จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 22 ปฏิกิริยาของเผ่าพันธุ์โบราณ
ราครั้งนี้ ผู้คนของเผ่าพันธุ์โบราณถูกสังหารด้วยค่ายกลวิญญาณของจอมจักรพรรดิ นี่น่าจะสามารถสะกดข่มเผ่าพันธุ์ทั้งสองได้ชั่วขณะ แลกกับช่วงเวลาสั้นๆ แห่งสันติ”
หลังจากพัฒนาความแข็งแกร่งแล้ว ฉินมู่ก็มองไปในทิศทางของเมืองหิมะน้ำแข็งอย่างครุ่นคิด
คราครั้งนี้ เขาเตรียมดินแดนลับที่สามนี้อย่างพิถีพิถันเพื่อสังหารผู้คนเผ่าพันธุ์โบราณนี้ ด้วยแผนการของตัวเอง
ไม่เพียงแต่ต้องสังหารเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตโบราณเหล่านี้ที่คอยรังแกเผ่าพันธุ์มนุษย์ ยังจำเป็นต้องสะกดข่มขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกนั้นด้วยเพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวในระยะเวลาอันสั้นนี้❗️
เขาทำให้เกิดสงสัยว่าจอมจักรพรรดิโบราณได้ฟื้นคืนชีพ และใช้พลังของผู้อยู่ในจุดสูงสุดจู่โจมสังหารหยู่โยว ชือขวง และคนอื่นๆ
การออกแบบการสังหารด้วยวิธีอื่น ผลที่ตามมาย่อมแตกต่างไปเป็นคนละเรื่อง
ถ้าเป็นแบบแรก ต่อให้มีคนเข้มแข็งมากมายในเผ่าวิหคและเผ่าราชสีห์เก้าเศียร เกรงว่าพวกเขาจะไม่กล้าแสดงท่าทีออกมาง่ายๆ ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจรายละเอียด
แต่ถ้าแบบหลัง เกรงว่าอีกฝ่ายจะลงมือทันที และส่งยอดยุทธ์ทั้งหมดในเผ่ามาล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อล้างแค้นให้กับผู้ตายในเผ่าพันธุ์
รังแกผู้อ่อนแอ กลัวผู้เข้มแข็ง
แม้แต่เผ่าพันธุ์โบราณก็ไม่สามารถหนีพ้นกฎข้อนี้
นี่คือสาเหตุที่ฉินมู่ต้องการแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในวิหารสำริดโบราณอย่างเปิดเผย
นอกเหนือจากการเก็บเกี่ยวแต้มตกใจ มันก็ยังต้องการใช้เพื่อสะกดข่มเผ่าพันธุ์โบราณด้วย❗️
อย่างน้อย อีกฝ่ายก็ไม่กล้าดำเนินการใดๆ กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ก่อนที่พวกเขาจะรู้ทุกอย่างชัดเจน
…………
แดนร้างตะวันออก ดินแดนของเผ่าราชสีห์เก้าเศียร
นี่คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ยุคโบราณที่กว้างขวางไร้ที่สุด ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทุกลูกสูงตระหง่าน
ระหว่างภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ในบางครั้งสามารถเห็นสิ่งมีชีวิตเผ่าราชสีห์เก้าเศียรคำรามอย่างภาคภูมิใจ
และในใจกลางของที่แห่งนี้ที่มีภูเขาห้อมล้อม บนภูเขาที่งดงามที่สุด มีวิหารโบราณที่สง่างามตั้งตระหง่านอยู่หลายหลัง
นี่คือหัวใจของเผ่าราชสีห์เก้าเศียร เป็นที่อยู่อาศัยของสายเลือดราชันของเผ่าพันธุ์❗️
ในเวลานี้ ภายในวิหารโบราณที่งดงามแห่งหนึ่ง
ร่างของเผ่าราชสีห์เก้าเศียรที่มีขนาดเท่าเนินเขา หกหัว และขนทั้งตัวเป็นสีทองยืนอยู่ในวิหารโบราณอย่างสง่างาม
กระแสพลังอันทรงอำนาจเล็ดลอดออกมาจากร่างนั้น ทำให้มิติโดยรอบบิดเบี้ยวเล็กน้อย
การที่เกิดมาพร้อมกับหกหัว ในเผ่าราชสีห์เก้าเศียรถือเป็นสัญลักษณ์ของเลือดบริสุทธิ์ และเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งที่หาที่เปรียบมิได้
