จอมนักรบอหังการ - บทที่ 99 ไท่จื่อเฟย มารดาของแผ่นดิน
จอมนักรบอหังการ บทที่ 99 “ไท่จื่อเฟย” มารดาของแผ่นดิน?
ใบหน้าของเจียงอานไท่ บิดเบี้ยว
ตอนนี้มีเวลาห่างจากตอนเย็นไปแค่เจ็ดหรือแปดชั่วโมง
แม้ว่าจะมีแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับมอบหมายจากฝ่าบาทอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของถนนทิงเฉา แต่ทำไมจะต้องเตรียมตัวล่วงหน้านานขนาดนี้ด้วย?
เจียงอานไท่ มองไปที่ประตูร้านขายเครื่องประดับของเฉินเมิ่งเฉี่ยนอย่างเกลียดชัง จากนั้นเขาก็กัดฟันตอบโล่เชียนฟานที่ปลายสาย
“ก็แค่รถ ฉันจะเตรียมให้!”
“แต่ตอนนี้ พี่ชายจะต้องส่งคนมาที่นี่”
“คนที่หยามฉันคือเฉินเมิ่งเฉี่ยน จากเฉินซื่อ เพรชพลอยแห่งเมืองหนานกั่ง”
“ผู้หญิงสารเลวนี่ ต่อให้ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา แต่แม้กระทั่งตระกูลโล่เธอก็ไม่เห็นหัวเลยหรือไงกัน?”
โล่เชียนฟานที่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คนของเฉินซื่อแห่งเมืองหนานกั่ง?”
เจียงอานไท่ ตอบอย่างเกลียดชัง
“ใช่แล้ว เป็นคนของเฉินซื่อแห่งเมืองหนานกั่ง ถ้าเป็นหมาแมวทั่วไป ฉันจะโทรหาพี่ได้ยังไงกัน?”
“เฉินซื่อแห่งเมืองหนานกั่ง ขัดแย้งกับตระกูลโล่มาโดยตลอด!”
“เกรงว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ เธอถึงได้กล้าหยามฉันขนาดนี้!”
“พี่ชาย คุณเป็นคนที่น่านับถือที่สุดคนหนึ่งในตระกูลตระกูลโล่แห่งตี้ตู หรือว่าคุณจะยอมรับความอัดอั้นนี้ได้งั้นหรือ?”
โล่เชียนฟานที่ปลายอีกด้านเงียบไปครู่หนึ่งและค่อยตอบตกลง
“ได้ ฉันจะพาคนไปที่เฉินซื่อแห่งเมืองหนานกั่ง หลายปีมานี้ อาศัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลถังแห่งตี้ตูก็เลยหยิ่งผยองขึ้นมามากเกินไปแล้ว!”
เจียงอานไท่ ดีใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาวางสายและจ้องไปที่เฉินเมิ่งเฉี่ยนที่ประตูร้านขายเครื่องประดับ
“นังผู้หญิงสารเลว รอฉันก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวพี่ชายของฉันจะพาคนมาที่นี่ทันที!”
“แน่นอนว่า ถ้าเธอเรียกเย่อู๋เทียนกลับมาตอนนี้และคุกเข่าลงให้ฉันเพื่อยอมรับความผิดพลาด ฉันก็อาจจะลงโทษเธอเล็กๆ น้อยๆ แทนได้”
“ไม่เช่นนั้น ข้าจะให้คนจำนวนมากฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น!”
เฉินเมิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอมองไปที่เจียงอานไท่ จากเบื้องสูงและค่อยๆ เอ่ยขึ้นช้าๆ
“ถ้านายอยากตาย อย่างนั้น ฉันจะช่วยสงเคราะห์”
ทันทีที่พูดจบ เฉินเมิ่งเฉี่ยนก็มาถึงหน้าเจียงอานไท่ ในเพียงวูบเดียว
จากนั้นหมัดหนึ่งก็กระแทกเข้าที่หน้าอกของเขา
ในชั่วพริบตาเจียงอานไท่ ก็กระเด็นข้ามไปยังถนนฝั่งตรงข้ามและชนเข้ากับเสาไฟฟ้า
เขากระอักเลือดออกมา ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย!
สรุปคือ
สำหรับนักศิลปะการต่อสู้อย่างระดับเฉินเมิ่งเฉี่ยน
การเหยียดหยามเธอเท่ากับการรนหาที่ตาย
ส่วนผลที่ตามมาหลังจากทุบตีเจียงอานไท่จนกระเด็นไปนั้น
เฉินเมิ่งเฉี่ยนไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับมันเลยสักนิด
ที่สำคัญที่สุดคือ
คำพูดที่เจียงอานไท่เพิ่งเอ่ย ได้แตะเข้ากับต่อมเดือดของเฉินเมิ่งเฉี่ยนไปแล้ว
ให้เย่อู๋เทียนคุกเข่าลง?
อย่างนั้น…
ใครพูดคำนี้ออกมา ก็ให้มันลงนรกไปคุกเข่าเถอะ!
แม้ว่าเจียงอานไท่ จะยังไม่ตาย
แต่ทั้งร่างของเขากลับกลายเป็นคนพิการไปแล้ว
นั่นเพราะเมื่อถูกโจมตีด้วยพลังมืดของเฉินเมิ่งเฉี่ยน นอกเสียจากเย่อู๋เทียนจะยื่นมือรักษาให้
ไม่อย่างนั้น ภายในครึ่งปี เขาจะต้องเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ นานา!
สิ่งที่เฉินเมิ่งเฉี่ยนทำ ได้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ว่าผู้หญิงอย่างเฉินเมิ่งเฉี่ยน จะน่าหวาดกลัวขนาดนี้และกล้าแม้แต่ก่ออาชญากรรมบนท้องถนน
ไม่เห็นชีวิตคนอยู่ในสายตาเลยสักนิด
ส่วนตัวเฉินเมิ่งเฉี่ยนกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอออกจากที่เกิดเหตุทันทีและไปที่สวนสาธารณะใกล้โรงแรมว่างไห่
เธอรอคอยค่ำคืนที่จะมาถึง ที่จะได้ประกาศต่อหน้าทุกคนพร้อมๆ กับอาจารย์เจียงฉางเซิงว่า เขาเอ๋อเหมยได้เข้ารับใช้เย่อู๋เทียนแล้ว
เมื่อโล่เชียนฟานรีบมาที่ร้านขายเครื่องประดับเจียงอานไท่ ก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาแล้ว
โล่เชียนฟานจึงต้องไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเจียงอานไท่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไป โล่เชียนฟานก็ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม
“ใครทำ?”
จ้าวลี่ ตัวสั่นอยู่ด้านหนึ่ง
“เฉินเมิ่งเฉียน ยัง ยังมีเย่อู๋เทียน!”
โล่เชียนฟานเป็นเพียงญาติฝั่งหนึ่งของตระกูลโล่เท่านั้น แม้ว่าเขาจะรู้จักเย่อู๋เทียน แต่เขาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเย่อู๋เทียนกับฝ่าบาทผู้สูงส่ง
โล่เชียนฟานเอ่ยเสียงเหี้ยม
“ดี หลังจากวันนี้ไป ทั้งตระกูลเฉินและเย่อู๋เทียนจะตายไร้ที่ฝังศพ!”
……
ในขณะเดียวกัน
หวงหย่าเฟย ได้กลับไปที่วิลล่าของตระกูลหวงอย่างขวัญกระเจิงแล้ว
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในร้านขายเครื่องประดับ
ล้วนอยู่ในสายตาเธอ
หวงหย่าเฟยกลัวแล้วจริงๆ
ตอนนี้หวงหย่าเฟยไม่มีความคาดหวังที่ตนจะแต่งงานกับตระกูลโล่อีกต่อไปแล้ว
เฉินเมิ่งเฉี่ยนที่เป็นผู้ชื่นชมเย่อู๋เทียน…
ถึงกับกล้าทำร้ายเจียงอานไท่ อย่างรุนแรง
เธอไม่รู้หรือว่าแม่ของเจียงอานไท่ มาจากตระกูลโล่แห่งตี้ตู?
เธอต้องรู้แน่
แต่เธอก็ยังทำ
ถ้าเฉินเมิ่งเฉี่ยนยังกล้าดีขนาดนั้น แล้วเย่อู๋เทียนล่ะ?
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ
เมื่อมองย้อนกลับไปที่การแสดงของเย่อู๋เทียนที่จวนทะเลหมอก ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าไอ้สารเลวนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่าบาทผู้สูงส่ง
ดังนั้น ต่อให้แต่งเข้าตระกูลโล่แล้วยังไงกัน?
แค่เย่อู๋เทียนเอ่ยคำหนึ่ง
ก็เป็นไปได้ที่จะให้ตระกูลโล่ขับไล่เธอออกจากตระกูลไม่ใช่หรือไง?
ยังไงเสีย แม่ของเจียงอานไท่ ก็เป็นเพียงคนที่เกิดจากญาติฝั่งหนึ่งของตระกูลโล่แห่งตี้ตูเท่านั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หวงหย่าเฟยก็รู้สึกแน่นหน้าอกและรู้สึกหดหู่อย่างมาก
แต่ในขณะนี้ หวงเจี้ยนเย่ หวงต้าซานและคนอื่น ๆ กลับเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี
หวงเจี้ยนเย่มองไปที่หวงหย่าเฟยด้วยความคาดหวังและถามอย่างตื่นเต้น
“หย่าเฟย เป็นยังไงบ้าง?”
“เลือกเครื่องประดับที่ชอบได้แล้วหรือยัง”
หวงหย่าเฟยมองไปที่หวงเจี้ยนเย่และคนอื่น ๆ อย่างว่างเปล่า เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงดีใจมากขนาดนี้ เธอส่ายหัวด้วยความสิ้นหวัง
“ไม่มี”
“นอกจากนี้…หนูจะฟังคุณปู่ คืนนี้ หนูไม่ไปที่โรงแรมว่างไห่แล้ว”
หวงเจี้ยนเย่ร้อนรนขึ้นมาทันที
“จะไม่ไปได้ยังไง? ต้องไป!”
“คุณปู่ได้แจ้งให้ญาติของเราทุกคนในตระกูลหวงไปที่ โรงแรมว่างไห่ เพื่อชมพิธีในเวลากลางคืน!”
หวงหย่าเฟยยิ่งสับสนมากขึ้น
“หมายความว่ายังไง?”
หวงเจี้ยนเย่จูงหวงหย่าเฟยมานั่งที่โซฟาอย่างรักใคร่และขอให้คนไปเอาคำเชิญสีแดงลงทองมา
เขาแทบจะหุบยิ้มไม่ลง
“หมายความว่าไงนะอีกล่ะ หลานสาวที่แสนดีของฉัน ดูสิ นี่มันอะไร!”
“คำเชิญ เป็นคำเชิญจากตระกูลโล่แห่งตี้ตูให้ตระกูลหวง!”
“ลายเซ็น ก็คือฝ่าบาทผู้สูงส่ง โล่ซวนหยวน!”
“นี่มันสื่ออะไรกันแน่?”
หวงหย่าเฟยจ้องไปที่คำเชิญตรงหน้าอย่างมึนงง หลังเปิดมันออกมา ก็คือสิ่งที่หวงเจี้ยนเย่กล่าวถึง
ชั่วครู่หนึ่ง หวงหย่าเฟยก็ตื่นเต้นมากจนเธอแทบจะร้องไห้
“หรือว่า จะเป็นฝ่าบาทที่เอ่ยด้วยตนเองว่าให้โทรหาตระกูลหวงของเรา…เป็น …เป็นลูกชายของฝ่าบาท ชอบหนูหรือ?”
หวงเจี้ยนเย่ตื่นเต้นจนปรบมือที่ต้นขาของเขารัวๆ
“นอกจากนี้แล้วยังจะมีอะไรได้อีก ที่ควรค่าแก่การเอ่ยขึ้นโดยฝ่าบาทผู้สูงส่งเอง”
“หย่าเฟย หลานสาวที่แสนดีของฉัน หลานกำลังจะโบยบินไปกลายเป็นนกฟีนิกซ์แล้ว ในสมัยโบราณ หลานคงต้องเป็นไท่จื่อเฟย ว่าที่ฮองเฮาในอนาคต!”
“บรรพบุรุษคุ้มครอง ไม่คาดคิดเลยว่าตระกูลเล็ก ๆ เช่นตระกูลหวงของเรา จะมีคนสูงส่งอย่างหลานเกิดขึ้น!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในอนาคต ปู่เจอหลานยังต้องทำความเคารพให้ พระเจ้าอ๋ย บรรพบุรุษตระกูลหวงของเราสะสมคุณธรรมอันยิ่งใหญ่อะไรไว้กัน ถึงได้พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยแบบนี้ได้”
หวงหย่าเฟยรู้สึกเวียนหัวเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ใช้เวลานานกว่าจะได้สติคืนกลับมา
“อย่างนั้นเย่อู๋เทียนนั่น…คงจะไม่อาศัยความสัมพันธ์ของเขากับฝ่าบาท ทำลายเรื่องนี้ใช่ไหมคะ?”
