จอมนักรบอหังการ - บทที่ 62 หากทำไม่สำเร็จก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะตาย!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 62 หากทำไม่สำเร็จก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะตาย!
พอได้ยินประโยคนี้ เย่จื่อหลงราวกับถูกสายฟ้าฟาด
ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึง
ว่าความคิดของตนเองจะถูกคนตรงหน้ามองทะลุปรุโปร่งได้ง่ายเช่นนี้
ดูแล้ว……
วันนี้ตนเองน่าจะหนีตายลำบาก!
เพื่อแผนของวันนี้แล้ว คงทำได้แค่ สู้ตายกันสักตั้ง!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เย่จื่อหลงค่อยๆลุกขึ้นยืน
เย่อู๋เทียนหรี่ตามองเขา ดูมีจิตใจที่เข้มแข็งดี……
แต่พอนึกถึงทั้งสองมือของเย่จื่อหลงที่เต็มไปด้วยเลือด อีกอย่างยังกำจัดเสิ่นรั่วชิงด้วยมือตัวเองอีกด้วย!
เรื่องนี้ให้อภัยไม่ได้!
เย่อู๋เทียนเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหว
ครึก!
แรกเริ่มเหยียบก้อนหินที่ด้านล่างเท้าจนแตก
ต่อมา เย่อู๋เทียนขยับเท้าอีกครั้ง ก็เห็นว่าก้อนหินก้อนนั้น ยิงไปยังเย่จื่อหลงอย่างรวดเร็ว
โจมตีโดนหัวเข่าของเย่จื่อหลงอย่างไม่คาดคิดเลยสักนิด
ต่อมา……
เย่จื่อหลงโซเซ ล้มลงบนพื้น
นัยน์ทั้งสองข้างของเย่จื่อหลงโมโหอย่างมาก
ไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าพลังตันชั้นยอดที่ตนเองมีจะใช้การไม่ได้เช่นนี้
ผู้ชายคนนี้ ตกลงมีพลังแบบไหนกันแน่?
ทำไมถึงน่ากลัวเช่นนี้?
เย่อู๋เทียนมองเย่จื่อหลงด้วยสายตาเรียบเฉย
“ฉัน ให้นายยืนขึ้นแล้วงั้นหรือ?”
บนใบหน้าของเย่จื่อหลงมีแต่เส้นเลือดที่แทบระเบิดออกมา ความโกรธ ความไม่พอใจ ผสมผสานกันอยู่ในหัวใจเขา
จนถึงวันนี้พึ่งจะได้รู้
ว่าอะไรที่เรียกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน
เย่จื่อหลงมองเย่อู๋เทียนด้วยความโมโห
“แค่เพราะท่านไม่ชอบพรสวรรค์แห่งบู๊ของฉัน?”
เย่อู๋เทียนขี้เกียจจะตอบคำถามนี้ของเย่จื่อหลง แล้วค่อยๆพูดออกมา
“ให้เวลานายคิดสิบนาที!”
“ถ้าไม่ฆ่าตัวตาย ก็หักแขนอีกข้างของตัวเองทิ้งซะ ไสหัวไปจากประเทศหลง แล้วหลังจากนี้ถ้ากล้าเข้ามาเหยียบประเทศหลงแม้แต่ก้าวเดียวล่ะก็ ได้ตายไม่เหลือเถ้าถ่านแน่!”
สีหน้าของเย่จื่อหลงราวกับเถ้าที่ดับมอดไป
ให้ตัวเองหักแขนอีกข้าง?
นี่มันทำให้เขาทรมานถึงชีวิตมากกว่าการฆ่าเขาเสียอีก!
ไม่มีแขนทั้งสอง!
แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับคนพิการ?
ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างก็เงียบด้วยความหวาดกลัว
เมื่อครู่ที่เย่จื่อหลงเดินมาจากแม่น้ำ ลงมือหักเข้าที่แขนข้างหนึ่งของเฉาจ้านหยางหัวหน้าทหารประเทศหลงอย่างโหดเหี้ยม!
น่าเกรงขามที่ไหนกัน?
ตอนนี้……
กลับเหมือนปลาที่อยู่บนเขียง ที่จะโดนใครกดขี่อย่างไรก็ได้!
หัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์ของวิหารเทพที่ว่านี่ สรุปแล้วมันน่ากลัวแค่ไหนกัน?
วันนี้เขามาปรากฏตัวที่นี่!
ต้องการอะไรกันแน่?
คำถามนี้ ทำให้องครักษ์สิบสองเกราะดำของวิหารเทพที่ยืนอยู่บริเวณอาคารปลูกสร้างโดยรอบคิดอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน!
