จอมนักรบอหังการ - บทที่ 93 คนบ้า กับ จักรพรรดิบ้าระห่ำ
จอมนักรบอหังการ บทที่ 93 “คนบ้า” กับ “จักรพรรดิบ้าระห่ำ”!
เย่อู๋เทียนกลายเป็นเจ้าของวิลล่าบนยอดเขาเขาทะเลหมอก
หวงต้าไห่และครอบครัวของเขาก็ได้ย้ายมาที่นี่
อย่างไรก็ตาม หวงต้าไห่และภรรยาของเขาก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อตลาดผักในถนนทิงเฉา
ทุกอย่างยังดำเนินกิจการไปตามปกติ
อย่างไรก็ตาม การแต่งตัวของหวงต้าไห่ได้เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเทียบกับชุดปกติ
ทั่วตัวล้วนเป็นของแบรนด์ดัง
รถกระบะมือสองถูกแทนที่ด้วยรถจักรยานยนต์ Harley ชั้นนำระดับโลกมูลค่ากว่า 7 ล้านหยวน
ไม่ว่าจะไปรับส่งเย่จูนหลิน หรือว่าไปตลาดผัก ล้วนเป็นชายชราที่ดูช่างอิสระ
เมื่อเขาถูกถามว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนไปมาก
ก็พูดคำเดียวว่า
“ฉันมีลูกเขยที่ดี!”
เกาเม่ยหลิงกลับไม่ได้มีรสนิยมสูงเหมือนหวงต้าไห่
เธอยังคงใช้ชีวิตตามปกติ สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา นั่นเพราะลึกๆ ในใจยังมีความกังวลใจอยู่ไม่มากก็น้อย
ท้ายที่สุดแล้ว เย่อู๋เทียนและเสิ่นรั่วชิงก็ยังไม่ได้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ
เย่อู๋เทียน…
ยินดีที่จะแต่งงานกับเสิ่นรั่วชิงอย่างเป็นทางการหรือไม่?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
ความกังวลของเกาเม่ยหลิงก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
วันนี้ เป็นวันแรกที่ฝ่าบาทผู้สูงส่งจะยอมรับเสิ่นรั่วชิงเป็นน้องสาวบุญธรรม เวลาที่กำหนดไว้คือตอนเย็น
เย่อู๋เทียนเองก็ได้วางแผนไว้ว่าตนจะขอเสิ่นรั่วชิงแต่งงานอย่างเป็นทางการในวันนี้
เช้าตรู่ เขาก็มาที่ห้องของเสิ่นรั่วชิง
เสิ่นรั่วชิงกำลังนั่งอยู่ที่ข้างเตียงมองไดอารี่อย่างเหม่อลอย
เมื่อสังเกตเห็นว่าเย่อู๋เทียนปรากฏตัวที่ประตู เสิ่นรั่วชิงก็รีบปิดไดอารี่ของตนทันทีและเรียกเขาอย่างอาย ๆ ว่า “พี่เทียน”
เย่อู๋เทียนยิ้มน้อยๆ “ไป ไปวิ่งกัน”
เสิ่นรั่วชิงเห็นด้วยทันที
ทั้งสองมุ่งไปที่ริมแม่น้ำว่างฟูซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวิลล่าบนยอดเขา
เมื่อสิบปีที่แล้ว เย่อู๋เทียนตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพอย่างเด็ดเดี่ยว
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกเย็น เสิ่นรั่วชิงก็จะมาที่นี่เพื่อวิ่งจ๊อกกิ้ง
เธอและเย่อู๋เทียนวิ่งไปที่ริมแม่น้ำว่างฟูที่อยู่ไม่ไกลออกไป สีหน้าของเสิ่นรั่วชิงมีความสุขมาก
“ไม่นึกเลยว่าหลายปีผ่านไป สถานที่นี้ก็ยังเหมือนเดิม”
เย่อู๋เทียนยิ้มน้อยๆ
“แต่ก่อนที่นี่เรียกว่าริมแม่น้ำว่างฟู ต่อมาที่นี่ถูกเรียกว่าริมแม่น้ำยวนยาง เป็นนกยวนยางเล่นน้ำ!”
เสิ่นรั่วชิงเขินอายและใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะเอ่ยออกมา
“บ้า!”
