จอมนักรบอหังการ - บทที่ 405 พ่อบังเกิดเกล้าของเฉิงโม่หนง ก็คือผู้อารักขาประเทศหลงคนก่อนหน้านี้
- Home
- จอมนักรบอหังการ
- บทที่ 405 พ่อบังเกิดเกล้าของเฉิงโม่หนง ก็คือผู้อารักขาประเทศหลงคนก่อนหน้านี้
จอมนักรบอหังการ บทที่ 405 พ่อบังเกิดเกล้าของเฉิงโม่หนง ก็คือผู้อารักขาประเทศหลงคนก่อนหน้านี้!
คำพูดดังกล่าวของกัวจื่อจู๋ ได้ยินไปถึงหูของเฉินยู่ฉานที่อยู่ตรงนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับคำพูดที่เลอะเลือน ได้ยินไปถึงหูของโจวซีในห้องดื่มชาในอาศรมหวินซี ก็ไม่ต่างอะไรกับคำพูดที่เลอะเลือนเหมือนกัน
แต่ ได้ยินไปถึงหูของเย่อู๋เทียนแล้วนั้น……
กลับทำให้เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่กัวจื่อจู๋ ตะโกนเรียกชื่อของเฉิงโม่หนงขึ้น……
เย่อู๋เทียนถึงต้องมองสังเกตรูปร่างหน้าตาของกัวจื่อจู๋ อีกรอบหนึ่งเลย
คล้ายกัน!
คล้ายกันจริงด้วย!
หรือว่า กัวจื่อจู๋ จะเป็นแม่บังเกิดเกล้าของเฉิงโม่หนงจริง ๆ ด้วย?
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้
สายตาของเย่อู๋เทียน ก็เปลี่ยนไปอย่างเย็นชา
คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า
โลกใบนี้ จะมีเรื่องราวที่บังเอิญแบบนี้ไปได้!
หากว่ากัวจื่อจู๋ เป็นแม่ของเฉิงโม่หนงจริง ๆ แล้ว อย่างนั้นความแค้นของหานจื่อเซียนที่เป็นแม่ของตนเอง จะแก้แค้นต่อไปได้อย่างไร?
เย่อู๋เทียนมองไปยังกัวจื่อจู๋ ด้วยความดูถูก และสอบถามอย่างเย็นชาขึ้นว่า
“ในตอนนั้นเธอได้ทอดทิ้งลูกสาวของเธอไป แล้วเธอรู้ได้อย่างไรว่า ลูกสาวของเธอนั้น มีชื่อว่าเฉิงโม่หนง? ”
เสียงตะโกนโวยวายของกัวจื่อจู๋ นั้น พลันหยุดลงในทันที
ชัดเจนว่า เธอเองก็คิดไม่ถึง ที่เย่อู๋เทียน จะถามคำถามนี้กับเธอ!
หรือว่า เย่อู๋เทียน ไม่เพียงแต่จะลงโทษฝังเข็มกับเธอแล้ว ยังจะตามกำจัด ลูกสาวของเธอด้วย?
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้
กัวจื่อจู๋ จึงรีบส่ายศีรษะ ไม่กล้าที่จะมองไปที่คู่ดวงตาของเย่อู๋เทียนอีก หลบหลีกสายตา ตื่นตระหนกอย่างกับผีสาง
“เปล่า เปล่า ฉัน ฉันฉันเมื่อครู่ฉันพูดจามั่วซั่วไป ฉันหวาดกลัวอย่างที่สุด จึงได้พูดสุ่มสี่สุ่มห้าออกไป ฉันไม่มีลูกสาว ฉันไม่เคยให้กำเนิดลูกสาวมาก่อน! ฉัน ฉันฉันฉันไม่มีทายาทอะไรเลย! ”
เย่อู๋เทียนหรี่ตาสองข้างลง
แล้วตั้งใจนำเข็มเงินมาวางไว้ที่ด้านหน้าของกัวจื่อจู๋
ปลายแหลมของเข็มเงิน มีระยะห่างจากดวงตาของกัวจื่อจู๋ เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เย่อู๋เทียนเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“ฉันถามเธอว่า ในตอนนั้นเธอได้ทอดทิ้งลูกสาวไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วเธอรู้ได้อย่างไรว่า หล่อนมีชื่อว่าเฉิงโม่หนง? ”
กัวจื่อจู๋ ตกใจจนถึงกับปิดตาสองข้างลง
เธอที่กำลังคุกเข่าที่พื้นนั้น ได้จับไปที่ขาของเย่อู๋เทียนด้วยร่างกายสั่นเทา
และพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“ฉันไม่มีลูกสาวจริง ๆ เมื่อครู่ฉันพูดมั่วซั่วไป นาย นายนายนาย นายทำการลงโทษเถอะ! ”
เย่อู๋เทียนสีหน้าเย็นชาพร้อมกับกัดฟัน
ท้ายที่สุด ก็ไม่ได้นำเข็มเงิน ทิ่มไปที่ดวงตาของกัวจื่อจู๋
โดยพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า
“ไป ไปพบเจอเฉิงโม่หนงด้วยกันกับฉัน ฉันจะทำการยืนยันต่อหน้าว่า พวกเธอ ตกลงเป็นแม่ลูกกันหรือไม่! ”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา กัวจื่อจู๋ ราวกับถูกฟ้าผ่า ลืมตาสองข้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัวในทันที
และพูดโพล่งออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่า
“นายกับเฉิงโม่หนง……ไม่ ไม่ ฉันฉันฉัน ฉันไม่มีลูกสาวจริง ๆ! ”
ชัดเจนว่า ผู้หญิงอย่างกัวจื่อจู๋ นี้ ไม่เชื่อถือใครทั้งนั้น
เย่อู๋เทียนถามขึ้นอย่างเย็นชาว่า
“เธอกำลังกังวลใจว่า ฉันจะทำไม่ดีต่อเฉิงโม่หนงใช่ไหม? ”
กัวจื่อจู๋ หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันพูดแล้วยังไงว่า ฉันไม่มีลูกสาว นายฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันเลย เร็วสิ ฉันไม่มีลูกสาวจริง ๆ! ”
เย่อู๋เทียนยิ้มเยาะ
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า เฉิงโม่หนง จะมีแม่ที่โหดร้ายอย่างเธอแบบนี้! ”
ขณะที่พูด เย่อู๋เทียนก็เก็บเข็มขึ้น
จากนั้น ก็หยิบโทรศัพท์ของตนเองออกมา
แล้วก็ต่อสายไปหาเฉิงโม่หนง
ทางฝั่งนั้นก็มีเสียงที่อ่อนเพลียของเฉิงโม่หนงดังขึ้น
“ว่าอย่างไรเหรอ? ”
เย่อู๋เทียนสอบถามขึ้นด้วยจิตใจที่ซับซ้อน
“เธออยู่ที่ไหน? ฉันมีเรื่องหนึ่ง ที่ต้องการจะพูดกับเธอ”
เฉิงโม่หนงตอบเบา ๆ ว่า
“มาที่ซอยหลัวฝูแล้ว หลังจากที่นายออกไปจากที่นั่น ฉันก็นอนไม่หลับ อีกทั้ง ยังเป็นกังวลถึงความปลอดภัยของรั่วชิงด้วย ดังนั้นจึงได้มาที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่า……จะเป็นแม่ของนาย ที่ได้รับบาดเจ็บ……”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วอย่างหนัก
หยุดนิ่งไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดก็พูดออกมาว่า
“ฉันอยู่ที่เขาหวินหลาพบเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่นี่ หล่อนบอกว่าลูกสาวของหล่อนนั้น มีชื่อและนามสกุลเดียวกันกับเธอ! ”
ใครจะไปรู้ว่าเฉิงโม่หนงที่อยู่ในสายโทรศัพท์อีกฝั่งหนึ่งนั้น ได้ยินที่พูดนี้แล้วจะมีสภาพจิตใจอย่างไร
แต่ ไม่สนใจว่าเฉิงโม่หนงที่อยู่ในสายโทรศัพท์อีกฝั่งหนึ่งนั้นจะเป็นอย่างไร เมื่อมองดูกัวจื่อจู๋ ในเวลานี้แล้ว
ถึงกับยืนตะลึงอยู่กับที่เลยทีเดียว
ยังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่า เย่อู๋เทียน จะรู้จักลูกสาวของเธอจริง ๆ ด้วย
อีกทั้งเมื่อได้ยินน้ำเสียงการพูดจาของทั้งสองคนแล้ว……
ยังมีความสัมพันธ์กันที่ไม่ธรรมดาด้วย!