และในเวลานี้ เสียงของเย่อู๋เทียนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“วิหารเทพ องครักษ์สิบสองเกราะดำ เห็นว่าฉันอยู่ที่นี่ ยังไม่มาทำความเคารพตรงหน้าอีก?”
องครักษ์สิบสองเกราะดำ ต่างก็มองหน้ากัน
พวกเขาตามร็อกลินมาที่เจียงไห่
ไม่ใช่เพื่องานดูแลงานประชุมสุดอำนาจที่จัดขึ้นวันนี้
ยิ่งไม่ใช่เพื่อช่วยร็อกลิน หรือมาฆ่าเย่อู๋เทียน
แต่เพราะมีจุดประสงค์อื่น
ตอนนี้……
กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่ใหญ่ขนาดนี้
เย่อู๋เทียนไม่ได้ปรากฏตัว
ที่ปรากฏตัวก็มีแต่หัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์ที่ถูกเย่อู๋เทียนฆ่าตายเมื่อเจ็ดปีก่อน
องครักษ์สิบสองเกราะดำ ต่างก็หวาดกลัวกันไปซะหมด
แต่อานุภาพที่“หัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์”แสดงออกมา องครักษ์สิบสองเกราะดำ ก็ค่อยๆตกลงมาที่บริเวณโดยรอบของอาคารปลูกสร้าง
แต่คนที่มาตรงหน้าเย่อู๋เทียน กลับไม่ได้คุกเข่าทำความเคารพตามพิธี
เย่อู๋เทียนหรี่ตามอง
“เห็นฉันแต่ไม่คุกเข่า?”
หัวหน้าขององครักษ์สิบสองเกราะดำ นามว่ามังกรดำ ค่อยๆพูดออกมา
“บนโลกนี้ มีแค่คนเดียวที่มีค่าให้พวกเราคุกเข่าทำความเคารพ”
ตาของเย่อู๋เทียนกระตุกเล็กน้อย
“ใคร?”
มังกรดำลังเลอยู่สักพัก
“เย่อู๋เทียน!”
พอพูดจบ ผู้นำส่วนใหญ่ของหกสิบประเทศก็เบิกตากว้าง
รวมถึงร็อกลินที่อยู่ไม่ไกล ก็ตาค้าง นิ่งอึ้งไป
องครักษ์สิบสองเกราะดำ……
ยอมศิโรราบให้เย่อู๋เทียนแล้ว?
อีกอย่าง ถึงกล้าเอ่ยชื่อเย่อู๋เทียนต่อหน้า“ปีศาจแดง”หัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์?
องครักษ์สิบสองเกราะดำนี่ รนหาที่ตายจริงๆ!
แต่ไม่ได้คิด ว่า“ปีศาจแดง”ในสายตาพวกเขากลับไม่ได้ทำให้องครักษ์สิบสองเกราะดำลำบากใจแต่อย่างใด
แต่กลับถามคำถามออกมา
“ตอนนี้เหมือนว่า พวกนายอยู่ฝั่งเย่อู๋เทียนแล้ว?”
องครักษ์สิบสองเกราะดำ จู่ๆก็เหมือนทำชั่วร้ายแรง
มังกรดำเอ่ยปากพูดขึ้นอีกครั้ง
“ปีศาจแดงแห่งผู้พิทักษ์ เมื่อเจ็ดปีก่อนท่านรอดชีวิตจากเงื้อมมือของเย่อู๋เทียนไปได้ ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีอำนาจบาตรใหญ่ แต่ต่อหน้าเย่อู๋เทียน ท่านก็เป็นได้แค่มดตัวเล็กๆ!”
“มาสิ จะสู้ก็มา!”
“เย่อู๋เทียนมีบุญคุณกับองครักษ์สิบสองเกราะดำ!”
“ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าพวกฉันทั้งสิบสองคนร่วมมือกัน จะเรียกเย่อู๋เทียนออกมาไม่ได้!”
“วันนี้ ถึงแม้ว่าองครักษ์สิบสองเกราะดำจะตายระหว่างสู้รบ นายอย่าได้คิดว่าจะมาก่อความวุ่นวายภายในประเทศหลงได้อย่างง่ายๆ!”