หวงเจี้ยนเย่ โบกมือของเขา
“เย่อู๋เทียนนับเป็นอะไรกัน? เขาจะไปมีสิทธิ์ทำลายเรื่องมงคลระหว่างตระกูลหวงของเราและฝ่าบาทผู้สูงส่งได้อย่างไร?”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขาขโมยสินสอดที่ฝ่าบาทผู้สูงส่งส่งมาให้พวกเราตระกูลหวงไป ฝ่าบาทผู้สูงส่งถลกหนังเขาก็ยังถือว่าลงโทษเบาไปด้วยซ้ำ หลานคอยดูเถอะ เย่อู๋เทียนก็เป็นแค่แมลงตัวหนึ่ง แม้กระทั่งแมลงก็อาจนับไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
หวงหย่าเฟยหายใจเข้าลึกและพยายามสงบสติอารมณ์
“ดี อย่างนั้นคืนนี้ โรงแรมว่างไห่ หนูอยากเห็นเย่อู๋เทียนมาคุกเข่าลงต่อหน้าและขอขมาหนู!”
“หนู…หนูจะแต่งหน้าเดี๋ยวนี้!”
หวงเจี้ยนเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อย่าได้ยิ่งใหญ่เกินไป แค่แต่งตัวธรรมดาๆ ก็พอแล้ว ลูกสะใภ้ของฝ่าบาทผู้สูงส่งนั้นแค่เรียบง่าย สง่างาม และเคร่งขรึมก็พอ”
“อย่าได้เหมือนยัยเด็กไร้หัวนอนปลายเท้าเสิ่นรั่วชิงนั่น มีดีแค่เปลือกนอก หย่าเฟยของเราเป็นถึงมารดาของประเทศ ต่อให้ไม่แต่งหน้า ก็ยังงดงาม!”
หวงเจี้ยนเย่กำลังฟุ้งฝันอยู่ในสายรุ้งงดงาม
หวงหย่าเฟยนั้นมีความสุขอย่างมาก
เธอขึ้นไปชั้นบนเพื่อแต่งตัวอย่างอารมณ์ดี
เวลาหกโมงเย็น
ทุกคนในตระกูลหวงล้วนแต่งกายอย่างเป็นทางการและไปที่ โรงแรมว่างไห่ ด้วยกัน
ตระกูลอื่นก็เตรียมพร้อมเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตระกูลเจียงในฐานะญาติของตระกูลโล่ในเจียงไห่ ก็ได้รับการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในโรงแรมว่างไห่
คนของตระกูลเผย ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
ยังมีตระกูลเฉียน
เดิมทีเฉียนจิ้งคุนต้องการจัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ใน โรงแรมว่างไห่ วันนี้ก็เพราะต้องการทำพิธีเคารพเฉียนเป่ยเฉินเป็นอาจารย์อย่างเป็นทางการ
แต่เมื่อรู้ว่าโรงแรมว่างไห่นั้นถูกเหมาโดยฝ่าบาทผู้สูงส่ง
ทั้งสองเมื่อได้แลกเปลี่ยนกันก็มีความสุขมาก
หลังจากหารือกันแล้วก็ได้ตัดสินใจรวมพิธีเคารพอาจารย์กับพิธีรับญาติของฝ่าบาทผู้สูงส่งเข้าด้วยกัน
หนึ่งก่อนหนึ่งหลัง
ถือว่าไว้หน้าเย่อู๋เทียนอย่างเต็มที่
ในเวลานี้เย่อู๋เทียนและเสิ่นรั่วชิงก็ปรากฏตัวขึ้นใกล้กับโรงแรมว่างไห่
คืนนี้
ไม่ว่าจะเป็นพิธีเคารพอาจารย์หรือว่าพิธีรับญาติ
ก็ล้วนไม่สำคัญ
ที่สำคัญที่สุดคือพิธีขอแต่งงาน
เย่อู๋เทียนได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้มาทั้งวัน ซึ่งคืนนี้ก็คือคืนที่เขาจะสร้างความรักโรแมนติกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับเสิ่นรั่วชิง
โรงแรมว่างไห่อยู่ใกล้ทะเล
เมื่อตกกลางคืน ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยดวงดาว
เย่อู๋เทียนต้องการใช้ฉากธรรมชาตินี้ให้เสิ่นรั่วชิงได้เห็น
ฝนดาวตกอันโรแมนติก!
ดูเหมือนว่าเสิ่นรั่วชิงคล้ายจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น เธอมองไปที่เย่อู๋เทียนซึ่งอยู่ข้างๆ และถามสงสัย
“กินเป็ดย่าง ต้องแต่งตัวจริงจังขนาดนี้เลยหรือไง?”
“อย่างกับจะไปขอแต่งงาน!”