บนหินก้อนใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากริมแม่น้ำว่างฟู
ชายชราผมขาวคนหนึ่งกำลังนั่งตกปลาอยู่
นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงในชุดฝึกซ้อมที่กำลังต่อสู้รำหมัดอยู่บนก้อนหินอีกก้อนหนึ่ง
ฉากนี้ไม่น่าแปลกมากนัก
แม้ว่าเขาทะเลหมอกจะได้รับการพัฒนา แต่บริเวณโดยรอบยังคงเป็นพื้นที่สาธารณะ
เย่อู๋เทียนสังเกตว่าคนแก่และหญิงสาวไม่ได้สนใจพวกเขา
ส่วนเสิ่นรั่วชิงกลับถูกหญิงสาวที่กำลังฝึกการต่อสู้อยู่ดึงดูดสายตา
ฝ่ายตรงข้ามรูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางสง่างาม ขณะรำหมัด ก็ดูมีท่าทีกล้าหาญโดดเด่น
หลังจากเสิ่นรั่วชิงเห็นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่ง
เย่อู๋เทียนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเสิ่นรั่วชิง ดังนั้นจึงถามด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“อยากฝึกศิลปะการต่อสู้ไหม?”
เสิ่นรั่วชิงพยักหน้าเบา ๆ
“ฝึกศิลปะการต่อสู้สามารถป้องกันตัวเองได้ อย่างนั้นคุณจะได้ไม่ต้องกังวลแล้ว”
เย่อู๋เทียนยิ้มและมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ไม่ไกล
“คุณคิดว่า กังฟูของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
เสิ่นรั่วชิงนึกคิดและพูดเสียงเบา
“ฉันมองไม่ออก รู้แค่ว่ามีความอ่อนโยนแต่แข็งแกร่ง เก่งกาจมาก”
เย่อู๋เทียนยิ้มน้อยๆๆ
“ผมเองก็มีความตั้งใจที่จะสอนมวยให้คุณ แต่กังฟูของคุณแข็งแกร่งเกินไป ไม่เหมาะสำหรับคุณ”
“ถ้าคุณถูกชะตากับผู้หญิงคนนั้น ผมสามารถให้คำแนะนำแก่เธอได้และขอให้เธอสอนกังฟูขั้นพื้นฐานให้คุณ”
เย่อู๋เทียนได้เห็นทักษะหมัดที่หญิงสาวต่อสู้อยู่ไม่ไกล
หมัดเอ๋อเหมยวิวัฒนาการมาจากอาวุธกรีชเอ๋อเหมย วิชาหมัดของมันคือหยินอ่อนนุ่ม แต่แฝงกระบวนท่าเคลื่อนไหวเพื่อฆ่า
ดูจากการท่าทางของนักมวยหญิงคนนั้นแล้ว ถือว่าเป็นต้นกล้าที่ไม่เลว อายุยังน้อยแต่กลับสามารถบรรลุพลังลับได้
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังไม่ใช่พลังลับที่ทางโลกตัดสินอีกด้วย
นี่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
เมื่อเย่อู๋เทียนและเสิ่นรั่วชิงเข้าใกล้กันมากขั้น กระบวนท่าของหญิงสาวที่กำลังรำหมัดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น
เมื่อมองจากพลังหมัด ถือว่าสามารถกลมกลืนกับอากาศโดยรอบได้!
นี่คือการบรรลุสู่ขั้นหลอมรวมกับธรรมชาติ!
เพียงแต่ว่านี่ยังอยู่ห่างชั้นจากผลลัพธ์ที่เย่อู๋เทียนคิดไว้อยู่มาก
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเสิ่นรั่วชิงชอบผู้หญิงคนนี้มาก เย่อู๋เทียนจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไป
เมื่อหญิงสาวคนนั้นสังเกตเห็นเย่อู๋เทียน สีหน้าของเธอกลับไม่พอใจอย่างมาก
ให้คนไม่มีความรู้มามองดูเธอรำหมัดแบบนี้ช่างเป็นเรื่องน่ารำคาญอย่างมาก
หญิงสาวคนนั้นเหลือบมองเย่อู๋เทียนอย่างเย็นชาและตะโกน “มองอะไร มองเข้าใจหรือไง?”
เย่อู๋เทียนยิ้ม “มีอะไรให้ไม่เข้าใจกัน”
หญิงสาวคนนั้นแค่นเสียง เธอขี้เกียจเกินกว่าจะพูดคุยกับเย่อู๋เทียน เธอมองไปที่ชายชราที่กำลังตกปลาและเอ่ยเตือน
“อาจารย์ พวกเราไปกันเถอะ วันนี้ไปจากเจียงไห่เลย ยังไงเราก็รอมาเจ็ดปีแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่คุณกำลังรออยู่จะไม่ปรากฏแล้ว!”
ชายชราไม่เงยหน้าขึ้นและไม่ได้หันหลังมา เขาทำเพียงแค่ยิ้มให้ทะเล
“ศิษย์พี่ของเธอส่งข้อความมาเมื่อวานนี้ โดยบอกว่ามีข่าวคราวของชายคนนั้นแล้ว”
“นอกจากนี้ เขาจะปรากฏที่โรงแรมว่างไห่ ให้ศิษย์พี่ของเธอไปลองกังฟูของเขาก่อน”
“ถ้าผู้ชายคนนั้นสามารถอยู่ในสายตาของศิษย์พี่เธอได้ อย่างนั้นฉันก็จะรับเขาเป็นศิษย์ ยังไงเสียคนหนุ่มสาวที่เป็นเมล็ดพันธุ์ดีๆ สมัยนี้หายาก!”
ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงไปในตอนแรก จากนั้นก็หัวเราะ
“ว่ากันว่าคนคนนั้นฝึกฝนในกองทัพมาหลายปีแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าคุณชอบอะไรในตัวเขา”
ชายชรายิ้ม
“ก็เป็นเหมือนกันเธอ ล้วนมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้”
“ชั่วชีวิตของฉัน ไม่มีความสนใจอย่างอื่นนอกจากการตกปลาแล้วก็คือการสอนให้ผู้คนฝึกฝนศิลปะการต่อสู้”
“ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันอยู่มาร้อยปีแล้วและไม่มีคู่แข่ง เดียวดายเกินไป ได้แต่ต้องสอนลูกศิษย์ดีๆ เอาไว้หน่อยก็เท่านั้น”
“อีกยี่สิบปีข้างหน้า เมื่อเวลาของฉันมาถึง ถึงตอนนั้น หากต้องกลับสู่ธุลีทางที่ดีก็ควรเป็นลูกศิษย์ที่ฉันสั่งสอนเป็นคนฆ่าตาย”
“แบบนี้ถึงค่อยน่าสนุกหน่อย”
“เธอยังเด็ก การอยู่อย่างโดดเดี่ยวคงกระพัน เธอคงไม่เข้าใจ”
การสนทนาระหว่างพวกเขาทำให้เย่อู๋เทียนหัวเราะ
เขาสัมผัสได้ถึงพลังรอบตัวของชายชราอย่างละเอียดโดยอัตโนมัติ และรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
พลังปราณสูงสุด?
อืม
ไม่เลว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ดีพอ
รอยยิ้มของเย่อู๋เทียนที่ดูไม่ใส่ใจอะไร กลับไปดึงดูดสายตาอันคมปลาบของผู้หญิงในชุดฝึกซ้อม
ผู้หญิงคนนั้นด่าอีกครั้ง
“มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง หัวเราะอะไรกัน? ถ้าหัวเราะอีก ฉันจะตบนายให้ตายแล้วโยนลงทะเลเป็นอาหารปลา!”
เย่อู๋เทียนไม่ได้ถือสาหญิงสาวคนนี้
เขากระโดดขึ้น
ชั่วพริบตาก็ยืนอยู่บนทะเลที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบเมตร
เขาโบกมือให้ชายชราที่กำลังตกปลา
“มา มาสู้กันเถอะ”
เมื่อเห็นฉากนี้ หญิงสาวคนนั้นก็ตกใจมาก
นี่…
เกิดอะไรขึ้น?
เสิ่นรั่วชิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไปกลับตกตะลึงเสียยิ่งกว่า
พี่เทียน คุณกำลังยืนอยู่บนทะเล?
แค่กระโดดก้าวเดียว ก็สามารถอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร?
เมื่อมองไปที่ชายชราตกปลา เมื่อมองไปตามร่างของเย่อู๋เทียน เขาก็ตกตะลึงจากนั้นก็ดีใจในทันใด
นี่…
ไม่ใช่คนที่เขารอมาเจ็ดปีหรอกเหรอ?
เจ้าหนุ่มคนนี้
เขาบรรลุพลังตันไปแล้วตามคาด!
ไม่
ไม่ถูกต้อง!
นี่น่าอยู่ในพลังปราณขั้นต้น!
ไม่อย่างนั้น คลื่นที่เท้าของเขาคงจะไม่สามารถไหลรอดร่างกายของเขาไปได้
หลังจากตกปลามาเจ็ดปี ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!
ทันใดนั้น ออร่าพลังของชายชราก็พุ่งสูงขึ้นทันที เขายืนขึ้นจากนั้นก็หัวเราะลั่น
“ดี ดีมาก เพียงแต่น้ำทะเลที่นี่ตื้นเกินไป คงจะสะใจกว่าถ้าได้ต่อสู้ในทะเลลึกไกลออกไปอีกสามสิบไมล์ทะเล!”
เย่อู๋เทียนยิ้มเบา ๆ
“เอาชนะนาย แค่ที่นี่ก็พอแล้ว”