พูดจบ มังกรดำ และพวกของเขาทุกคนต่างก็พร้อมที่จะสู้รบขึ้นมาทันที ไอพิฆาตคุกรุ่น
เย่อู๋เทียนได้ยินคำพูดของมังกรดำ
ในใจรู้สึกซาบซึ้งอยู่ไม่น้อย
ก่อนหน้านี้ที่เรือนสั่งสอน เขาช่วยไม่ผิดคนจริงๆ
บนใบหน้าของเย่อู๋เทียนเผยรอยยิ้มขึ้นมา แล้วพูดเสียงเรียบเฉย
“ดูเหมือนว่า ยาที่สั่งให้พวกนายไปก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้ผิด”
“พวกนายทั้งสิบสอง ถึงแม้ว่ายาต้องห้ามจะยังไม่ถูกกำจัดทิ้งไปซะหมด แต่ช่วงนี้ ก็พัฒนาได้รวดเร็วมาก!”
องครักษ์สิบสองเกราะดำได้ยินคำพูดของเย่อู๋เทียน ต่างก็ตกอกตกใจ
นี่……
“ปีศาจแดง”รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
ไม่ใช่สิ
เสียงของเขา……
เขาคือชิงตี้!
เขาคือเย่อู๋เทียน!
เย่อู๋เทียนกวาดสายตามององครักษ์สิบสองเกราะดำ แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
“มองออกก็ไม่ต้องพูด ต่อไปนี้ ฟังคำสั่งโยกย้ายของฉัน ตอนนี้รอก่อน ไม่ต้องถามให้มากความ!”
ประโยคนี้ทำให้องครักษ์สิบสองเกราะดำรู้สึกสบายใจในแผนการ
ที่แท้……
ผู้ชายตรงหน้าคนนี้เป็นเย่อู๋เทียนจริงๆด้วย!
โดยเฉพาะมังกรดำ ก้อนหินที่ทับอยู่ในใจ ในที่สุดก็ตกลงไปเสียที
พอคิดอีกที
ก็ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือความคาดหมาย
บนโลกตอนนี้มีแค่เย่อู๋เทียนเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ที่สามารถจัดการกับยอดฝีมือที่มีพลังตันชั้นยอดได้!
และมีแค่เย่อู๋เทียนที่บรรลุถึงระดับที่กำหนดแล้วแบบนี้ ถึงสามารถเปลี่ยนโฉมหน้า ไม่ถูกใครจับได้!
เพียงแต่……
ทำไมชิงตี้ต้องปลอมตัวเป็น“ปีศาจแดง”?
หรือว่าเพื่อทดสอบหยั่งเชิงความซื่อสัตย์ของตนเองกับเกราะดำสิบเอ็ดคนอื่นๆ?
ในใจของมังกรดำเต็มไปด้วยความสงสัย!
และเวลาต่อมา ประโยคที่เย่อู๋เทียนพูดก็ทำให้ทุกคนตกใจ
“เย่อู๋เทียน ก็แค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง!”
“องครักษ์สิบสองเกราะดำ ถ้าพวกนายรู้จักวางตัว ฟังคำสั่งของฉัน ฉันจะละเว้น!”
“ไม่เช่นนั้น……”
พูดถึงตรงนี้ เย่อู๋เทียนก็เดินมามองมังกรดำตรงหน้า ยื่นมือออกไปชี้ จิ้มที่หน้าอกของฝ่ายตรงข้าม
ทันใดนั้น มังกรดำก็พ่นเลือดออกมาเป็นสีดำ
สีหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที
ในสายตาของคนอื่นๆ ภาพฉากนี้ก็เหมือนกับปรากฏการณ์ลี้ลับ!
แต่มังกรดำกลับทราบดี การชี้ของเย่อู๋เทียนครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการทำร้ายเขา แต่เป็นการช่วยเหลือเขา!
ตรวจวินิจฉัยเส้นลมปราณด้วยตัวเขาเอง
ยาต้องห้าม ได้ถูกกำจัดไปหมดแล้ว!
ที่สำคัญก็คือ การชี้ของเย่อู๋เทียน ไม่เพียงแต่บรรเทาโรคในร่างกายเขา อีกทั้งยังช่วยให้พลังเขาก้าวขึ้นไปอีกขั้น
ชั่วพริบตา ในสายตาของมังกรดำก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใสอย่างบ้าคลั่ง
แล้วคุกเข่าลงที่พื้น
“วิหารเทพ องครักษ์สิบสองเกราะดำ ยินดีรับคำสั่งโยกย้ายของท่านขอรับ!”
หลังจากที่มังกรดำคุกเข่าลง
เกราะดำสิบเอ็ดคนอื่นๆ ต่างก็คุกเข่าลง
ทุกคนในที่เกิดเหตุ ต่างก็ตกอกตกใจ
องครักษ์สิบสองเกราะดำของวิหารเทพนี่ เมื่อครู่ยังสู้เพื่อความชอบธรรมอยู่เลย ตอนนี้……
ต่างก็ยอมกันหมดแล้ว?
