋เทียนจะเอาชนะหานปู้กาง ด้วยการใช้ท่าทางที่บดขยี้อย่างหนึ่ง
ยิ่งคาดไม่ถึงว่า
เย่อู๋เทียนจะกำราบฮุ่ยกวงของนิกายเทียนอิง อยู่ที่หน้าประตูพระอุโบสถวัดไห่ฮุ่ย เพื่อเตือนชาวโลก!
ก็ยิ่งคาดไม่ถึงว่า…….
ก่อนหน้าที่จะกำราบฮุ่ยกวง เย่อู๋เทียนบิดลิ้นของฮุ่ยกวง ถึงขนาด หักแขนขาของฮุ่ยกวง!
นี่ก็แล้วไป
ต่อจากนั้น เย่อู๋เทียน เพื่อที่จะช่วยชีวิตเด็กทารกสี่สิบเก้าคนที่ถูกฮุ่ยกวงฆ่าไป เสียสละผลการฝึกตนของตนเอง
พฤติกรรมดังกล่าว ในสายตาของหานตี้ซือ รนหาที่ตายชัดๆ!
เพราะว่าหานตี้ซือรู้ว่า
หานปู้กาง
ถูกผู้นำหานจื่อฉีของตระกูลหานเผ่าโบราณ ยกย่องว่าเป็นความหวังทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั้งตระกูลของตระกูลหานเผ่าโบราณมาโดยตลอด
คนที่เป็นจักรพรรดิในอนาคต
และตระกูลหานเผ่าโบราณในหลายปีที่ผ่านมา ก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกับนิกายเทียนอิงมาโดยตลอด
ภายใต้สมมติฐานดังกล่าว
เย่อู๋เทียน ไม่เพียงแต่เอาชนะหานปู้กางในที่สาธารณะ แต่ยังทรมานรองหัวหน้าของนิกายเทียนอิงให้กลายเป็นคนไร้ค่าต่อหน้าสาธารณะ!
นี่มันจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหานเผ่าโบราณอย่างชัดเจนไม่ใช่เหรอ?
หานตี้ซือ!
รู้จักความน่ากลัวของตระกูลหานเผ่าโบราณเป็นอย่างดี!
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง
แค่ครูคนแรกของหานปู้กางอย่างเดียว
หานจื่อคุน
ก็ไม่ใช่ว่าเย่อู๋เทียนสามารถที่จะรับมือได้!
ภายใต้สมมติฐานดังกล่าว หลังจากที่หานตี้ซือชั่งน้ำหนักสิ่งต่างๆ ในที่สุดก็ได้ทำการตัดสินใจได้สักที
ตามหาเย่อู๋เทียนเจอ
เกลี้ยกล่อมเขา ให้ออกจากสถานที่ขัดแย้งอย่างตี้ตู!
ก่อนหน้าที่หานตี้ซือจะมาที่คฤหาสน์แห่งนี้ ได้ไปค้นหาทั่วคลังยาที่ตี้ตูแล้ว แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ…….
เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิง ได้มาถึงที่คฤหาสน์ด้วยกันแล้ว
หานตี้ซือเคาะประตูอย่างเร่งรีบไปด้วย และภาวนาไปด้วย ขอให้ได้เจอกับเย่อู๋เทียนที่นี่ด้วย
ไม่อย่างนั้น หานจื่อคุน จะต้องตามหาเย่อู๋เทียนเร็วกว่าตัวเองก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน
แบบนั้น อะไรก็สายไปหมด!
แต่ขณะที่หานตี้ซือคิดแบบนี้ ประตูของคฤหาสน์ ถูกคนเปิดจากด้านใน
หานตี้ซือถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันทีที่ประตูเปิดออก
คนแก่คนหนุ่ม
สบตากัน
สายตาของหานตี้ซือที่มองไปทางเย่อู๋เทียน เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
สายตาของเย่อู๋เทียนที่มองไปทางหานตี้ซือ มีความสงสัยเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าหานตี้ซือจะตากฝนมายังที่นี่…….
