จอมนักรบอหังการ - บทที่ 65 เย่อู๋เทียน เป็นนาย!!!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 65 เย่อู๋เทียน เป็นนาย!!!
พูดจบ เย่อู๋เทียนก็ใช้วิชาหดกระดูกแปลงหน้าอีกครั้ง แล้วเอาเลือดสดมาลงที่ใบหน้าเพื่อให้แข็งตัว
ทันใดนั้น เย่อู๋เทียนกลายสภาพเป็นหัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์ของวิหารเทพอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว
พอเห็นฉากตรงหน้า ฝ่าบาทอยากจะหยุดหายใจไปเลย
หมดอารมณ์!
ไม่มีอารมณ์เลยสักนิด!
เย่อู๋เทียน!
ไม่ใช่เพียงแค่พละกำลังโดดเด่น สติปัญญานี่ ยังสามารถจัดการกับทุกอย่างได้อีกด้วย!
ไม่นานก็ทำให้กองกำลังทหารของแต่ละประเทศพันธมิตร กลายเป็นนักโทษของประเทศหลงได้อย่างง่ายดายเลย!
อีกอย่าง พอเย่อู๋เทียนทำแบบนี้
พวกขุนนางที่ชอบประจบสอพลอพวกนั้นของประเทศหลง ต่างก็ถูกระเบิดอารมณ์ออกมา!
นี่เป็นแค่อุบายเท่านั้น
กิจการที่สร้างไว้ เพื่อให้สืบทอดกันรุ่นต่อรุ่น!
ที่สำคัญที่สุดคือ ขุนนางที่ชอบประจบพวกนั้น แล้วก็ประเทศพันธมิตร ต่างก็คิดว่าที่พวกเขาตกที่นั่งลำบากในวันนี้!
ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับประเทศหลง แต่เป็นเพราะเคราะห์ร้ายของวิหารเทพ!
อุบายนี้……
จัดการได้สวย!
มองแผ่นหลังของเย่อู๋เทียนที่เดินไปยังด้านนอกลานกว้างจัตุรัส จู่ๆนิ้วมือของฝ่าบาทก็เจ็บขึ้นมา
พึ่งจะพบว่า บุหรี่ระหว่างนิ้วนั้น ไฟที่จุดเผาอยู่ได้ลามมาที่ถึงนิ้ว
ก้นบุหรี่หลุดมือ
หล่นลงที่พื้น
แต่ ฝ่าบาทไม่ได้ลังเลเลยสักนิด ก้มลงไปหยิบก้นบุหรี่ขึ้นมา ใส่เข้าไปในที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ
เฉาจ้านหยางและดาบคมก็ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น
ฝ่าบาทถึงแม้ว่าจะอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ยังคงทำหน้าขรึม
มองเฉาจ้านหยางและดาบคมทั้งสองคน แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา:“ยังไม่ลุกขึ้นอีก?”
ทั้งสองเลยลุกขึ้นยืนด้วยความอึดอัด
เฉาจ้านหยางไม่ได้พูดอะไร
ส่วนดาบคมพูดออกมาหนึ่งประโยค:“เมื่อครู่ ทำให้ฝ่าบาทตกใจแล้วขอรับ!”
ฝ่าบาทโมโหจนกัดฟันแน่น ชี้ไปยังดาบคม แล้วตำหนิอย่างรุนแรง
“เย่อู๋เทียนพูดถูก นายมันเศษสวะ!”
“วันนี้มีเย่อู๋เทียนอยู่ ถ้าวันนี้คนที่ปรากฏคือปีศาจแดงแห่งผู้พิทักษ์ของวิหารเทพจริงๆล่ะ?”
“เศษสวะอย่างนาย แม้แต่ความสามารถในการคุ้มครองฉันก็ยังไม่มี!”
ดาบคมก้มหน้ารู้สึกผิด
“ไม่มีทาง ต่อให้สิบสองผู้พิทักษ์ฟื้นคืนชีพ ในสายตาฉันก็แค่มดตัวเล็กๆเท่านั้น!”
“แต่สำหรับหน้าท่านเจ้าหอ ฉัน……ฉันก็เป็นมดตัวเล็กๆเช่นกัน”
ฝ่าบาทชี้ตนเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห
“ฉันล่ะ? ในสายตานายฉันเป็นตัวอะไร?”
สีหน้าของดาบคมไม่สบอารมณ์ แล้วจุดก้นบุหรี่ให้ฝ่าบาท ปลอบใจแล้วหัวเราะอย่างขมขื่น
“ฝ่าบาท ท่านอย่าโกรธไปเลย ไม่คุ้มนะขอรับ!”