ดูแล้ว บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่น่าเชื่อถือได้เลยสักนิด
ที่มีก็แค่ เคารพผู้ที่เหนือกว่า!
ต่อมา เย่อู๋เทียนยกมือขึ้นเบาๆ หมายถึงว่าให้องครักษ์สิบสองเกราะดำลุกขึ้นได้
หลังจากนั้น พอฟังคำสั่ง ก็ตั้งใจไว้ว่าหากทำไม่สำเร็จก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะตาย!
“ไป จับเขามัดไว้ มีเขาอยู่ในกำมือของพวกเรา ไม่ต้องกังวลว่าเย่อู๋เทียนจะไม่โผล่หน้ามา!”
พูดถึงตรงนี้ เย่อู๋เทียนก็มองไปยังรอบๆอีกครั้ง เลยพูดเสริม
“ฉันได้ยินมาว่า วันนี้คนที่จะฆ่าเย่อู๋เทียน มีเยอะมากเลยล่ะ ไหนลองออกมาซิ ร่วมมือกับฉัน เพื่อความกาวหน้าของประเทศหลง จับมัดซะให้หมด!”
ทุกคนต่างก็เงียบ!
ทุกคนในที่เกิดเหตุ มีแค่เฉาจ้านหยางที่กำลังรักษาบาดแผลอยู่ไม่ไกลนัก แอบคาดเดาถึงการเคลื่อนไหวของเย่อู๋เทียน
สมเป็นชิงตี้เลย
ไม่เพียงแต่พลังมหาศาล!
สติปัญญาและแผนการ ในโลกนี้ไม่มีใครเทียบได้!
พอถูกชิงตี้ทำแบบนี้ ผู้นำแต่ละประเทศพันธมิตรที่นำกองกำลังทหารมาครั้งนี้ จะต้องลอยน้ำอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้น ก็ใช้วิธีมัดพวกเขาไว้ด้วยกัน!
แต่สถานการณ์มั่นคง……
ไม่ต้องเสียแรงเปล่า!
และไม่ต้องเสียกำลังคน!
เพียงแต่……
การสร้างสถานการณ์นี้ จะใช้การลักพาตัวเป็นข้อแลกเปลี่ยน?
ก็คงมีเพียงแค่ชิงตี้แล้วที่สามารถบ้าคลั่งได้แบบนี้!
พอนึกถึงตรงนี้ บนใบหน้าของเฉาจ้านหยางก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
เฉาจ้านหยางคาดเดาถึงจิตใจของเย่อู๋เทียนได้แล้ว แต่คนอื่นๆยังคงมึนงงอยู่
ข้างกายเขามีองครักษ์เงาฟ้าติดตามอยู่ มองเงื่อนงำใดๆไม่ออก เพียงแค่คิดว่า……
ทั้งประเทศหลง!
วันนี้จะต้องพบเจอกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา!
พอคิดถึงตรงนี้
องครักษ์เงาฟ้าที่นามว่าดาบคมคนนี้ ก้าวไปข้างหน้า มองไปยังเย่อู๋เทียนอย่างเย็นชา
“ขีดจำกัดพลังตัน?”
“จะมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ในประเทศหลงของฉัน?”
“ฉัน ดาบคมแห่งหอจักรพรรดิเซียน จะไม่ยอมรับเป็นคนแรก!”
เย่อู๋เทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองไปยังดาบคม
ฝืนยิ้มในใจ
นายเด็กบ้านี่ จริงๆเลย
ช่างเถอะ……
ขีดจำกัดพลังตันก็ทนดูไม่ไหว?
งั้นก็ให้ฉันดูหน่อย ห่างหายไปเจ็ดปี ระดับของนายเด็กบ้านี่ไปถึงไหนแล้ว!
ขณะที่คิดเช่นนี้……
เย่อู๋เทียนก็ก้าวไปข้างหน้า พุ่งมายังด้านหน้าของดาบคม
ไม่พูดพร่ำทำเพลง หมัดก็ลอยไปที่หน้าอกของเขา
ดาบคมแห่งหอจักรพรรดิเซียน……
บินลอยไกลออกไปราวสิบเมตรเห็นจะได้!
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้ว แล้วตามขึ้นไป
พูดตำหนิ
“นายเศษสวะ ตอนนั้นฉันสอนทุกอย่างให้นาย เจ็ดปีแล้ว นายไปทำอะไรมา ไม่มีความก้าวหน้าขึ้นเลยสักนิด!”