จอมนักรบอหังการ - บทที่ 435 ขอร้องท่านได้โปรดรับป้ายเจินอู่ มิเช่นนั้น ถึงตายฉันก็จะไม่ลุกขึ้น 1
- Home
- จอมนักรบอหังการ
- บทที่ 435 ขอร้องท่านได้โปรดรับป้ายเจินอู่ มิเช่นนั้น ถึงตายฉันก็จะไม่ลุกขึ้น 1
จอมนักรบอหังการ บทที่ 435 ขอร้องท่านได้โปรดรับป้ายเจินอู่ มิเช่นนั้น ถึงตายฉันก็จะไม่ลุกขึ้น! 1
หลังจากหวงฝู่เจิ้งฉีซ่อมแซมหลังคาบริเวณลานบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นโฉมใหม่
ไม้ที่ใช้นั้น ล้วนเป็นไม้จันทน์ไหมทองพันปีเป็นมาตรฐานขั้นต่ำ
หวงฝู่เจิ้งฉีสั่งให้สมาชิกหลักของตระกูลหวงฝู่ในตี้ตู ขนส่งมาโดยเร็วที่สุด
ขณะนี้ สมาชิกหลักของตระกูลหวงฝู่ ทุกคนกำลังรออยู่ในรถหรูเป็นแถว ที่จอดอยู่ด้านนอกประตูใหญ่
เพียงแค่ใครก็ตามยืนออกมาคนหนึ่ง ล้วนเป็นบุคคลที่สามารถทำให้โลกยุทธจักรหรือโลกธุรกิจ ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีได้!
หลังจากเย่อู๋เทียนเดินเข้ามาในซอยหลัวฝูแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองรถหรูที่จอดเป็นแถวตรงบริเวณประตูใหญ่
เขารู้สึกสงสัยว่าคนที่นั่งอยู่ในรถ…..
เป็นใคร?
เขารู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาทุกคน ล้วนมีความผันผวนของชี่แท้?
และขณะที่เย่อู๋เทียนรู้สึกสงสัย
ทันใดนั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งลงมาจากรถมายบัครุ่นท็อป
หญิงสาวคนนี้ชื่อหวงฝู่เหยา เป็นลูกสาวของหวงฝู่เจิ้งฉี ปีนี้เธออายุยี่สิบสี่
รูปร่างหน้าตาสวยและมีเสน่ห์ บุคลิกลักษณะโดดเด่น
ผมสีดำสนิทของเธอ ถูกตรึงไว้สูงด้วยปิ่นเกล้าผมสีเขียว
คองามระหง ผิวขาวราวกับหิมะ
สวมชุดกระโปรงยาวรัดรูป เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทที่เพียงแค่มอง ก็สามารถทำให้คนรู้สึกชื่นชม
หลังจากหวงฝู่เหยาลงมาจากรถแล้ว เธอเดินตรงไปที่เย่อู๋เทียน
ขณะเดียวกัน เธอก็สังเกตเย่อู๋เทียนอย่างละเอียด
ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มหน้าตาเคร่งขรึมที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าบุคลิกลักษณะของเขาจะพิเศษ แต่ร่างกายของเขาไม่มีความผันผวนของชี่แท้
เห็นได้ชัดว่าเขาแตกต่างกับคนที่อาศัยอยู่ในบ้านเก่าหลังนี้
เขาน่าจะไม่ใช่เจ้าของบ้านเก่าหลังนี้ แต่เป็นผู้ที่พักอาศัยทั่วไปของบ้านหลังอื่น ๆ ในซอยหลัวฝู
ขณะที่กำลังคิด หวงฝู่เหยาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเย่อู๋เทียนแล้ว และเอ่ยปากว่า
“สวัสดีค่ะ ขอรบกวนถามเรื่องหนึ่ง”
เย่อู๋เทียนคิดว่าอีกฝ่ายอาจถามทาง เขาจึงกล่าวว่า
“มีอะไรเหรอ?”
หวงฝู่เหยามองบ้านเก่าที่อยู่ข้างหลัง และถามเบา ๆ
“ขอละลาบละล้วงถามคุณหน่อย คุณรู้หรือไม่ว่าคนที่พักอาศัยอยู่ในบ้านเก่าหลังนี้เป็นใคร?”
เย่อู๋เทียนอึ้งเล็กน้อย ไม่ตอบแต่กลับถามกลับ
“คุณถามเรื่องนี้ทำไม?”
ความอึดอัดปรากฏอยู่ในดวงตาของหวงฝู่เหยา เธอกล่าวเบา ๆ
“เพียงแค่อยากรู้เท่านั้น”
เย่อู๋เทียนไม่เปิดเผยสถานะของตนเอง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเช่นนั้น คุณก็เข้าไปถามข้างในบ้านสิ ข้างในยังเปิดไฟอยู่ ต้องมีคนอยู่อย่างแน่นอน”
หวงฝู่เหยายิ้มด้วยความขมขื่น
คิดอยู่ในใจ…..