“อีกอย่าง ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองกันทั้งนั้น!”
ฝ่าบาทมองดาบคมด้วยความโมโห
“เมื่อครู่ตอนที่อยู่ด้านนอก นายด่าฉันประโยคหนึ่งใช่หรือไม่ ด่าว่าฉันเป็นตาแก่นิสัยไม่ดี?”
“อยู่กับตาแก่อย่างข้ามันเสียเวลาบำเพ็ญตนของนายใช่หรือไม่?”
ดาบคมนิ่งเงียบ
แต่กลับเบนสายตาออกไป ไม่สนใจอะไรแล้ว
“ถ้างั้น ท่านลองปรึกษากับท่านเจ้าหอ ท่านเลือกอีกคนเป็นไง?”
“ฉันคิดว่า ผิงปู๋จิ้วเป็นตัวเลือกที่ดีมากเลยนะ!”
“เขาไม่เพียงแต่เป็นจักรพรรดิของหอจักรพรรดิเซียน พละกำลังโดดเด่น แถมยังมีความรู้ทางแพทย์ศาสตร์อีกด้วย แต่แค่อยู่ในความดูแลของท่านเจ้าหอ มีเขาคอยคุ้มครองท่าน……”
“ความปลอดภัยของท่านก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร อีกอย่าง ราชายาสามารถทำยารักษาสุขภาพให้ท่านได้ทุกวัน……”
ไม่รอให้ดาบคมพูดจบ ฝ่าบาทราวกับเตะฟุตบอล
เท้าเตะไปที่ก้นของดาบคม
แล้วพูดเสียงดัง
“ไสหัวไป!”
ดาบคมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน
ยื่นมือปัดรอยเท้าบนเสื้อ แล้วยิ้มออกมา
“อย่าโกรธ อย่าโกรธเลยขอรับ ไม่ดีต่อเท้าของท่าน ผมแค่ล้อท่านเล่นเอง!”
“ทำไมท่านถึงคิดจริงจังไปเล่า?”
“ดูประเทศหลงสิ มีใครที่มีความสามารถในการบริหารประเทศเช่นท่านบ้าง?”
“ห้ามโมโหเป็นอันขาด ความโมโหจะทำร้ายร่างกายเอาได้นะขอรับ!”
“โมโหเพราะเศษสวะอย่างฉัน ไม่ควรค่านะขอรับ!”
ฝ่าบาทมองดาบคมที่ไม่ขยับเลยสักนิด ในใจประหลาดใจไม่น้อย
ก่อนหน้านี้แม้ว่าตนเองจะยุ่งอยู่กับงานราชการ แต่ฝีมือการต่อสู้ก็ไม่ได้ปล่อยผ่าน
พลังของตนเองในตอนนี้ เริ่มถดถอยแล้ว
เท้าที่ตนเองเตะไปเมื่อครู่ ไม่ทำให้ดาบคมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด……
งั้น……
พลังของเย่อู๋เทียน
น่ากลัวถึงขั้นไหนกันแน่?
จู่ๆอารมณ์ของฝ่าบาทก็ซับซ้อนขึ้นมาอย่างมาก
แต่หวังว่า เย่อู๋เทียนจะมีอายุยืนยาว
มีเย่อู๋เทียนอยู่
ประเทศหลงก็สบาย!
ในเวลานี้ เย่อู๋เทียนกลับมาถึงด้านนอกลานกว้างจัตุรัสแล้ว
นักข่าวสื่อมวลชนบริเวณโดยรอบต่างก็ทยอยหายไปหมดแล้ว
ผู้ชมที่อยู่รอบนอก ต่างก็คิดว่าที่นี่สามารถกลายเป็นใจกลางสนามรบได้ตลอดเวลา เลยเลือกจะที่ถอยออกไปไกลหน่อย
บนลานกว้างจัตุรัสที่กว้างใหญ่นี้ มีแค่เย่จื่อหลงคนเดียว กำลังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น
ด้านบนอาคารปลูกสร้างโดยรอบ
เต็มไปด้วยยอดฝีมือที่สวมหน้ากากร้อยกว่านาย ท่าทางน่าเกรงขาม
ฉากนี้ในสายตาของเย่จื่อหลง อารมณ์ของเขาซับซ้อนเป็นอย่างมาก
เขายังคงคิดว่า
ยอดฝีมือโดยรอบนี้ ต่างก็มาจากวิหารเทพ
นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เขาดีใจอย่างบ้าคลั่ง แต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยสักนิด……
เขา เย่จื่อหลง พลังตันชั้นยอดเหนือว่าพวกยอดฝีมือ แต่พรสวรรค์กลับไม่พอ ถูกหัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์ของวิหารเทพหักแขน!
