จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 205
บทที่ 205 การต่อสู้ในอดีต ที่มาของเลือดทมิฬ!
ในม้วนภาพ มันเป็นประวัติศาสตร์เมื่อหลายล้านปีก่อน
เหนือเส้นทางยมโลกโบราณ ผู้โดดเดี่ยวนั่งขัดสมาธิอยู่เพียงลําพัง เผชิญหน้ากับความมืดชั่วนิรันดร์อย่างเดียวดาย
บนเส้นทางที่ส่องแสงอยู่เพียงน้อยนิดนั้น มีสิ่งมีชีวิตสามคนกําลังปรากฏ
คนหนึ่งมีเตาปรุงยาโกลาหลอยู่เหนือศีรษะ อีกคนมีระฆังโกลาหลอยู่เหนือศีรษะ ส่วนอีกคนมีความงดงามไร้ผู้เทียบได้
ทั้งสามคือจอมจักรพรรดิสวรรค์ จอมจักรพรรดิอู๋จื่อและจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ “ในที่สุดพวกเจ้าก็มาถึง”
ผู้โดดเดี่ยวลุกขึ้นแล้วมองไปที่จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญและคณะ “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีค่าถามมากมายและตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ดังนั้นข้าจะให้เจ้ารู้ทุกอย่าง”
เมื่อผู้โดดเดี่ยวพูดจบ เขาก็โบกมือเพื่อแสดงภาพประวัติศาสตร์ในอดีต ในม้วนภาพนั้น มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงอํานาจอย่างไม่น่าเชื่อสองตนกําลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
คนหนึ่งปกคลุมด้วยความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด อีกคนหนึ่งปกคลุมไปด้วยแสงนิรันดร์อันไร้ที่สิ้นสุด
ซึ่งนั่นก็คือร่างไร้ชีวิตบนบัลลังก์ของดินแดนโบราณและผู้โดดเดี่ยว
พวกเขาทรงอํานาจเกินไป ร่างวิสุทธิ์ที่ปรากฏนั้นไร้ขอบเขต แม้แต่จักรวาลทําได้เพียงห้อมล้อมรอบพวกเขาเท่านั้น
พวกเขาต่อสู้อยู่ในแม่น้ําแห่งกาลเวลาอันยิ่งใหญ่ ทุกๆ การปะทะคือการเกิดและดับของโลกนับพัน
การปะทะกันของทั้งสองนั้น ได้มีเลือดของพวกเขาไหลลงไปในแม่น้ําแห่งประวัติศาสตร์ภายใต้เท้าของพวกเขา
ในบรรดาเลือดเหล่านั้น มีเลือดสองหยดพัวพันกันตกลงไปในส่วนหนึ่งของแม่น้ําสายยาวแห่งประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นที่ซึ่งจักรวาลนี้ตั้งอยู่!