เพื่อเรื่องอะไร…….
แต่ว่า ไม่รอให้เย่อู๋เทียนถาม หานตี้ซือก็เร่งรีบพูดประโยคหนึ่งอย่างกะทันหัน
“ตามฉันมา!”
เย่อู๋เทียนนิ่งอึ้ง และถามกลับ
“ไปทำอะไร?”
ในหน้าของหานตี้ซือ หวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ทั้งกัดฟัน ทั้งกระทืบเท้า และคุกเข่าลงกับพื้น
มองดูเย่อู๋เทียน
เอ่ยปากพูดด้วยเสียงแหบแห้ง
“ตามฉันไป!”
“ฉันรับปากกับแม่ของนาย ต้องรับรองว่านายจะมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้ว รีบประคองหานตี้ซือขึ้นมา และโพล่งออกไป
“นี่ท่านกำลังทำอะไรน่ะ?”
จากนั้น เย่อู๋เทียนก็สังเกตเห็นว่า ขากางเกงของหานตี้ซือ เต็มไปด้วยเลือด ก็ถามอีกประโยคหนึ่ง
“ท่านได้รับบาดเจ็บเหรอ?”
หานตี้ซือจับข้อมือของเย่อู๋เทียนไว้แน่นๆ โดยไม่สนใจความเจ็บปวดรุนแรงที่น่องเลยสักนิด และพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“ตามฉันไป! ถือซะว่าฉันขอร้องนายล่ะ!”
โดยไม่คาดคิด ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกไป ใต้หลังคาของในลานคฤหาสน์ ก็มีเสียงเจ็บปวดดังมาอย่างฉับพลัน
“อ๊ากกกกกกก!”
“อ๊ากกกกกกก!”
“อ๊ากกกกกกกก!”
หานจื่อคุน หวาดกลัวเย่อู๋เทียนจนบ้าๆบอๆขาดสติไปแล้ว
กุมหัว กลิ้งไปมาบนพื้น!
หานตี้ซือถูกฉากนี้ดึงดูดสายตาไปอย่างรวดเร็ว วินาทีที่เห็นรูปลักษณ์ของหานจื่อคุนอย่างชัดเจน
ราวกับโดนฟ้าผ่า!
หานจื่อคุน?
หนึ่งในสี่เหล่าจู่ผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลหานเผ่าโบราณ หานจื่อคุน?
เขา……
ไม่นึกเลยว่าเขาจะตามหาที่นี่ เจอก่อนตัวเอง!
แต่ว่า…….
เกิดอะไรขึ้นกับเขาในตอนนี้?
ทำไมเหมือนกับบ้าไปแล้ว?
ในเวลานี้ เย่อู๋เทียนพูดกับหานตี้ซืออย่างสบายๆ
“ท่าน เข้ามาคุยกันเถอะ พอดีเลย ไอ้แก่หานจื่อคุน กลัวผมจนเป็นบ้าแล้ว ตอนแรกอยากถามเขา ตระกูลหานเผ่าโบราณอยู่ที่ไหน ตอนนี้กลัวจนบ้าไปแล้ว ถามอะไรไม่ได้”
หานตี้ซือดูตกตะลึง
ตกใจจนสุดขีด
“อะไรน่ะ?”
เย่อู๋เทียนยื่นมือออกไปดึงหานตี้ซือเข้าไปในประตู แล้วปิดประตูด้วย
เน้นย้ำอย่างราบเรียบประโยคหนึ่ง
“หานจื่อคุนมาหาผม อยากจะถามผมไม่กี่ประโยค ตอนแรกผมอยากรอให้หลังจากที่เขาตอบคำถามผม ผมค่อยตอบคำถามของเขา คาดไม่ถึงว่า ไอ้แก่นี้ใจไม่แข็ง แค่คำสองคำ ก็กลายเป็นสภาพนี้!”