อีกอย่าง ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ความตายอีก!
อึดอัด!
ตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยจะอึดอัดเช่นนี้มาก่อน!
แต่……
เย่จื่อหลงมักจะรู้สึกว่า เรื่องมันไม่ปกติ
ส่วนมันไม่ปกติตรงไหนนั้น
เย่จื่อหลงไตร่ตรองแล้ว ก็คิดไม่ออกเหมือนกัน
ไม่มีเหตุผลนี่ ในฐานะที่ตัวเองเป็นคนมีความสามารถในจำนวนน้อยนิดของวิหารเทพ กลับถูกหัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์ทรมาน!
ตกลงมันเพราะอะไรกัน?
นายปีศาจแดงแห่งผู้พิทักษ์นี่ สมองมีปัญหาหรือ?
คิดไม่ออกจริงๆ
แต่เพื่อแผนของวันนี้ เย่จื่อหลงคิดว่ามีแค่วิธีเดียว ที่จะทำให้ตัวเองหนีไปได้!
นั่นก็คือโกหกต่อหน้าปีศาจแดงแห่งผู้พิทักษ์
โกหกว่าตนเองรู้เบาะแสของเย่อู๋เทียน
ประโยคนั้นก็แล้วกัน
ไม่ว่าอย่างไร ต้องลากเย่อู๋เทียนให้มาเกี่ยวข้องกับปีศาจแดงแห่งผู้พิทักษ์ให้ได้!
แล้วตนเอง ก็หาจังหวะหลบหนี!
แต่ฉากต่อไปที่จะเกิดขึ้นนั้น กลับทำให้เย่จื่อหลงสิ้นหวัง
เย่อู๋เทียนเดินมาทางนี้
หลังจากที่เข้ามาใกล้
ประโยคแรกที่พูดคือ……
“ทำไมนายยังไม่ฆ่าตัวตายอีก?”
แค่ประโยคนี้ ก็ทำให้เย่จื่อหลงกระอักเลือดออกมา
ใบหน้าของเย่จื่อหลง ดุร้ายราวกับผี
เงยหน้าขึ้นมองเย่อู๋เทียน
“ขอร้องล่ะท่านปีศาจแดงแห่งผู้พิทักษ์ ปล่อยฉันน้อยไปเถอะ!”
เย่อู๋เทียนหรี่ตามอง
“ให้เหตุผลฉันสักข้อสิ”
เย่จื่อหลงกดความอึดอัดในใจไว้ พูดเสียงสั่น
“ท่านต้องการแก้แค้นเย่อู๋เทียนไม่ใช่หรือ?”
“ฉันรู้เบาะแสของเขา ฉันคือน้องชายต่างมารดาของเขา!”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยลักพาตัวลูกเมียเขา แต่ระหว่างทางเกิดความผิดพลาดขึ้น สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ!”
“แต่ตอนนี้มีท่านอยู่ที่นี่ สามารถล่อเย่อู๋เทียนออกมาได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ!”
เย่อู๋เทียนเอามือไขว้หลังแล้วลุกขึ้นยืน มองเย่จื่อหลงอย่างเย็นชา
“เจ็ดปีก่อน ใครเป็นคนบอกตำแหน่งที่พักของเย่อู๋เทียนระหว่างทางให้กับพวกเราสิบสองผู้พิทักษ์?”
เย่จื่อหลงนิ่งอึ้งไป
“ท่าน ท่านไม่รู้?”
เย่อู๋เทียนพูดเสียงเย็นชาอย่างไม่รีบร้อน
“เรื่องนี้ ตอนนั้นฉันไม่ได้ถาม แต่ก็เพราะฉันไม่ได้ถาม เจ็ดปีก่อนเลยพ่ายแพ้ให้กับลูกน้องของเย่อู๋เทียน!”
ร่างกายของเย่จื่อหลงสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่คาดคิด
“นั่นก็หมายความว่า เย่อู๋เทียน สามารถเทียบเคียงนาย และสิบเอ็ดผู้พิทักษ์คนอื่นๆได้จริงๆสินะ?”