ในทันใด เลือดสองหยดนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตสูงสุดทั้งสอง
การต่อสู้นั้นรุนแรงมากจนเกือบจะทําลายทั้งจักรวาล
ท้ายที่สุด ผู้โดดเดี่ยวที่มีชัยเหนือกว่าเล็กน้อย และได้กําราบคู่ต่อสู้ และผนึกเขาไว้ในยมโลกโบราณ
แต่เนื่องจากเจ้าของหยดเลือดนี้ยังไม่ตาย ความมืดยังไม่ถูกกําจัดให้สิ้นซาก หยดเลือดนี้ก็ยังไม่อาจที่จะกําจัดให้สิ้นซากได้อย่างแท้จริง
ดังนั้นผู้โดดเดี่ยวที่แปลงกายมาจากหยดเลือดของผู้โดดเดี่ยวจึงทําได้เพียงปกปักษ์สถานที่แห่งนี้เพียงลําพังเพื่อป้องกันไม่ให้หยดเลือดทมิฬนี้ทําอันตรายต่อจักรวาล
นั้นเป็นสาเหตุที่ข้าไม่อาจจํากัดเขาได้ และทําได้เพียงสะกัดกั้น”
ผู้โดดเดี่ยวที่แปลงมาจากหยดเลือดอธิบาย
จากที่เขากล่าว ระหว่างการต่อสู้ เขตแดนของผู้โดดเดี่ยวนั้นต่ํากว่าฝ่ายตรงข้าม แต่ยิ่งต่อสู้ เขาก็ยิ่งแกร่งกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่หยดเลือดทั้งสองนั้นสืบทอดเขตแดนปัจจุบันมาจากเจ้าของ
และด้วยเหตุนี้ เลือดของผู้โดดเดี่ยวจึงไม่อาจกําจัดเลือดทมิฬไปได้จริงๆ เสียที
ในม้วนภาพนั้น ภาพประวัติศาสตร์ที่ฉายโดยผู้โดดเดี่ยวค่อยๆ สลายไป
“กาลเวลาล่วงเลย ข้าไม่อาจกําราบเขาได้อีกต่อไปและต้องเริ่มต้นการต่อสู้ที่เด็ดขาดกับเขา มิฉะนั้นมันจะยืดเยื้อต่อไปและเป็นการปล่อยให้เขาดูดซับพลังแห่งต้นกําเนิดของจักรวาลนี้ต่อไปเรื่อยๆ สิ่งมีชีวิตในจักรวาลนี้ไม่ช้าก็เร็วก็จะตายกันหมด”
ผู้โดดเดี่ยวกล่าว
“ข้าหาอะไรได้บ้าง?”
จอมจักรพรรดิสวรรค์เอ่ย
แม้จะเป็นเพียงหยดเลือด แต่เขตแดนของอีกฝ่ายก็ยังคงเหนือจินตนาการของพวกเขา “ช่วยข้าหยุดผลพวงอันมืดมิดนี้ ในภายหลังข้าจะสู้กับเขา เขาย่อมใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยตนเองจากการสะกัดกั้นของข้าเพื่อดูดซับพลังในจักรวาล เจ้าต้องหยุดเขา อย่าปล่อยให้เขาประสบความสําเร็จโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นผลที่ตามมานั้นจะแย่เกินกว่าที่จะจินตานาการได้” ผู้โดดเดี่ยวกล่าวอย่างรอบคอบ
เจ้าของหยดเลือดทมิฬนี้มีพลังความมืดที่น่ากลัวและแปลกประหลาดที่สุดในพิภพ มันสามารถดูดซับต้นกําเนิดของจักรวาล เปลี่ยนเป็นพลังความมืดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
นี่เป็นสาเหตุที่ผู้โดดเดี่ยวไม่ได้เริ่มการต่อสู้อย่างเด็ดขาด เขากังวลว่าระหว่างการต่อสู้ระหว่างทั้งสองอีกฝ่ายจะใช้โอกาสนี้แบ่งพลังส่วนหนึ่งออกไปและดูดซับต้นกําเนิดของจักรวาลนี้
และในตอนนี้ ด้วยความช่วยเหลือของจอมจักรพรรดิสวรรค์และคนอื่นๆ มันเป็นเวลาอันสมควรแล้วจะเริ่มการต่อสู้อย่างเด็ดขาดนั้น
ต่อมา ภาพนั้นก็กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้โดดเดี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่แปลงจากหยดเลือดทมิฬ
นี่คือการต่อสู้ที่สร้างความสั่นสะเทือนทั้งจักรวาล ฟ้าดินถูกทุบตีและแตกเป็นเสี่ยงๆ และมีแต่เพียงความโกลาหลอันไร้ที่สิ้นสุด
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้โดดเดี่ยวที่เลือกสนามรบในยมโลกอันลึกลับ เกรงว่าทั้งจักรวาลจะแตกสลายจอมจักรพรรดิสวรรค์และคณะประจําการอยู่ที่เส้นทางยมโลก เพื่อสกัดกั้นพลังแห่งความมืดที่พยายามจะฝ่าออกไป
พลังแห่งความมืดเหล่านี้ทรงอํานาจเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าทั้งสามคนจะรวมพลังกันก็ยังอันตรายเป็นอย่างมาก
สําหรับพวกเขา มันนานมากแล้วที่ไม่ได้พบกับการต่อสู้ที่ยากลําบากเช่นนี้
ไม่ว่าอย่างไร จ้าวแห่งพลังความมืดนี้เคยไปถึงเขตแดนอันไร้เทียมทานที่แท้จริง
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงหยดเลือดของเขา แต่พลังแห่งความมืดที่เล็ดลอดออกมานั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาอาจต้านทานได้
หากผู้ที่เผชิญหน้านั้นถูกแทนที่ด้วยเซียนนิรันดร์ที่แท้จริงทั่วไปสามคน เกรงว่าพลังแห่งความมืดนี้จะครอบง่าพวกเขาในทันที
โชคดีที่ทั้งสามนั้นไปถึงระดับเขตแดนเซียนส่องโลกาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต้านทานพลังความมืดได้อยู่บ้าง
“ผู้โดดเดี่ยว!”