หัวสมองของหานตี้ซือสับสน
ในเวลานี้เอง หานจื่อคุนคลานลงมาจากใต้ฝ้าเพดานท่ามกลางสายฝน และก้มคำนับให้กับเย่อู๋เทียนโดยไม่คำนึง
เสียงเหมือนกับผีเฒ่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูกจากนรกขุมที่สิบแปด
เสียงแหบแห้งและน่ากลัว
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายหนักขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าแปลกประหลาดอย่างมาก
หานจื่อคุนก้มคำนับอย่างรัวๆ
ในปากก็พึมพำ
“ฆ่าฉันเถอะ! ขอร้องล่ะ! นายฆ่าฉันเถอะ!”
“ฉันพูด! ฉันพูดทั้งหมด! ตระกูลหานเผ่าโบราณอยู่ที่เขาว่อหลงที่ตั้งอยู่ชานเมืองทิศตะวันออกของตี้ตู! นาย นายไปฆ่าพวกเขาทั้งหมดเถอะ!”
“พวกเขาทำความชั่วไว้มาก สมควรตาย!”
“นอกจากนี้ นอกจากนี้คนใบ้นั้น คือหานจื่อฉี ! คือหานจื่อฉี ให้ฉันโยนคนใบ้คนนั้นลงไปในบ่อน้ำ!”
“ไม่เกี่ยวกับฉัน! ไม่เกี่ยวกับฉัน!”
“อีกอย่าง…….อีกอย่างอีกอย่าง……หลังจากที่ฉันและหานจื่อฉี มาพวกเราไม่เพียงแต่ฆ่าคนใบ้นั้น ยังเข้าไปในบ้านเอาไหมทองหนอนฟ้าที่ปูอยู่บนโต๊ะอาหาร งานเลี้ยงครอบครัวในค่ำคืนนี้ของตระกูลหานเผ่าโบราณก็ถูกจัดขึ้นเพราะไหมทองหนอนฟ้าผืนนั้น!”
“งานเลี้ยงครอบครัวในคำคืนนี้มีชื่อว่า ชื่อ ชื่องานเลี้ยงทองดำ!”
“ฆ่าฉันเถอะ ฮือๆๆ ฉันขอร้องนายล่ะ ฆ่าฉันเถอะ อย่าได้ทรมานฉันเลย ฉันมีตาหามีแววไม่ ฉันไม่รู้ ฉันฉันฉันฉัน ฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันฉันฉันฉันกลัว! ฉันกลัว!”
ฉากนี้ในสายตาของหานตี้ซือ ทำให้หานตี้ซือถึงกับลืมเป้าหมายของการที่ตัวเองเดินทางมาที่นี่
ชั่วขณะหนึ่ง จิตใจของหานตี้ซือ ยากที่จะสงบลงได้เป็นเวลานาน!
ยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อว่า
เมื่อสามวันก่อน หานจื่อคุนที่ยังสามารถพ่นน้ำชาทะลุน่องของตัวเองได้…….
ตอนนี้ ไม่นึกเลยว่าจะราวกับผีเฒ่าตนหนึ่งที่มาจากขุมนรก กำลังขอร้องให้ยมบาลไว้ชีวิต!?
ในเวลานี้นี่เอง เสิ่นรั่วชิงเดินออกมาจากห้องครัว
ในมือยังมีผงแป้งแปดเปื้อนอยู่
ผ่านม่านฝน เสิ่นรั่วชิงราวกับผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง และพูดกับเย่อู๋เทียนประโยคหนึ่ง
“ที่รัก ไม่งั้นพี่ไปที่เขาว่อหลงก่อนมั้ย? ถ้าพี่อยากกินบะหมี่ ฉันต้องนวดแป้ง นวดแป้งเสร็จ ยังต้องพักไว้สักพัก ยังมีบะหมี่ ที่ต้องหั่น!”