เย่อู๋เทียนไม่ได้พูดอะไร
เย่จื่อหลงสูดหายใจเข้า
จนถึงวันนี้ เขาพึ่งจะรู้ ว่าตนเองน่าขำสิ้นดี!
เขา เย่จื่อหลง……
แม้แต่คู่ต่อสู้ของเย่อู๋เทียนก็ยังไม่สามารถเป็นได้
ก่อนหน้านี้ยังพูดจาโอ้อวดว่าจะฆ่าเย่อู๋เทียนด้วยตัวเขาเองอยู่เลย!
เป็นเรื่องน่าขำซะจริงๆ!
เท่าที่เขารู้มา สิบสองผู้พิทักษ์ของวิหารเทพรุ่นที่แล้ว เมื่อเจ็ดปีก่อนทุกคนต่างมีพลังตันไปถึงชั้นยอด!
แต่ปัจจุบันนั้น……
ผ่านมาเจ็ดปี หัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์ของวิหารเทพพึ่งจะกล้ามาตามหาเย่อู๋เทียนถึงเจียงไห่!
นี่มันแนวคิดอะไรกัน?
เย่จื่อหลงไม่กล้าที่จะคิดต่อแล้ว
เลยสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างต่อเนื่อง เย่จื่อหลงเลยพูดถึงคนที่บอกตำแหน่งของเย่อู๋เทียนไปเมื่อปีนั้นออกมา
“รองฝ่าบาทประเทศหลง ถังเจิ้งเฟิง!”
ถังเจิ้งเฟิง?
ตาทั้งสองข้างของเย่อู๋เทียนเผยความเยือกเย็นที่หนาวเหน็บเสียดกระดูก
ในขณะเดียวกัน เย่อู๋เทียนก็คืนร่างกลายเป็นหน้าตาของตนเอง มองเย่จื่อหลงอย่างเย็นชา
“ทำไมฉันได้ยินมาว่า คนที่บอกตำแหน่งของเย่อู๋เทียน คือทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายเฉาจ้านหยาง คนที่ชื่อเสี้ยงเหวินเป้าล่ะ?”
เย่จื่อหลงคุกเข่าลงกับพื้น ท่าทางก้มหัวให้เหมือนทาส
ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเย่อู๋เทียน
แล้วอธิบายต่อ
“เสี้ยงเหวินเป้าคือคนที่ถังเจิ้งเฟิงจัดมาให้อยู่ข้างกายเฉาจ้านหยางด้วยตัวเขาเอง!”
“ไม่กี่ปีมานี้ ถังเจิ้งเฟิงกับวิหารเทพของพวกเราร่วมมือกันอย่างสนิทชิดเชื้อ!”
“แต่น่าเสียดาย ในปีนั้นแค่เพราะประโยคเดียวของเย่อู๋เทียน ถังเจิ้งเฟิงเลยขึ้นเป็นฝ่าบาทของประเทศหลงไม่สำเร็จ!”
“ไม่เช่นนั้น ทั้งประเทศหลง คงกลายเป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์ให้กับวิหารเทพของพวกเรานานแล้ว!”
พอเย่อู๋เทียนได้ยิน สีหน้าก็เยือกเย็นอย่างมาก
“ดี ดีมาก!”
“นาย สามารถมีชีวิตต่อไปได้แล้ว!”
ขณะที่พูด มือข้างหนึ่งของเย่อู๋เทียนจับเย่จื่อหลงไว้ อีกข้างหนึ่งจับแขนอีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
ไม่เห็นว่าจะใช้แรงเยอะตรงไหนเลย เพียงแค่กระชากเบาๆ
แขนของเย่จื่อหลงหลุดออกหมดทั้งสองข้าง!
ไม่หยุดเพียงเท่านี้ หลังจากที่กระชากแขนออกมาทั้งสองข้างแล้ว เย่อู๋เทียนก็เตะขาของเย่จื่อหลงจนพิการทั้งสองข้างต่อ!
“อ้าก!!!!”
เย่จื่อหลงร้องตะโกนเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
กลายเป็นคนพิการโดยสมบูรณ์แบบ!
ในเวลานี้ ตาทั้งสองของเย่จื่อหลงที่โกรธแค้นเหลือบมองขึ้นไปยังใบหน้าของเย่อู๋เทียน
ทันใดนั้น ท่าทางของเย่จื่อหลงก็คนที่ตายตาไม่หลับ!
ตะโกนออกมาราวกับคนที่โดนปฏิกิริยาสะท้อนกลับ
“เย่อู๋เทียน เป็นนาย!!!”