สิ่งมีชีวิตแห่งความมืดคํารามออกมาและต่อสู้กับผู้โดดเดี่ยวอย่างดุเดือด แต่หากไร้ซึ่งพลังจากภายนอกมาเสริม กระแสพลังของเขาก็
ค่อยๆ สลายลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และร่างของผู้โดดเดี่ยวก็ค่อยๆ เลือนลาง
ท้ายที่สุด ศัตรูนั้นเป็นทั้งชีวิตและความตาย หากกําจัดหยดเลือดทมิฬนี้ หนดเลือดของผู้โดดเดี่ยวก็จะหายไปด้วย
“เพื่อเจ้าพวกมดเหล่านี้ มันคุ้มแล้วรึ?”
สิ่งมีชีวิตแห่งความมืดคําราม เขาสัมผัสได้ถึงจุดจบของตนเองหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป
“อ่า ในเมื่อเจ้าต้องการปกป้องสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนี้นัก ข้าจะให้เจ้าทําได้เช่นนั้นได้อย่างไร?
ผู้โดดเดี่ยว การต่อสู้ระหว่างเจ้ากับข้ายังไม่จบเสียทีเดียว!”
สิ่งมีชีวิตที่มืดมิดยิ้มหยัน เขาไม่ต่อสู้กับผู้โดดเดี่ยวอีกต่อไป แต่กลับระเบิดต้นกําเนิดของตนเอง กลายเป็นพลังแห่งความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด พุ่งพล่านไปทั่ว!
แม้ว่าจะสะกัดกั้นไว้ แต่พลังแห่งความมืดบางส่วนก็ยังเล็ดรอดออกไปได้
“แม้แต่จอมจักรพรรดิสวรรค์และคนอื่นๆ ก็ไม่อาจหยุดพลังแห่งความมืดเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังมีที่มืดบางส่วนกระจัดกระจายอยู่ในจักรวาลพลังแห่งความมืดแผ่ขยายไปทั่วจักรวาล ท่าลายทุกสิ่ง
ยอดยุทธ์สูงสุดโบราณที่ซ่อนอยู่ในเขตต้องห้ามเหล่านั้น หลังจากสัมผัสกับพลังแห่งความมืดเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ไม่ตายลงเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นยอดยุทธ์สูงสุดแห่งความมืด ท่องไปในจักรวาล สังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!
ยอดยุทธ์สูงสุดแห่งความมืดเหล่านี้หลังจากดูดซับพลังแห่งความมืดเหล่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกมันก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และมีร่องรอยว่าจะก้าวข้ามขอบเขตของเขตแดนระดับสุดยอด!
PS: วันนี้โชคดีได้สองตอน อีกตอนมาประมาณ สองทุ่ม ขอตรวจสอบก่อนนะ