จอมนักรบอหังการ - บทที่ 87 ไร้คู่ต่อสู้ มันเหงาเกินไปจริงๆ!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 87 ไร้คู่ต่อสู้ มันเหงาเกินไปจริงๆ!
สมกับคำว่า เฝ้าเธอมาหลายพันคืนโดยไม่เรียกร้องบุญคุณใดทดแทน!
ผิงปู๋จิ้วที่ยืนข้างกายเย่อู๋เทียน
ไม่ได้เห็นเย่อู๋เทียนอหังการ์อย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ?
พริบตาเดียว ผิงปู๋จิ้วผิดสังเกต เพราะเขาเห็นแววตาเย่อู๋เทียนที่มองเฉียนเป่ยเฉินประหนึ่งเห็นอัญมณีเม็ดงาม!
“เด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะในการฝึกยุทธ์?”
เย่อู๋เทียนหัวเราะเบาๆ
“อัจฉริยะในการฝึกยุทธ์? ไม่เพียงแค่นั้นดอก!”
ผิงปู๋จิ้วได้ยินคำนี้
ยิ่งสงสัยมากขึ้น
ในเวลานี้เอง เฉียนเป่ยเฉินที่ทนมายี่สิบกว่าปีถึงลุกขึ้นยืนเดินเหินได้ หรือกระทั่งวิ่งได้ กลับมายืนตรงหน้าทุกคน
เขามายืนหน้าสองสามีภรรยาเฉียนจิ้งคุนก่อน
พลางคุกเข่าลง
“พ่อครับ!”
“แม่ครับ!”
“เฉินเอ๋อร์อกตัญญู ยี่สิบสองปีมานี้ไม่เคยทำให้พ่อกับแม่สุขสบายเลยสักวัน!”
สองสามีภรรยาเฉียนจิ้งคุนตื่นเต้นถึงขั้นสุด
เหมือนกับฝันไป
ทั้งสองคนคิดเหมือนกัน
นี่คือ…
ลูกชายเรา?
หูเสี่ยวเอ๋อยื่นมือสั่นเทาไปจับใบหน้าเฉียนเป่ยเฉิน
“เฉินเอ๋อร์?”
เฉียนเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ
“แม่ครับ”
หูเสี่ยวเอ๋อกอดหัวเฉียนเป่ยเฉินไว้ทันที
“ลูกแม่!”
“แม่รอวันนี้มายี่สิบสองปีแล้ว!”
“ในที่สุดลูก…ก็ยืนได้แล้ว!”
หูเสี่ยวเอ๋อกอดหัวเฉียนเป่ยเฉินพลางร้องไห้โฮ
เฉียนจิ้งคุนมองลูกเมียตนด้วยเนื้อตัวสั่นเทา น้ำตาไหลรากออกจากตาราวกับเขื่อน
คนที่เห็นภาพนี้ล้วนซาบซึ้งใจ!
อิ่นโม่โฉวเห็นภาพนี้ ยังไม่วายน้ำตาไหล
ต่อให้ผิงปู๋จิ้วขึ้นชื่อเรื่องเจอเรื่องคอขาดบาดตายแต่ไม่ช่วย จิตใจหยาบกระด้างดุจหินผา ตอนนี้ก็น้ำตาคลอเหมือนมีฝุ่นเข้าตาเหมือนกัน
ถึงเย่อู๋เทียนจะไม่ได้ร้องไห้ แต่ในใจก็อดสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้
มองเห็นหูเสี่ยวเอ๋อ เฉียนเป่ยเฉินสองแม่ลูก
เย่อู๋เทียน
นึกถึงแม่ของเขา
เรื่องที่ทำให้คนรู้สึกเสียดายที่สุดในโลกนี้ก็คือ
ลูกอยากกตัญญู
แต่บุพการีไม่อยู่แล้ว!
