จอมนักรบอหังการ - บทที่ 406 หอหมากรุก ปกครองดูแลสรรพสิ่งที่มีชีวิต น่าจะสนุกไม่น้อยเลย 1
- Home
- จอมนักรบอหังการ
- บทที่ 406 หอหมากรุก ปกครองดูแลสรรพสิ่งที่มีชีวิต น่าจะสนุกไม่น้อยเลย 1
จอมนักรบอหังการ บทที่ 406 หอหมากรุก ปกครองดูแลสรรพสิ่งที่มีชีวิต น่าจะสนุกไม่น้อยเลย? 1
ที่สำคัญที่สุดก็คือ
เหวินไท่จี๋ ไม่ได้มีอายุแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น?
ต้องทราบว่า ต่อให้เป็นกั๋วเหล่าเหวินเติงเจินของประเทศหลง เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ก็ยังจะต้องเรียกขานว่าคุณปู่อย่างเคารพนอบน้อมเลย!
ถ้าเป็นแบบนี้ ด้วยอายุของเหวินไท่จี๋แล้ว จะมาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเฉิงโม่หนงได้อย่างไร?
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ
ถ้าหากเหวินไท่จี๋เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเฉิงโม่หนงจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเขากับกัวจื่อจู๋ ที่อยู่ด้านหน้านี้ ไปทำความรู้จักกันได้อย่างไร?
แล้วเหวินไท่จี๋ กับวัดอี่เซียน มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก?
คำถามแล้วคำถามเล่า ถาโถมเข้ามาในหัวสมองของเย่อู๋เทียน ทำให้เขาเต็มไปด้วยความกังวลใจ!
เพราะถ้าหากเหวินไท่จี๋เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเฉิงโม่หนงจริง ๆ แล้ว ก็แสดงว่า เขาอาจจะสมรู้ร่วมคิดกับวัดอี่เซียนมาก่อนแล้วก็เป็นไปได้!
หากว่าเหวินไท่จี๋สมรู้ร่วมคิดกับวัดอี่เซียนแล้วจริง ๆ……
ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งหน้าที่ที่เกินกว่าคนทั่วไปในประเทศหลงนั้น ก็จะต้องเกิดผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายเป็นแน่!
ถ้าคิดในแบบนี้ เย่อู๋เทียน ก็ยิ่งจะตระหนักได้ถึงผลลัพธ์อันร้ายแรงของเรื่องนี้มากขึ้น จึงได้ชี้นิ้วไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของกัวจื่อจู๋ ในทันที
กระแสลมที่โหมกระหน่ำ ได้เข้าไปสู่ภายในศีรษะของกัวจื่อจู๋ โดยพลัน!
วิทยายุทธของกัวจื่อจู๋ ก็ได้ถูกเย่อู๋เทียนใช้วิชากุญแจทิพย์ในเต้าจ้าง ปิดผนึกเอาไว้แล้ว!
เวลานี้ กัวจื่อจู๋ มีความรู้สึกเพียงอย่างเดียว
ไม่ว่าชี่แท้ในร่างกายของตัวเองจะพลุ่งพล่านมากแค่ไหน แต่เมื่อขับเคลื่อนชี่แท้แล้ว ทั้งศีรษะ ก็เหมือนจะระเบิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น!
กัวจื่อจู๋ มองไปที่เย่อู๋เทียนอย่างหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“นาย……นายทำอะไรกับฉัน? ”
เย่อู๋เทียนหรี่ตาสองข้างลง และตอบกลับว่า
“ก็แค่ใช้วิชาลี้ลับอย่างหนึ่ง ปิดผนึกพลังของเธอเอาไว้ก็แค่นั้น! ”
พูดถึงตรงนี้ เย่อู๋เทียนก็พูดเสริมขึ้นอีกคำหนึ่งว่า
“ตอนนี้ดูเหมือนว่า ต่อให้เธอจะไม่ยินยอม ไม่เต็มใจมากมายแค่ไหน ฉันก็จะพาเธอไปพบเจอกับเฉิงโม่หนง ไม่เพียงเท่านี้ ฉันยังพาเธอไป พบเจอกับเหวินไท่จี๋ด้วย ฉันต้องการจะดูว่า เหวินไท่จี๋นั้น ตกลงเป็นศัตรูของประเทศ หรือว่า ผู้อารักขาประเทศกันแน่! ”
กัวจื่อจู๋ ได้ยินดังนั้น ก็เกิดสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนก ผสมกับความคับข้องใจที่ไม่สามารถปกปิดได้
เหวินไท่จี๋……
สำหรับเธอแล้ว พูดถึงได้แค่สี่คำเท่านั้น
ทั้งรักทั้งเกลียด!
พูดได้ว่า ที่กัวจื่อจู๋ สามารถเป็นอยู่อย่างในปัจจุบันนี้ได้ มีความสำเร็จก็เพราะเหวินไท่จี๋ ล้มเหลวก็เพราะเหวินไท่จี๋!