ถ้าหากเข้าไปได้ ตนเองเข้าไปนานแล้ว!
ตอนกลางวัน พ่อบอกให้ตนเองส่งไม้มาให้เร็วที่สุด
ตอนแรก ตนเองคิดว่าบ้านเก่าหลังนี้ เป็นบ้านหลังหนึ่งที่พ่อของตนเองซื้อในตี้ตู
แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าของบ้านนี้จะเป็นคนอื่น
ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทางของพ่อตนเองตอนที่อยู่ในบ้านเก่าหลังนี้ เรียกว่าถ่อมตนมาก
โดยเฉพาะต่อหน้าสาวสวยคนนั้น เขาระมัดระวังทุกการกระทำ!
พ่อตนเองเป็นคนระดับไหน?
ทำไมต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น ถึงได้ระมัดระวังเช่นนั้น?
ตนเองอยากรู้มาก!
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อสามชั่วโมงก่อน
หลังจากพ่อตนเองซ่อมหลังคาบ้านหลังเก่าด้วยตัวเองเสร็จแล้ว พ่อยังสั่งตนอง…..
ให้ตนเองไปซื้อวัตถุดิบปรุงอาหารมาด้วย!
หลังจากนั้น เขาก็ให้ตนเองรีบออกไปจากที่นี่!
นี่มันอะไรกันแน่?
หรือว่าผู้หญิงที่อยู่ในบ้านเก่าหลังนี้ เป็นเมียน้อยที่พ่อเลี้ยงดูอยู่ข้างนอก?
ไร้เหตุผล!
พ่อกับแม่ของตนเองรักกันมาก!
พ่อทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองท่าทางตอนนั้นของพ่อแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาถือว่าบ้านเก่าหลังนี้เป็นบ้านของตนเองแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังลงมือทำอาหารให้ผู้หญิงที่อยู่ในบ้านด้วยตนเอง!
ตนเองยังไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้มาก่อน!
ประกอบกับความสวยของผู้หญิงคนนั้นแล้ว……
สันนิษฐานว่าแม้แต่วีรบุรุษอย่างพ่อของตนเอง ก็ยากที่จะผ่านด่านสาวงามได้เช่นกัน!
เมื่อคิดเช่นนั้น หวงฝู่เหยารู้สึกโกรธเล็กน้อย
เมื่อเย่อู๋เทียนเห็นหวงฝู่เหยาไม่พูดอีก เขาถามอีกครั้ง
“คุณมาที่นี่ เพื่อหาคนหรือเปล่า?”
หวงฝู่เหยาไม่สนใจเย่อู๋เทียน และไม่พูดอะไร เธอหันหลังแล้วเดินไปที่รถมายบัค
เย่อู๋เทียนตะลึงเล็กน้อย
รู้สึกตลกเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ ต้องการความช่วยเหลือก็มีไมตรี แต่หลังจากหมดประโยชน์แล้วก็เมินเฉย
เมื่อสักครู่ตอนที่ถามตนเอง สุภาพมาก แต่ตอนนี้เป็นไงล่ะ หลังจากสอบถามไร้ผลลัพธ์แล้ว หันหลังแล้วเดินจากไปเลย
เย่อู๋เทียนส่ายศีรษะ แล้วเดินมุ่งหน้าไปที่ประตูใหญ่
และขณะที่เย่อู๋เทียนเปิดประตูใหญ่และเดินเข้าไป หวงฝู่เหยาที่นั่งอยู่ในรถ ตกตะลึงไปชั่วขณะ
นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนนี้ จะเป็นสมาชิกของบ้านเก่าหลังนี้
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ หวงฝู่เหยารีบลงมาจากรถ และไล่ตามเขาไป
นึกไม่ถึงว่าทันทีที่เธอเดินไปถึงหน้าประตูใหญ่ ก็เห็นภาพที่ทำให้เธอตกตะลึง
เห็นพ่อของตนเองกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งที่อยู่ข้างในประตูใหญ่
และหลังจากพ่อตนเองเห็นชายหนุ่มผลักประตูเดินเข้าไปแล้ว…..
เขาลุกขึ้นแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งทันที
“หวงฝู่เจิ้งฉี ขอคารวะเจ้าสำนัก!”
“……”
“……”
ไม่เพียงแค่หวงฝู่เหยาเท่านั้นที่พูดไม่ออกชั่วขณะ แม้แต่เย่อู๋เทียนก็พูดไม่ออกเช่นกัน