ราชสีห์เก้าเศียรตัวนี้ สำหรับเผ่าราชสีห์เก้าเศียรแล้ว เขาเป็นตัวตนที่ประดุจราชันอย่างแน่นอน❗️
ทันใดนั้น บรรพบุรุษราชันราชสีห์เก้าเศียรคนนี้ก็เงยหน้าขึ้น และเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง มีความแปลกใจปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
เขาก้าวเท้าออกจากวิหาร และมองไปในระยะไกล เสียงของเขาดังก้องกังวานไปทั่วภูเขา
“ชือขวงตายแล้ว คนในเผ่าพันธุ์ที่เขานำไปด้วยถูกสังหารตายทั้งหมด”
“อะไรนะ ชือขวงตายแล้ว ใครเป็นคนทำ❓”
“ชือขวงออกไปในคราครั้งนี้ เพื่อตรวจสอบข่าวลือว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์มีร่องรอยของจักรพรรดิโบราณเมื่อนานมาแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ลงมือสังหารพวกเขา”
“เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีคุณค่าที่จะเป็นเพียงทาสและอาหารสดของพวกเรา กล้าโจมตีนายของพวกมันตอนนี้ด้วยงั้นรึ❓”
“ส่งคนที่แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ออกไป ล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ในที่แห่งนี้ด้วยเลือด และให้เผ่าพันธุ์มนุษย์รู้ชะตากรรมของการทำให้เผ่าราชสีห์เก้าเศียรขุ่นเคือง❗️”
“ถูกต้อง ต้องใช้เลือดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ และบอกให้พวกมันรู้มดควรตระหนักถึงความเป็นมด❗️”
พลังความคิดที่กว้างใหญ่ไพศาลและน่าสะพรึงกลัว โผล่ขึ้นมาจากวิหารโบราณหลายแห่ง พลังเหล่านี้มาบรรจบกันและสะท้อนไปมากลางอากาศ
และทุกๆ คามคิดจิตวิญญาณล้วนเปี่ยมไปด้วยความโกรธ
“ไม่ต้องรีบร้อน อันดับแรก เราต้องตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของชือขวงและคนอื่นๆ ก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินใจ”
บรรพบุรุษราชันราชสีห์เก้าเศียรที่เดินออกจากวิหารโบราณส่ายหน้า และส่งเสียงดังก้อง
“ก่อนไป ข้าให้ร่างจำแลงทหารศักดิ์สิทธิ์ของข้าแก่ชือขวง เผื่อในกรณีที่ไม่ทราบสถานการณ์ชัดเจน และก่อนที่ร่างจำแลงทหารศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะแตกสลายข้ารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ บรรพบุรุษจากเผ่าราชสีห์เก้าเศียรผู้นี้ก็แสดงให้เห็นถึงความระมัดระวังในสายตา
“ร่างจำแลงทหารศักดิ์สิทธิ์ของข้า มันแตกสลายลงไปในทันที และในเวลานั้นก็ได้บังเกิดกระแสพลังของเต๋าสุดยอดพร้อมจิตสังหารระดับสูงสุด ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับข้าอย่างมาก”
เสียงของบรรพบุรุษราชสีห์เก้าเศียรดังขึ้น และบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
แน่นอนว่า การรับรู้ของบรรพบุรุษไม่อาจผิดพลาดได้
แต่อย่างไรก็ตาม มีกระแสพลังของเต๋าสุดยอดเกิดขึ้นด้วยงั้นรึ
เป็นไปได้อย่างไร❓
หรือว่า ข่าวลือของเผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อไม่นานมานี้เป็นจริง❓