ในที่สุดหูเสี่ยวเอ๋อก็สะกดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่านของตนไว้ได้ เธอพยุงเฉียนเป่ยเฉินขึ้นมาอย่างสั่นเทา ชี้ไปที่เย่อู๋เทียนพลางบอกเขา
“เฉินเอ๋อร์ คนที่ลูกควรจะขอบคุณมากที่สุดคือ คุณเย่!”
“เขาช่วยลูกไว้!”
“ถึงพ่อกับแม่จะเป็นพ่อแม่แท้ๆของลูก แต่คุณเย่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ของลูกอีกครั้ง!”
“ไม่มีเขา ก็ไม่มีลูกในวันนี้!”
เฉียนเป่ยเฉินหันไปทางเย่อู๋เทียน
พลางโขกศีรษะคำนับ
“เฉียนเป่ยเฉิน ขอบคุณบุญคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้ของคุณเย่!”
เย่อู๋เทียนยิ้มมองเฉียนเป่ยเฉิน
“ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้”
ถึงจะพูดอย่างนั้น เฉียนเป่ยเฉินยังคงโขกศีรษะต่อไป
ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
ความซาบซึ้งในบุญคุณมากล้น หากมิอาจพูดออกมาเป็นคำพูดได้
ในตอนที่เฉียนเป่ยเฉินโขกศีรษะให้เย่อู๋เทียนครบสามครั้ง เย่อู๋เทียนยื่นมือพยุงเขาขึ้นมา
พลางถามหนึ่งคำ
“เป่ยเฉิน เธอยอมคารวะผมเป็นอาจารย์ไหม?”
เฉียนเป่ยเฉินอึ้ง
สองสามีภรรยาเฉียนจิ้งคุนก็อึ้งด้วย
ก่อนหน้านี้ตอนเย่อู๋เทียนรักษาให้เฉียนเป่ยเฉินอยู่ ก็เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา
สองสามีภรรยาเฉียนจิ้งคุนยังคิดว่าเย่อู๋เทียนล้อเล่น
ไม่คิดเลยว่า!
เย่อู๋เทียนคิดจะรับเฉียนเป่ยเฉินเป็นศิษย์จริงๆ?
นี่มันเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเฉียนเลยนะ!
ผิงปู๋จิ้วและอิ่นโม่โฉวยืนบื้ออยู่กับที่เหมือนกัน
คนแรกตกตะลึงถึงขั้นสุด
ท่านเจ้าหอแห่งหอจักรพรรดิเซียน เย่อู๋เทียนเคยพูดกับปากตนเองเมื่อไหร่ว่าจะรับใครสักคนเป็นศิษย์?
ต่อให้เป็นเฉาจ้านหยาง โล่หวาง
ก็แค่ศิษย์ในนามของเย่อู๋เทียน และไม่เคยได้ทำพิธีกราบไหว้เย่อู๋เทียนเป็นอาจารย์จริงจังเลยด้วยซ้ำ
พอดูท่าทางจริงจังของเย่อู๋เทียนในวันนี้
นี่คือคิดจะรับเฉียนเป่ยเฉินเป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาจริงๆ?
นี่…
นี่มันช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
อิ่นโม่โฉวเองก็ตกตะลึงถึงขั้นสุด ในเวลาเดียวกันก็กำลังครุ่นคิดโดยไม่รู้ตัว
ตามลำดับขั้น
เย่อู๋เทียนมีบุญคุณที่ถ่ายทอดวิชาแก่ทั่วทั้งตระกูลอิ่น
ดังนั้น…
เย่อู๋เทียนสมควรอยู่ระดับเดียวกับผิงปู๋จิ้ว หรืออาจจะสูงกว่าผิงปู๋จิ้ว
นับจากวันนี้ไป อิ่นโม่โฉวเจอเย่อู๋เทียนเมื่อไหร่ ก็ต้องเรียกเขาว่าเย่เหล่าจู่อย่างนบนอบทุกครั้ง!
ตอนนี้เย่อู๋เทียนกลับจะรับเฉียนเป่ยเฉินเป็นศิษย์
งั้นอิ่นโม่โฉวไม่ต้องเรียกเฉียนเป่ยเฉินว่าอาจารย์ปู่หรือไง?
สองสามีภรรยาเฉียนจิ้งคุนได้สติกลับมา
เห็นเฉียนเป่ยเฉินกำลังอึ้งตะลึง เฉียนจิ้งคุนรีบบอก “เฉินเอ๋อร์ ยังไม่รีบเรียกคุณเย่ว่าอาจารย์อีก?”
เฉียนเป่ยเฉินถึงสะดุ้งได้สติ และมองเย่อู๋เทียนอย่างเป็นทางการ
“อาจารย์ที่เคารพ!”
“กรุณารับการคารวะจากศิษย์เฉียนเป่ยเฉิน!”
เย่อู๋เทียนยิ้มน้อยๆ
“ลุกขึ้นเถอะ”
ระหว่างพูด เย่อู๋เทียนหันมองผิงปู๋จิ้ว
“เหล่าผิง กลับไปบอกเลิ่งเสินปิงแห่งหอจักรพรรดิเซียน ด้วย ให้เขานำกระบี่มังกรเขียวของผมมา ถือเป็นของขวัญที่ผมมอบให้เป่ยเฉิน!”
ผิงปู๋จิ้วสีหน้ากระอักกระอ่วน
“มัน…”
“ล้ำค่าเกินไปล่ะมั้ง!”
อิ่นโม่โฉวที่อยู่ข้างๆอดสะท้านเยือกในอกไม่ได้
กระบี่มังกรเขียว…
กระบี่อันดับหนึ่งในอันดับศาสตราวุธของประเทศหลง?
สมบัติล้ำค่าอย่างนี้ มอบออกไปแล้ว?
ที่สำคัญที่สุดคือ กระบี่มังกรเขียวที่แหลมคมจนฟันเหล็กราวฟันโคลนนั่นเป็นอาวุธของเย่อู๋เทียน?
นี่…
เย่เหล่าจู่จะลึกลับถึงขั้นไหนเนี่ย?
เย่อู๋เทียนกลับหัวเราะเบาๆ
“กระบี่เล่มหนึ่งเท่านั้นเอง ล้ำค่าอะไรกัน เฉียนเป่ยเฉินคู่ควร!”
“ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่มังกรเขียวนั่นก็แค่ของเล่นที่ผมให้เขาชิ้นหนึ่งเท่านั้น ถ้าเขาสามารถมีวิทยายุทธ์สักหนึ่งส่วนของผมได้ เขาอยากได้ดวงดาวบนท้องฟ้า ผมก็จะหาทางเด็ดลงมาให้เขาจงได้!”
ผิงปู๋จิ้วพูดไม่ออกละ
เป็นศิษย์ของเย่อู๋เทียนนี่ มีความสุขจริงๆ!
อิ่นโม่โฉวทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้
ถ้าตนสามารถเข้าเป็นศิษย์ใต้สำนักเย่อู๋เทียนได้ ก็ดีสิ
ถึงเฉียนเป่ยเฉินจะไม่รู้ว่าทำไมเย่อู๋เทียนให้ความสำคัญกับเขาขนาดนี้ และไม่รู้ว่ากระบี่มังกรเขียวหมายถึงอะไร
แต่คำสั่งอาจารย์ยากจะขัดขืนได้
เฉียนเป่ยเฉินโขกศีรษะอีกครั้ง
“เฉียนเป่ยเฉิน ขอบคุณอาจารย์!”
เย่อู๋เทียนยังคงยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง เขาวางมือลงกลางกระหม่อมเฉียนเป่ยเฉิน ประหนึ่งสัมผัสจากเทพเซียน
เฉียนเป่ยเฉินรู้สึกเพียงว่า มีพลังมหาศาลสายหนึ่งไหลลงจากกะโหลกศีรษะของเขาแล่นพล่านไปทั่วร่าง!
ประหนึ่งเปลี่ยนร่างกายไป!
เฉียนเป่ยเฉินตัวเองไม่รู้ว่า ตอนนี้ดวงตาคู่นั้นของเขาส่องแสงสว่างราวกับพลุที่จุดสว่างสองดวง!
สองสามีภรรยาเฉียนจิ้งคุนเห็นภาพนี้ ลืมหายใจไปเลย
รู้สึกแค่ว่า..
เห็นปาฏิหาริย์ของเทพกับตา!
นี่มัน…
เรื่องอะไรกันเนี่ย?
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
หันไปมองเย่อู๋เทียนอีกที ผมเผ้าไม่กระดิกสักนิด
ประหนึ่งเทพเซียนมาเยือนโลกมนุษย์!
ผิงปู๋จิ้วเห็นภาพนี้ นึกถึงอะไรขึ้นมาได้
เย่อู๋เทียน..
หรือว่าบรรลุพลังนั้นไปแล้ว?
พลังปราณที่อยู่เหนือพลังตันสุดขอบ?
ไม่อย่างนั้น มีหรือจะแผ่ซ่านลมปราณออกสู่ภายนอกได้ แล้วยังส่งเข้าร่างกายของอีกคนได้อีกด้วย?
ส่วนอิ่นโม่โฉว
ตกตะลึงจนเงียบกริบเป็นจักจั่นในฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว
พอเย่อู๋เทียนเอามือออก ดวงตาของเฉียนเป่ยเฉินถึงกลับเป็นปกติ
เย่อู๋เทียนถามยิ้มๆ
“รู้สึกเป็นอย่างไร?”
เฉียนเป่ยเฉินเงียบอยู่นานถึงพูดออกมาหนึ่งคำว่า
“เหมือนมีเทพเซียนช่วยเหลือ!”
เย่อู๋เทียนฮึกเหิมอหังการ์
“มองไปทั่วหล้า คนที่อนาคตมีสิทธิ์จะบรรลุพลังมืด นับเธอไปหนึ่งคน!”
“ดูแลร่างกายให้ดี พยายามฝึกฝนก้าวเท้าเดินตามรอยเท้าอาจารย์ในสิบปีนี้ ถึงเวลานั้นสู้กับอาจารย์ให้เต็มที่!”
“ไร้คู่ต่อสู้ มันเหงาเกินไปแล้ว!”
พูดจบ เย่อู๋เทียนมือไขว้หลังจากไป เขายิ้มเดินจากไป
กี่ปีแล้วนะ
ไม่เคยดีใจเท่านี้มาก่อน
ผิงปู๋จิ้วที่อยู่ด้านหลังพลับเบิกตากว้าง เนื้อตัวสั่นเทา
“มืด… พลังมืด?”
“พลังมืดที่อยู่เหนือพลังปราณ?”
เย่อู๋เทียนได้ยินอย่างนั้น หันกลับไปมองผิงปู๋จิ้ว กร่างถึงขีดสุด
“คุณผิดแล้ว!”
“พลังมืด ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ของผมได้แบบผ่านๆเท่านั้นเอง!”
สองสามีภรรยาเฉียนจิ้งคุนถึงจะไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน แต่รู้สึกว่า การที่ได้รู้จักเย่อู๋เทียน ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดของพวกเขา!
พริบตาเดียว เฉียนจิ้งคุนคิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ยังไม่ทันขอบคุณเย่อู๋เทียนเลย!
แต่พอจะตามออกไป มอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลเฉียนให้
เย่อู๋เทียนกลับจากไปอย่างองอาจ
เฉียนจิ้งคุนถอนหายใจยาว หันมองเฉียนเป่ยเฉิน
“ลูกเอ้ย สามวันให้หลัง พ่อจะจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ที่โรงแรมว่างไห่ ถึงเวลานั้นลูกค่อยคารวะคุณเย่รับเขาเป็นอาจารย์อย่างเป็นทางการ!”
“พิธีคำนับอาจารย์นี้ จะดูแคลนไม่ได้เด็ดขาด!”