จอมนักรบอหังการ - บทที่ 85 อิ่นโม่โฉวคารวะเหล่าจู่ พริบตาเดียวก็โขกศีรษะคารวะ!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 85 อิ่นโม่โฉวคารวะเหล่าจู่ พริบตาเดียวก็โขกศีรษะคารวะ!
ระหว่างทางมาคฤหาสน์ตระกูลเฉียน เย่อู๋เทียนได้แจ้งข่าวผิงปู๋จิ้ว ให้เขาส่งตัวยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยสมองพิการมาที่นี่
ดังนั้นผิงปู๋จิ้วถึงได้เอายามาที่นี่
ตอนนี้อิ่นโม่โฉวได้ยินชื่อผิงปู๋จิ้ว ใบหน้างามงอนพลันซีดสลับแดง
ตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่เคยโดนใครเหยียดหยามแบบนี้มาก่อน ปู่ของตนเป็นหลานสามของอีกฝ่าย?
ตาแก่นี่กล้าพูดจาลามปาม?
ถึงอิ่นโม่โฉวจะมาจากตระกูลดังด้านยารักษา แต่เป็นศิษย์เขาเซวียนอู่
ถึงจะได้รับการอบรมสั่งสอนวิชาการแพทย์ไว้ช่วยชีวิตคนตั้งแต่เล็ก แต่ก็ฝึกฝนวิทยายุทธ์ไปด้วย วิทยายุทธ์ของตนเองนั้นถือได้ว่าอันดับต้นๆของโลก!
อิ่นโม่โฉวกัดฟันกรอด คิดจะลงมือสั่งสอนตาแก่บ้านี่ในตอนที่ผิงปู๋จิ้วปรากฎตัว
แต่วินาทีที่ผิงปู๋จิ้วเดินออกมา อิ่นโม่โฉวกลับชะงักค้างกึกอยู่กับที่
พอเห็นใบหน้าที่แท้จริงของผิงปู๋จิ้ว
อิ่นโม่โฉวจะร้องไห้อยู่แล้ว
นี่คือ…
ผิงปู่จิ้วแห่งสำนักร้อยยา?
อาจารย์อาของอิ่นเชียนชิวปู่ของตน?
อาจารย์อาเล็กของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งคนนั้นที่เป็นผู้คิดค้นสำนักยาแห่งเขาเซวียนอู่?
การที่ตนได้เข้าศึกษาสำนักยาเขาเซวียนอู่ตั้งแต่เล็ก
เป็นเพราะเส้นสายทางผิงปู๋จิ้วนี่แหละ!
อิ่นเชียนชิวปู่ของตนเป็นหมอมีชื่อระดับประเทศ สามารถเข้าออกจวนฝ่าบาทสูงส่งได้โดยไม่ต้องตรวจสอบฐานะ
แต่ต่อหน้าผิงปู๋จิ้ว….
กลับเป็นแค่หลานศิษย์ที่จดชื่อไว้คนหนึ่งเท่านั้น
อิ่นโม่โฉวจำได้อย่างชัดเจนว่า ที่บ้านมีรูปใบหนึ่งที่เก่าจนเหลือง
บนรูปภาพนั้นอิ่นเชียนชิวปู่เธอไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ผิงปู๋จิ้วเลยสักนิด
เจ้าสำนักคนปัจจุบันของสำนักยาเขาเซวียนอู่ยังต้องเรียกผิงปู๋จิ้วว่าอาจารย์ปู่รองเลย!
ตามลำดับขั้นแล้ว ตนเองก็ต้องเรียกผิงปู๋จิ้วว่า…
เหล่าจู่!
คิดถึงตรงนี้ อิ่นโม่โฉวสีหน้าสับสนถึงขีดสุด
จะทำการคุกเข่าคารวะผิงปู๋จิ้ว
ในตอนนี้เอง ผิงปู๋จิ้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งให้เย่อู๋เทียน
พลางเรียกเย่อู๋เทียนว่า
“ท่านเจ้าหอ!”
พริบตาเดียว สมองของอิ่นโม่โฉวเกิดการชัตดาวน์ทันที
ท่านเจ้าหอ?