หรือว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์นี้ให้กำเนิดผู้ฝึกยุทธ์ระดับสุดยอดเทียบได้กับจอมจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ขึ้นมาในอดีตด้วยงั้นรึ❓
เมื่อคิดเรื่องนี้แล้ว ตัวตนที่อยู่ในวิหารมากมายเหล่านี้ก็ได้สะกดข่มจิตสังหารของตนเองและระมัดระวังขึ้นมาในทันที
เมื่อพูดถึงการมีอยู่ของผู้ฝึกยุทธ์ระดับสุดยอด แม้แต่เผ่าราชสีห์เก้าเศียรผู้เรืองอำนาจก็ควรจัดการด้วยความระมัดระวัง
เมื่อเห็นว่าไร้เสียงออกมาจากบริเวณโดยรอบแล้ว บรรพบุรุษเผ่าราชสีห์เก้าเศียรที่ก้าวออกจากวิหารโบราณก็ส่งเสียงดังก้อง
“ในกรณีนี้ พวกเรามาตรวจสอบเรื่องนี้กันให้ชัดเจนก่อน และก่อนอื่นต้องยับยั้งคนในเผ่าอย่าให้เคลื่อนไหวอย่างบุ่มบ่าม”
ไม่ใช่แค่เผ่าราชสีห์เก้าเศียร ตอนนี้ในที่พำนักของเผ่าวิหค สถานการณ์เดียวกันก็กำลังดำเนินไปอยู่
ฉินมู่เดาถูก เพราะจอมยุทธ์สุดยอดอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นเผ่าพันธุ์ทั้งสองจึงได้ระมัดระวังเป็นอย่างมาก และเปลี่ยนแปลงนิสัยที่บ้าคลั่งเมื่อเผชิญกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอดีตไปจากเดิม
และเผ่าพันธุ์มนุษย์ใกล้เมืองหิมะน้ำแข็งก็ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ยากลำบากได้เป็นการชั่วคราว
…………
ห้าวันต่อมา เมืองหิมะน้ำแข็ง
“ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะปลอดภัยแล้ว ”
ฉินมู่มองไปที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ในเมืองที่อยู่กันอย่างสงบสุขพร้อมกระซิบกับตัวเอง
เขาอยู่ที่นี่เป็นเวลาสองสามวันแล้ว และไร้วี่แววของเผ่าวิหคและเผ่าราชสีห์เก้าเศียรที่แข็งแกร่งมาเพื่อแก้แค้น ดูเหมือนว่าดินแดนลับที่เขาได้จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้มีบทบาทในการป้องปรามอยู่
“หากเป็นเช่นนี้ ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว”
เมื่อเห็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ใกล้เมืองหิมะน้ำแข็งพ้นจากอันตรายชั่วคราวแล้ว ฉินมู่ก็มีใจที่จะย้ายออกจากที่นี่เช่นกัน
ไม่ว่าอย่างไร ที่นี่มันเล็กเกินไป และผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงอำนาจก็มีไม่มาก
ดังนั้น หลังจากที่ฉินมู่จัดสร้างดินแดนลับไปแล้ว แต้มตกใจที่เก็บเกี่ยวได้ก็จะลดลงตามไปด้วย
เขากำลังจะออกไปจากที่นี่ เข้าไปยังแดนร้างตะวันออกและจัดสร้างดินแดนลับหลังจากนี้ทีละแดน
เขาอยากเดินทางรอบพิภพ จัดสร้างดินแดนลับตำนานต่อไป กลายเป็นจอมบงการ และผลักดันเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นไปยังจุดสูงสุด
ยิ่งไปกว่านั้น จนถึงตอนนี้ดินแดนลับส่วนใหญ่ที่เขาจัดตั้งขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ
ตำนานเผ่าพันธุ์มนุษย์อื่นๆ ควรได้เวลากลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง
คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปจากนี้
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของฉินมู่
เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอย