จอมนักรบอหังการ - บทที่ 67 สี่ล้านล้านก็ไม่น้อยแล้ว เท่าไหร่ถึงเรียกว่ามาก
จอมนักรบอหังการ บทที่ 67 สี่ล้านล้านก็ไม่น้อยแล้ว เท่าไหร่ถึงเรียกว่ามาก !
แต่ว่า สุดท้ายโล่หวางก็ไม่พูดมันออกมา
ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความกล้า แต่เป็นเพราะขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปาก ก็มองเห็น พ่อของเธอ เดินออกมาจากอาคารจินเม่า
ชายชราสูบยาสูบ ท่าทางเต็มไปด้วยความกังวล
เย่อู๋เทียนมองไปยังชายชรา และถามออกไปว่า
“อะไรงั้นหรือ ?”
หลังจากที่ชายชราเข้ามาใกล้ มองเย่จื่อหลงที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น และถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“เขาพูดหรือยัง ?”
เย่อู๋เทียนพยักหน้า
“พูดแล้ว”
ชายชราเพิ่งจะพูดอะไรออกไป ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองโล่หวาง
“เธอถอยไปก่อน ข้ามีเรื่องที่ต้องการพูดคุยกับชิงตี้”
ทันใดนั้นสีหน้าของโล่หวางก็บูดเบี้ยว
“ฉันเป็นลูกสาวของท่านนะ แถมยัง เป็น……”
ไม่รอให้โล่หวางพูดจบ ชายชราก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด
“ฉันบอกให้แกถอยไปก่อน !”
โล่หวางจู่ ๆ ก็รู้สึกน้อยใจ
เย่อู๋เทียนเอ่ยขึ้น
“ให้เธอฟังอยู่ข้าง ๆ เถอะ ฉันได้ยินมาว่าเธอใกล้ชิดกับนังหนูตระกูลถัง วันนี้ถือว่าให้เธอได้รับบทเรียน ว่าอะไรที่เรียกว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ !”
โล่หวางไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมเย่อู๋เทียนถึงพูดแบบนี้
ชายชราฟังคำพูดของเย่อู๋เทียน สีหน้ากลับเคร่งเครียดถึงขีดสุด
“นายจะบอกว่า คนที่ทรยศนายในวันนั้น คือคนของตระกูลถังงั้นหรือ ?”
เย่อู๋เทียนไม่กล่าวปฏิเสธ ชี้ไปที่อาคารจินเม่า
“เข้าไปคุยข้างในเถิด”
สีหน้าชายชราเปลี่ยนไปจากเดิม
หลังจากนั้น
ทั้งสามคนก็เข้ามายังห้องทำงานชั้นแรกในอาคารจินเม่า
ชายชราที่ได้ยินสามคำนั้นเข้า จู่ ๆ ก็ใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะด้วยความเกรี้ยวกราด
“ถังเจิ้งเฟิง !”
“ไอ้แก่นั่น มันกล้าดียังไง !”
เย่อู๋เทียนพูดสงบสติอารมณ์ด้วยความนิ่งเฉย
“อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่น เพียงแค่ฟังคำพูดของเย่จื่อหลง ไม่พอที่จะนำใช้ตัดสินถังเจิ้งเฟิงได้ !”
“ถ้าหากถังเจิ้งเฟิงยอมสวามิภักดิ์ให้กับวิหารจอมเทพจริง ๆ นั่นก็แสดงว่า เขาได้ทำการติดต่อกับประเทศโดยรอบ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา !”
“เรื่องนี้ ยังต้องการการยืนยันอยู่ !”
ชายชราอดใจรอการไต่สวนไม่ไหว
“แล้วจะยืนยันได้ยังไง ?”
เย่อู๋เทียนยิ้มเบา ๆ
“กลุ่มคนที่อยู่ขุมที่สิบสาม ยังคิดว่าฉันคือปีศาจแดงแห่งวิหารจอมเทพ !”
“หลังจากนี้สามวัน ฉันจะไปถามพวกเขาเอง”
ชายชราขมวดคิ้ว
“ทำไมต้องอีกสามวันด้วย ? ตอนนี้เลยไม่ได้หรือ ?”
“อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่ว่าพวกเราจะทำอะไรก็ได้ !”
เย่อู๋เทียนตกไปที่บ่าของชายชรา
“คุณจะรีบร้อนเกินไปแล้ว”
“ปล่อยพวกมันไปสามวันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ฝึกนกเหนี่ยวนี่นา ก็ต้องสร้างความฮึกเหิมให้เหยี่ยวก่อน !”
“แล้วก็ หลังจากนั้นสามวัน ฉันจะให้คนไปจับตาดูตระกูลถังเอาไว้ !”
“รอดูท่าทีของถังเจิ้งเฟิงก่อน ถึงอย่างไร ผู้นำของทั้งหกสิบประเทศก็ปรากฏตัวอยู่ที่เจียงไห่ ถ้าหากเขาทำตัวมีพิรุธ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ !”
“เจ็ดปีมาแล้ว ถ้าถังเจิ้งเฟิงคิดจะก่อกบฏจริง ๆ ข้อมูลที่ได้รับรายงานตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาในประเทศหลง ทรัพย์สินที่ปล้นมาทั้งหมด คงเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง”
“ฆ่าน่ะมันง่าย แล้วหางที่อยู่ด้านหลังเขาล่ะ ?”
ชายชราได้ฟังคำพูดเหล่านี้จากเย่อู๋เทียน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าอย่างเยือกเย็น
ถังเจิ้งเฟิงเป็นถึงผู้บัญชาปกครองชายแดน
เพียงแค่ทรยศเท่านั้น……
ประเทศหลงทุกหนแห่ง จะต้องพบเจอกับผลกระทบอันรุนแรง
แต่ในตอนนี้ กลยุทธ์ตีหญ้าให้งูตื่นไม่ใช่ความคิดที่ดี
แต่ว่า…..
เมื่อคิดว่าการประชุมสุดยอดไม่สามารถจัดขึ้นได้ตามกำหนด ผู้นำทั้งหกสิบประเทศ ต่างก็ต้องพบกันสถานการณ์ยากลำบากอยู่บนขุมที่สิบสามของอาคารจินเม่า
ชายชราเกิดความทุกข์ใจ
“ในตอนนี้ ทั่วทั้งโลกกำลังจับจ้องมาที่เมืองเจียงไห่นะ !”
“งานประชุมสุดอำนาจไม่มีทางที่จะจัดได้อย่างราบรื่นแน่ หากรัฐมนตรีของแต่ละประเทศยากที่จะติดต่อกับผู้นำของพวกเขาได้ เกรงว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ที่เกินจะควบคุมขึ้นแน่ !”
เย่อู๋เทียนท่าทีเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“ไม่กี่ปีมานี้ สหพันธ์ระหว่างประเทศทำการบางอย่างกับประเทศหลง โดยต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายใน !”
“ถ้าหากว่าพวกเขาตกอยู่ในความวุ่นวาย เพราะไม่เห็นข่าวคราวของผู้นำประเทศ แล้วจะเกี่ยวอะไรกับประเทศหลงงั้นหรือ ?”
“ก็อย่างที่บอก ให้วิหารจอมเทพรับผิดชอบเรื่องนี้ !”
“วิหารจอมเทพนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้แล้ว เข้ามาสืบสวนแล้วก็ ฆ่าทิ้งให้หมด!”
ในตอนนั้น ชายชราไม่กล้าสบสายตากับเย่อู๋เทียนอีกแล้ว
และในวันนี้ เขาเพิ่งจะรู้สึกถึง
ความหมายที่แท้จริงของคำว่าการปกครองโดยไม่ใช้ความเมตตา
มองไปที่โล่หวางอีกครั้ง
แม้แต่หายใจแรง ๆ ยังไม่กล้า
แม้ว่าจะฟังแผนการอยู่ข้าง ๆ แต่ก็ได้ยินเพียงแค่สองจุด ก็เพียงพอให้เธอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ถังเจิ้งเฟิน !
ได้ตอนนั้นได้เปิดเผยเบาะแสของเย่อู๋เทียน
ขณะนั้น โล่หวางถึงกับกลืนน้ำลาย ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก
อีกทั้ง จนถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะรู้สึก
ว่าตนเองนั้นน่าขบขันขนาดไหน
พ่อของเธอกับเย่อู๋เทียนพูดคุยกันแต่ละเรื่อง ล้วนเป็นความลับที่สำคัญระดับสูงทั้งสิ้น
แต่ว่าเมื่อสักครู่
เธอกลับคิด…..
เธอจะสารภาพรักกับเย่อู๋เทียนได้ยังไง !
ตัวเธอเป็นอะไรไป ?
แค่เห็นเย่อู๋เทียน สมองก็ไม่ปกติแล้ว ?
แยกแยะเรื่องสำคัญไม่ออกเสียแล้ว ?
ในขณะที่โล่หวางกำลังใช้ความคิด ชายชราก็มองเธอด้วยแววตาเยือกเย็น
“ตั้งแต่วันนี้ไป ตัดขาดการติดต่อกับคนของตระกูลถังทั้งหมด ฉันเลี้ยงลูกสาวมายังไงให้เป็นคนแยกแยะคนดีคนชั่วไม่ออกเนี่ย ?”
“ก่อนหน้านี้ยังกล้าบอกอีก ว่านังหนูตระกูลถังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแก !”
“ไม่รู้จักดูคน น่าอับอายขายขี้หน้าเหลือเกิน !”
โล่หวางถูกชายชราต่อว่า ขณะนั้นเธอเงียบไป เกิดความคับแค้นขึ้นในจิตใจ
พูดโต้เถียงอย่างเย็นชา
“หลังจากฉันเกิดมาแล้ว คุณเคยเลี้ยงดูฉันรึเปล่า ?”
“พอเกิดปัญหาเกิดขึ้น ก็รู้แต่ด่าว่าฉัน !”
“ถังเจิ้งเฟิงเมื่อก่อนก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นของคุณ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ?”
“ทุกวันปีใหม่ ใครกันที่ดื่มกินพูดคุยกับเขาเหมือนพี่น้อง ?”
“ฉันจะบอกให้ คุณในฐานะฝ่าบาทของประเทศหลง มีคุณสมบัติพอที่จะออกคำสั่งกับฉัน แต่ว่า ในฐานะพ่อ คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะสั่งสอนฉันแม้แต่คำเดียว ! ”
ชายชราใกล้โมโหจนควันออกหูแล้ว
หากอยู่ที่บ้าน คำพูดเหล่านี้คงไม่มีอะไร
แต่ข้างนอก…..
ไม่คิดว่าจะกล้าพูดอย่างนี้กับคนอย่างฉัน !
ที่บ้านไม่สั่งสอน !
แต่ว่า…..
ต่อให้ชายชราจะโมโห แต่สีหน้าของเขากลับนิ่งเฉย ก้มหน้ายอมรับผิดต่อโล่หวาง
“พ่อไม่ได้ต้องการสั่งสอนแก พ่อแค่……”
ไม่รอให้ชายชราพูดจบ โล่หวางก็สบถออกมา
“คุณไม่ต้องน้อยใจตัวเอง ควรว่าก็ว่า ยังไงคุณก็เป็นพ่อ ฉันเป็นลูก คุณสั่งสอนฉันเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว ฉันฟังอยู่ !”
ชายชราโกรธจนตัวสั่น
“เหมือนนิสัยของแม่แกไม่มีผิด !”
โล่หวางหัวเราะ
“ฮา ฮา”
ชายชรากำหมัดหมัดของเขาแน่น
แทบทนไม่ไหวอยากจะตบลูกอกตัญญูคนนี้ให้ตาย !
เย่อู๋เทียนที่อยู่ข้าง ๆ มองสองพ่อลูกอย่างหน้าดำคร่ำเครียด
“ที่นี่เป็นบ้านของพวกคุณหรือไง ?”
“กำลังคุณธุระกันอยู่นะ ดูพวกคุณแต่ละคนสิ พ่อทำตัวไม่เหมือนพ่อ ลูกทำตัวไม่เหมือนลูก !”
“โล่หวาง ออกไปยืนข้างนอก”
“เจ็ดปีแล้ว ไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด เอาแต่ชอบสร้างเรื่องน่าโมโห !”
ทันใดนั้นโล่หวางก็ลดความทะนงลง
เธอสามารถดื้อรั้นกับผู้นำของประเทศหลงได้ !
แต่กับเย่อู๋เทียน…….
เธอไม่กล้า
จากนั้น โล่หยางก็เดินหน้างอออกไป
ชายชราถอนหายใจออกมา เหลือบมองเย่อู๋เทียน
“เฮ้อ นังหนูนี่ ก็มีแต่นายที่แหละที่จัดการได้ !”
“แต่ว่า…..เจ็ดปีมานี้ นายเข้าใจผิดเธอมาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าไม่ก้าวหน้า เพียงแค่ไม่มีพัฒนาการคืบหน้าเท่าไหร่นัก !”
เย่อู๋เทียนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหัวข้อการสนทนาของชายชรานี้ ออกคำสั่งอย่างราบเรียบว่า
“ทำความสะอาดที่เกิดเหตุ ในช่วงบ่าย จะเป็นเวลาของตัวแทนภาคธุรกิจจากแต่ละประเทศเข้ามาประเทศหลงเพื่อหารือเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจตลอดสามปี”
“แล้วก็ ให้หัวหน้าธนาคารสำนักงานใหญ่แห่งประเทศมาพบฉันด้วย”
“ฉันอยากจะตรวจสอบดูสักหน่อย ในตอนนั้น ที่ผู้นำประเทศเชวี่ยของสหพันธ์ระหว่างสิบหกประเทศ ลงนามในข้อตกลงส่งเครื่องบรรณาการสิบปี พวกเขาได้ตั้งใจปฏิบัติหรือเปล่า ฉันไม่ยอมแน่ ถ้าหากมันขาดไปแม้แต่เหรียญเดียว !”
ชายชรางุนงง
“เมื่อวานฉันดูยอดเงินในบัญชีของนายแล้ว สี่ล้านล้าน ไม่น้อยแล้วล่ะ”
“แค่ไหนถึงเรียกว่าเยอะเล่า”
เย่อู๋เทียนหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ
“เจ็ดปีแล้ว กับภาษีสามสิบเปอร์เซ็นต์ของสิบหกประเทศ เพิ่งจะได้แค่สี่ล้านล้านงั้นหรือ ? พวกมันกำลังโกหกอยู่หรือไง ?”