ท่านเจ้าหออะไร?
แต่ไม่ว่าจะเป็นท่านเจ้าหออะไร…
เหล่าจู่ ผิงปู๋จิ้วคุกเข่าให้ชายหนุ่มคนนี้?
เมื่อครู่ตนพึ่งบอกว่า…
ชายหนุ่มนี่เป็นหมอบ้านนอกมาจากไหนใช่ไหม?
ตนเองยังบอกว่าเขา…
พูดจาซี้ซั้ว?
อิ่นโม่โฉวตกใจจนแทบฉี่ราดแล้ว!
หันมองเฉียนจิ้งคุน
เขาเห็นผิงปู๋จิ้วคุกเข่าคารวะเย่อู๋เทียน สีหน้าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
หลายปีมานี้เขาเคยไปสำนักร้อยยา!
ปัญหาคือปกติผิงปู๋จิ้วแทบไม่เคยเปิดประตูของสำนักร้อยยาเลย
เฉียนจิ้งคุนไหนเลยจะมีโอกาสได้ขอร้องอ้อนวอนผิงปู๋จิ้วช่วยลูกชายเขาต่อหน้ากัน?
ตอนนี้…
ตาแก่ประหลาดเลื่องชื่อคนนี้คารวะเย่อู๋เทียน?
ภรรยาของเฉียนจิ้งคุนก็แทบตาเหลือกเหมือนกัน
หูเสี่ยวเอ๋อไม่รู้จักผิงปู๋จิ้ว แต่สังเกตเห็นสายตาที่อิ่นโม่โฉวมองผูเฒ่าคนนี้ ในใจก็รู้คำตอบ
ตาเฒ่าคนนี้….
ต้องเป็นระดับซูเปอร์แน่!
เย่อู๋เทียนกลับแค่ยกมือขึ้นเบาๆ และบอกผิงปู๋จิ้วเสียงเรียบว่า
“กลับไปเถอะ”
“ลูกชายของเฉียนจิ้งคุนไม่ใช่สมองพิการ ยาที่ผมให้คุณเอามานั่นไม่มีประโยชน์แล้ว”
“กลับไปรอโทรศัพท์ผม”
“ผมให้คุณเอายาอะไรมา คุณก็ค่อยส่งมา”
ผิงปู๋จิ้วอึ้งเล็กน้อย ตอบเสียงกลั้วหัวเราะ
“ขอรับ ท่านเจ้าหอ”
ท่าทางอย่างนั้นไม่โอดครวญสักนิดใส่คำสั่งของเย่อู๋เทียนเลย
ภาพแบบนี้ปรากฏต่อสายตาพวกอิ่นโม่โฉว
แทบมีน้ำพุ่งออกจากตาแล้ว
ผิงปู๋จิ้ว!
ตาเฒ่านี่คือผิงปู๋จิ้วนะ!
เลื่องลือไปทั่วไปว่านิสัยประหลาด
เย่อู๋เทียนพูดคำเดียวว่า ให้ผิงปู๋จิ้วกลับไปรอโทรศัพท์?
ผิงปู๋จิ้วไม่โกรธเลยสักนิด?
ผิงปู๋จิ้วลุกขึ้นหันมองอิ่นโม่โฉว
อิ่นโม่โฉวคุกเข่าลงให้กับผิงปู๋จิ้วทันที ตื่นเต้นขั้นสุด
“เหลนศิษย์ อิ่นโม่โฉว คารวะเหล่าจู่!”
ระหว่างพูด อิ่นโม่โฉวโขกศีรษาคารวะทันที
สองสามีภรรยาเฉียนจิ้งคุนตาเหลือกอีกครั้ง
อิ่นโม่โฉว ยอดฝีมือของสำนักยาเขาเซวียนอู่ เรียกผิงปู๋จิ้วว่า…
เหล่าจู่?
นี่มันบ้าไปแล้ว!