นี่มัน……
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
และในขณะนี้เอง เฉิงโม่หนงที่อยู่ในสายฝั่งนั้น ก็พลันพูดกับเย่อู๋เทียนคำหนึ่งว่า
“ในใจของฉันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพ่อของฉัน หรือว่าแม่ของฉัน ล้วนก็ได้ตายลงไปหมดแล้ว บนโลกใบนี้ ฉันใส่ใจอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น ก็คือนาย รวมถึงพ่อเลี้ยงของฉัน”
เย่อู๋เทียนได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็ถึงกับตกใจเล็กน้อย
ชะงักชั่วครู่ และตอบกลับว่า
“ตกลง อย่างนั้นฉันก็จะฆ่าหล่อนทิ้งซะ”
เมื่อพูดจบ เฉิงโม่หนงก็พูดโพล่งออกมา
“อย่า! ”
เย่อู๋เทียนพูดว่า
“หล่อนชื่อว่ากัวจื่อจู๋ ที่แม่ของฉันได้รับบาดเจ็บนั้น หล่อนก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ลงมือด้วย! ”
เฉิงโม่หนงที่อยู่ในสายฝั่งนั้น พูดอะไรไม่ออกแล้ว
เย่อู๋เทียนถามว่า
“ถ้าฆ่าหล่อนแล้ว เธอจะโทษฉันไหม? ”
เฉิงโม่หนงพูดว่า
“ไม่หรอก แต่ ฉันจะหายตัวไป เพราะไม่รู้ว่าในตอนนั้นจะอยู่ในสถานะอะไร เมื่อพบเจอกับนาย”
เย่อู๋เทียนตอบกลับอย่างเย็นชา
“รู้แล้ว”
เมื่อพูดจบ เย่อู๋เทียน ก็วางสายโทรศัพท์ลง
และเมื่อมองไปที่กัวจื่อจู๋
สายตาที่มองมายังเย่อู๋เทียนนั้น นอกจากจะสะพรึงกลัวแล้ว ยังจะมีสภาพของความซับซ้อนอย่างที่สุดอีกด้วย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร กัวจื่อจู๋ ก็ก้มหน้าลง
ราวกับว่าเป็น ร่างศพที่เดินได้!
และในขณะนั้นเอง ด้านหลังของเย่อู๋เทียน ก็มีมาเพิ่มอีกคนหนึ่ง
เฉินยู่ฉาน ได้นำตัวโจวซี เข็นออกมา จากในอาศรมหวินซีแล้ว
โจวซีที่นั่งอยู่บนรถเข็น ได้กระซิบพูดกับเย่อู๋เทียนคำหนึ่งว่า
“ผู้ที่สร้างปัญหา ก็จะต้องแก้ไขปัญหาเอง”
เย่อู๋เทียนหันหน้ามองไปที่โจวซีเล็กน้อย
เปลี่ยนหัวข้อเรื่อง โดยถามขึ้นว่า
“ขาของเธอเป็นอย่างไรบ้าง? ”
โจวซีพูดว่า
“ใช้การไม่ได้แล้ว หลายปีก่อนหน้านี้ได้กินยาทะลวงชีพจรที่คุณภาพต่ำไปหนึ่งเม็ด หลังจากนั้น ก็ไปขอคำแนะนำจากเหวินไท่จี๋ แล้วก็ถูกเขาแย่งชิงวิทยายุทธไป! โลกยุทธจักรนี้ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมเอาชนะผู้ที่อ่อนแอกว่า บางครั้งนายเองก็ไม่รู้ว่า ใครที่เป็นคนดี ใครที่เป็นคนร้าย หรือว่าไม่มีแบ่งแยกว่าใครเป็นคนดีหรือเป็นคนร้าย เน้นแต่ผลประโยชน์เป็นหลัก! ”
เมื่อได้ยินชื่อเหวินไท่จี๋ เย่อู๋เทียนก็พลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้น สีหน้าตกใจ และก็สอบถามโจวซีทันทีว่า
“เหวินไท่จี๋……คนที่เธอพูดถึงนี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร? ”
โจวซีมองไปที่กัวจื่อจู๋ เล็กน้อย
“นายควรที่จะถามหล่อน”
กัวจื่อจู๋ ได้ยินชื่อของเหวินไท่จี๋ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และรีบย้อนถามกลับไปยังโจวซีด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า
“เหวินไท่จี๋ยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ”
โจวซีตอบว่า
“ผู้อารักขาประเทศหลงคนก่อน จะตายลงไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร? ”
กัวจื่อจู๋ ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรขึ้น ความหวาดกลัวบนใบหน้าก็หมดสิ้นไป และถามอีกคำว่า
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? ”
โจวซีไม่ได้ตอบ แล้วก็ส่งสายตามองไปที่ร่างของเย่อู๋เทียนอีกครั้ง
ส่วนเย่อู๋เทียนนั้น ก็ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าของเขาก็มืดมนไปชั่วขณะ มองไปที่กัวจื่อจู๋ และถามขึ้นอย่างเย็นชาว่า
“เธอกับเหวินไท่จี๋มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน? ”
แม้กัวจื่อจู๋ จะชะงักไปบ้าง แต่ก็ยังคงพูดความจริงออกมา
“เขาคือ……พ่อผู้ให้กำเนิดเฉิงโม่หนง! ”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง ในหัวสมอง ผุดภาพของชายชราผมขาวคนหนึ่งขึ้นมา
อีกทั้ง ตนเอง ก็ได้รับการยอมรับจากเขา ก่อนที่จะมีตำแหน่งหน้าที่ในประเทศหลงอย่างทุกวันนี้!
เพียงแต่……
ตนเองมองว่า เขา เหมือนจะไม่ใช่คนในโลกยุทธจักร!
ทำไม
เขาถึงเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเฉิงโม่หนงไปได้?