ทางด้านโจวซีและเฉินยู่ฉานทั้งสองคน
เมื่อได้ยินเย่อู๋เทียนพูดว่าจะพากัวจื่อจู๋ ไปหาเหวินไท่จี๋ สีหน้าท่าทางของพวกเธอ ก็เกิดความซับซ้อนขึ้นอย่างที่สุดพร้อมกันเลย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจวซี……
เดิมที พลังความสามารถของเธอ วิทยายุทธของเธอ เทียบเคียงได้กับกัวเถาจือเลยทีเดียว
แต่ผลสุดท้ายล่ะ?
หลังจากที่ถูกกัวเถาจือลอบทำร้ายแล้ว เดิมทีคิดที่จะไปหาเหวินไท่จี๋เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะกลายเป็นหนีเสือปะจระเข้ไปได้!
วิทยายุทธทั้งหมด ได้กลายเป็นอาหารอันโอชะของเหวินไท่จี๋ไปแล้ว!
สำหรับเฉินยู่ฉาน……
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างแห่งวัดอี่เซียน เธอไม่กลัวตาย แต่บนโลกใบนี้ กลับหวาดกลัวเพียงแค่คนเดียว
คนผู้นี้ ก็คือเหวินไท่จี๋!
จวบจนวันนี้ เฉินยู่ฉานถึงเข้าใจได้ว่า!
ความจริงแล้ว ที่ขาทั้งสองข้างของโจวซีใช้การไม่ได้นั้น แม้ว่าต้นเหตุจะเป็นเพราะกัวเถาจือ แต่คนร้ายตัวจริงที่ทำให้เธอกลายเป็นอัมพาตนั้น……
ก็คือเหวินไท่จี๋!
มิน่าล่ะ ที่โจวซีไม่เคยได้เอ่ยถึงเรื่องราวนี้กับตัวเองมาก่อนเลย
พูดอีกอย่างหนึ่งว่า ต่อให้โจวซีเอ่ยถึงเรื่องราวนี้กับตัวเอง แล้วตัวเอง จะสามารถทำอะไรได้ล่ะ?
ขณะที่กำลังครุ่นคิดกันอยู่นั้น
เฉินยู่ฉานก็พลันเกิดปฏิกิริยาตอบสนองขึ้น แล้วพูดเตือนต่อเย่อู๋เทียนคำหนึ่งว่า
“เหวินไท่จี๋ ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับเขา! ”
โจวซีเองก็พูดเสริมขึ้นอย่างร้อนใจว่า
“ใช่แล้ว เย่อู๋เทียน นายอย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวก่อเรื่องกับไอ้แก่เหวินไท่จี๋นั้นเลย คนผู้นี้ น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก! ”
เย่อู๋เทียนมองไปที่โจวซี และสอบถามขึ้นว่า
“เมื่อครู่เธอพูดว่า ขาทั้งสองข้างของเธอนั้น ถูกเหวินไท่จี๋ทำร้ายจนใช้การไม่ได้ เรื่องนี้ เป็นความจริงเหรอ? ”
โจวซีพูดขึ้นว่า
“ในตอนนั้นถึงแม้จะถูกเขาทำร้ายจนขาสองข้างใช้การไม่ได้ แต่ยังคงมีชีวิตรอดอยู่ ก็ถือเป็นโชคดีมากแล้ว ฉัน ไม่โทษใครอีก! ”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และสอบถามขึ้นอีกว่า
“ความหมายก็คือ นับตั้งแต่วันนี้ไป เธอยินยอมที่จะนั่งอยู่บนรถเข็นนี้ไปตลอดชีวิต ไม่อยากที่จะลุกขึ้นยืนอีกแล้วใช่ไหม? ”
โจวซียิ้มอย่างขมขื่น
“อยากที่จะลุกยืนขึ้นได้อีกแน่นอน แต่บนโลกใบนี้ นอกจากเหวินไท่จี๋แล้ว เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถรักษาขาสองข้างของฉันได้อีก! ”
เย่อู๋เทียนหัวเราะฮึฮึ และเดินเข้ามาที่ด้านข้างของโจวซี
แล้วยื่นมือออกมาจับเส้นชีพจรของเธอ
เพียงครู่เดียว ก็มีความมั่นใจแล้ว จึงพูดขึ้นว่า
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า บนโลกใบนี้นอกจากฉันที่จะเข้าใจในเต้าจ้างอย่างถ่องแท้แล้ว ยังจะมีอีกคนหนึ่ง ที่ยังพอจะเข้าใจความหมายของคัมภีร์นี้ด้วย! ”
โจวซียิ่งมีท่าทางขมขื่นหนักขึ้นไปอีก
“พอที่จะเข้าใจในเต้าจ้างเหรอ? เหวินไท่จี๋นั้น เป็นถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการศึกษาวิชาเต้าจ้าง ที่นายพูดนี้ มันเกินไปหน่อยไหม……”
ยังไม่ทันรอให้โจวซีพูดจบ
เธอก็รู้สึกว่า ชี่แท้บริสุทธิ์อย่างที่สุดนั้น ได้เริ่มต้นจากข้อมือของตัวเอง กระจายเข้าไปสู่เส้นชีพจรทั้งหมดในร่างกายของเธอเองแล้ว