ที่สำคัญที่สุดคือ เหล่าจู่ของยอดฝีมืออย่างอิ่นโม่โฉว กลับได้แต่เชื่อฟังเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่อู๋เทียน
วินาทีนี้หูเสี่ยวเอ๋อเสียใจรู้สึกผิดแทบบ้าแล้ว
เมื่อครู่มีอิ่นโม่โฉวอยู่ด้วย เธอกลับไม่เห็นเย่อู๋เทียนอยู่ในสายตา
นี่มัน….
นี่จะทำยังไงดีเนี่ย!
คุณเย่คนนี้คงไม่ล้มเลิกช่วยคนเพราะเรื่องนี้หรอกนะ?
ผิงปู๋จิ้วกลับเหล่มองอิ่นโม่โฉวอย่างรำคาญ พลางย้อนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เมื่อครู่ เธอพูดจาเหิมเกริมใส่ท่านเจ้าหอของเราใช่ไหม?”
อิ่นโม่โฉวใบ้กินทันที
เย่อู๋เทียนกลับโบกมือใส่ผิงปู๋จิ้ว
“อายุปูนนี้แล้ว จะถือสาหาความอะไรกับเด็กน้อยเล่า?”
ผิงปู๋จิ้วอึ้ง ชี้หน้าอิ่นโม่โฉวอย่างเดือดดาล พลางด่ากราดออกมา
“ผมว่านังหนูนี่น่าโดนอัดนัก!”
“ในมือมีวิชาช่วยคนเล็กน้อย กลับไม่รู้ว่าเหล่าจู่คือใคร!”
“ให้ฉันพูดนะ อิ่นโม่โฉวใช่ไหม?”
“เธอรู้ไหมว่าเข็มพ้นบาปไท่อี่ไม้ตายของตระกูลอิ่นเธอน่ะใครสอน?”
“ฉัน!”
“แล้วเธอรู้ไหมว่าใครสอนฉัน?”
“เขา!”
“เย่อู๋เทียน!”
“ทำอวดเก่งนัก ขนาดปลายเล็บของเข็มพ้นบาปไท่อี่ยังเรียนไม่ได้ กลับมาทำเป็นใหญ่เป็นโตอะไรที่นี่?”
อิ่นโม่โฉวก้มหน้า ใบหน้าและคอแดงก่ำแล้ว
แต่กลับไม่ได้โกรธอะไรเลย
ตรงกันข้าม
ในใจกลับรู้สึกลิงโลดเล็กน้อย
สามารถโดนเหล่าจู่ชี้หน้าด่า พวกคุณปู่ยังไม่มีสิทธิ์เลยนะ
แน่นอน
หวาดกลัวก็หวาดกลัวมากอยู่หรอก
วันนี้ถึงรู้ว่า ผู้คิดค้นเข็มพ้นบาปไท่อี่ที่ตระกูลอิ่นภูมิใจหนักหนานั้นกลับเป็นเย่อู๋เทียนตรงหน้าคนนี้!
สามารถได้เจอกับคนใหญ่คนโตคนนี้
ช่างมีบุญวาสนายิ่งนัก!
จากนั้นผิงปู๋จิ้วก็ด่ากราดอิ่นโม่โฉวอีกหลายคำ ถึงหมุนตัวจากไป
อิ่นโม่โฉวหันมองเย่อู๋เทียน
จิตใจ
ยากจะสงบได้จริงๆ
ชายหนุ่มอายุน้อยขนาดนี้ทำไมถึงเก่งกาจเพียงนี้?
หรือว่า….
อายุจริงๆของชายหนุ่มนี่จะมากกว่าอายุของเหล่าจู่ผิงปู๋จิ้วเสียอีก?
น่าจะเป็นอย่างนี้แหละ!
เคยได้ยินมาตั้งนานแล้วว่า คนใหญ่คนโตบางคนพอถึงพลังระดับหนึ่ง ก็จะรักษาสภาพรูปโฉมไว้ได้ ตอนนี้ดูแล้วไม่ผิดจากที่ร่ำลือจริงๆ
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ จากนั้นอิ่นโม่โฉวคุกเข่าโขกศีรษะให้เย่อู๋เทียน
“ผู้น้อยอิ่นโม่โฉว คารวะเย่เหล่าจู่! ขอเย่เหล่าจู่โปรดให้อภัยกับความมิรู้ที่ต่ำที่สูงของผู้น้อยก่อนหน้านี้ด้วย!”
เย่อู๋เทียนหน่ายใจพูดอะไรไม่ออก
เย่เหล่าจู่?
นังหนูตระกูลอิ่นนี่คิดอะไรในสมองกันแน่นะ?
เย่อู๋เทียนสั่งการเสียงเรียบ
“ลุกขึ้นมาเถอะ ยืมเข็มเงินของคุณใช้หน่อย ผมรีบมา ไม่ได้พกเข็มเงินมา!”
อิ่นโม่โฉวประหนึ่งได้รับอภัยโทษ
“เย่เหล่าจู่ได้โปรดอภัยด้วย ผู้น้อยอิ่นโม่โฉวซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”
เฉียนจิ้งคุนที่อยู่ข้างๆเห็นภาพนี้เข้า
คิ้วเลิกสูงแทบจะทะลุเพดานอยู่แล้ว เขาหันมองหูเสี่ยวเอ๋อทันที
ความหมายชัดมาก
คนที่ผมเชิญมาเป็นยังไง?
เก่งกว่าคนที่คุณเชิญมาหนึ่งหมื่นเท่าไหม?
วินาทีนี้
หูเสี่ยวเอ๋อรู้สึกขายขี้หน้ามาก เขาหันมองเย่อู๋เทียนอย่างหวาดหวั่นว่าง่าย
แต่กำลังจะเอ่ยปากขอขมา
เย่อู๋เทียนหันกลับมามองเฉียนเป่ยเฉินบนเตียง
หูเสี่ยวเอ๋อตื่นต้นขึ้นมาทันที
ดูท่า…
คุณเย่คนนี้จิตใจกว้างขวางดุจมหาสมุทรจริงๆ
เพียงแต่ว่า….
เมื่อครู่เขาพึ่งบอกว่า โรคของเฉินเอ๋อร์ไม่ใช่สมองพิการ?
เธอรู้ใจลูกชายเธอดี
เฉียนเป่ยเฉินเป็นก้อนเนื้อที่ออกมาจากร่างหูเสี่ยวเอ๋อ
ตอนอายุหนึ่งขวบโดนตรวจว่าเป็นสมองพิการ
หลายปีมานี้หูเสี่ยวเอ๋อเชิญหมอมีชื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศมาไม่ต่ำกว่าร้อยคน ผลตรวจที่ได้ล้วนเหมือนกัน สมองพิการอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อครู่….
เย่อู๋เทียนแค่จับชีพจรให้เฉียนเป่ยเฉิน ก็สามารถบอกได้เลยว่าไม่ใช่สมองพิการ?
ทำให้คนยากที่จะเชื่อได้จริงๆ!
แต่ไม่ว่าจะเป็นผิงปู๋จิ้วหรือว่าอิ่นโม่โฉว ล้วนเคารพเย่อู๋เทียนดุจเทพเซียน!
การตรวจของเขาไม่น่าจะผิดพลาดอะไร
ดังนั้นคนที่รู้สึกสงสัยไม่เพียงแต่หูเสี่ยวเอ๋อ ยังมีเฉียนจิ้งคุนกับอิ่นโม่โฉว
โดยเฉพาะคนหลังสุด
โรคที่เฉียนเป่ยเฉินเป็น ต้องเป็นสมองพิการสิ เพราะอาการเขาแต่ละอย่างบอกชัด เป็นสมองพิการอย่างไม่ต้องสงสัย!
ทำไมจะเป็นโรครักษาได้ยากอย่างอื่นได้ล่ะ?
แต่ต่อให้ในใจสงสัยแค่ไหน อิ่นโม่โฉวก็ยังมอบเข็มเงินให้ และยังไปจุดตะเกียงน้ำมันให้ด้วยตนเองอีกด้วย
จากนั้นหลังจากเย่อู๋เทียนล้างพิษให้เข็มเงิน เขาปักเข็มลงจุดสำคัญของเฉียนเป่ยเฉินหลายจุด ในเวลาเดียวกันก็หันไปถามเฉียนจิ้งคุนที่อยู่ด้านหลังหนึ่งคำว่า
“เฉียนจิ้งคุน ตอนคุณหนุ่มๆ เคยทำการค้าทางทะเลหรือเปล่า?”
พอได้ยินคำนี้ เฉียนจิ้งคุนเบิกตากว้าง
รู้สึกเหลือเชื่อเอามากๆ
ตอนนั้นเฉียนจิ้งคุนร่ำรวยจากการหลบหลีกการตรวจสอบของศุลกากร เพราะเมื่อสามสิบปีก่อนประเทศหลงยังควบคุมเรื่องนี้ไม่เข้มงวด
ตอนนั้นเขาอาศัยหลบหลีกการตรวจสอบของศุลกากร เฉียนจิ้งคุนร่ำรวยเงินทองมหาศาล ถึงได้มีหน้ามีตาหลังจากนั้น
ไม่คิดเลยว่า ผ่านไปสามสิบปี จะมาถูกเย่อู๋เทียนถามเรื่องนี้ขึ้น
เฉียนจิ้งคุนกลืนน้ำลาย ตอบตามตรงอย่างตื่นเต้น
“เรียนคุณเย่ มีเรื่องนี้จริงๆ”
เย่อู๋เทียนถามออกมาอีก
“มีศัตรูที่ไหนไหม?”
เฉียนจิ้งคุนยิ้มเศร้าบอก
“ตอนนั้นประเทศพึ่งเปิด หลบหลีกการตรวจสอบของศุลกากรจนเป็นปกติ จิ้งคุนมีศัตรูมากมายนัก!”
“แต่ว่านั่นเป็นเรื่องเก่านมนานมาแล้ว คิดบัญชีไปหมดแล้ว ไม่ทราบว่าเหตุใดคุณเย่จู่ๆก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?”
เย่อู๋เทียนอธิบายเสียงเรียบ
“ลูกชายคุณพึ่งเกิดได้ไม่กี่เดือน ก็โดนพิษที่ชื่อว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี มันเป็นสัตว์น้ำทะเลชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่เท่ากับท้องมด”
“ขอเพียงเข้าสู่ร่างกายคน ก็จะมุดเข้าไขสันหลังทันที ต่อให้เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ล้ำเลิศที่สุดในโลกนี้ ก็ทำได้แค่ตัดสินว่าเป็นเนื้องอกของเส้นเลือดกระดูกสันหลัง”
“ตอนลูกชายคุณอายุไม่กี่เดือน น่าจะเคยร้องไห้โยเยอยู่ระยะหนึ่ง เป็นเพราะความเจ็บปวดจากการที่กิ้งก่ามุดกระดูก ประหนึ่งมุดผ่าขุดแทรกกระดูก!”
เฉียนจิ้งคุนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่หูเสี่ยวเอ๋อฟังจบ กลับประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด
ในใจเหมือนแตกสลายลงไปในบัดดล
เป็นอย่างที่เย่อู๋เทียนพูดเลย ตอนเฉียนเป่ยเฉินอายุไม่กี่เดือน เคยร้องไห้โยเยอยู่ระยะหนึ่งจริงๆ
ตอนนั้นหูเสี่ยวเอ๋อยังคิดว่าเฉียนเป่ยเฉินโดนผีเข้า
และยังเคยไปเชิญพระนักพรตมาทำพิธีที่บ้าน!
ตอนนี้ดูแล้ว….
หูเสี่ยวเอ๋อเสียใจแทบบ้าแล้ว
เธอเข้าใจโดยในบัดดลว่า เป็นเพราะความสะเพร่าของเธอในตอนนั้น ถึงทำให้ลูกชายต้องทุกข์ยากขนาดนั้น!
พริบตาเดียว หัวใจของหูเสี่ยวเอ๋อปวดบิดถึงขีดสุด
เธอถามเย่อู๋เทียนเสียงสั่นเครือ
“คุณเย่ งั้น…มันผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว เฉินเอ๋อร์ยังมีทางรอดไหม?”