จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 262 เหนือผู้กุมชะตา เซียนต้นกําเนิด
บทที่ 262 เหนือผู้กุมชะตา เซียนต้นกําเนิด!
จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ผู้กุมชะตาผู้ที่อยู่เหนือทุกสวรรค์และโลกาเหนือกาลเวลาและอวกาศอยู่เป็นนิรันดร์อิสระเหนือผู้ใดกลับถูกเอาชนะได้อย่างง่ายดายและต้องตัดร่างของตน
หากมิใช่เพราะจิตใจอันทรงพลังของจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ที่กล้าจะตัดร่างกายและจิต
วิญญาณที่แท้จริงที่ถูกความมืดกัดกินออกครึ่งหนึ่ง
เกรงว่าชิ้นส่วนที่หายไปไม่น่าจะมีเพียงร่างกายและจิตวิญญาณที่ไม่ได้ปกป้องเอาไว้แต่ทุก
สิ่งก็คงจะสลายหายไปพร้อมกับโลงศพที่เปี่ยมไปด้วยความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดนั้น!
แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าผู้กุมชะตาผู้แข็งแกร่งผู้นี้จะรักษาชีวิตของตนไว้ได้แต่ในตอนนี้ร่างกาย
และวิญญาณของเขาไม่สมบูรณ์อีกต่อไปเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวของร่างกายเท่านั้น
แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องร่วงลงมาจากเขตแดนของผู้กุมชะตา ในตอนนี้เขาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าผู้กุมชะตาแต่ก็แข็งแกร่งกว่าระดับที่ต่ํากว่าผู้กุมชะตาแต่เขาไม่มีพลังมากเช่นเดิมแล้ว
เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วเมื่อตัดชิ้นส่วนของร่างกายที่มีความมืดออกไปร่างกายที่เหลือก็ไม่สมบูรณ์
เห็นได้กระทั่งในดวงตาของผู้กุมชะตาที่ยังมีประกายความมืดไหลออกมาอยู่เห็นได้ชัดว่าส่วนนี้ของร่างกายเองก็ถูกความมืดมิดกัดกินไปแล้วนิดหน่อย แต่มันเล็กน้อยมากน้อยจนไม่แสดงอาการออกมา
อย่างไรก็ตาม ต้นกําเนิดของความมืดนี้เหนือกว่าผู้กุมชะตาอย่างแน่นอน และที่สําคัญคือมันทรงพลังมากกระทั่งที่ว่าแม้จะเป็นเพียงส่วนน้อยแต่ผู้กุมชะตาผู้นี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเช่นเดิมแล้วดังนั้นแม้จะมีเพียงส่วนน้อยแต่ผู้กุมชะตาก็ไม่สามารถกําจัดความมืดนี้ออกไปเองได้
จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ผู้แข็งแกร่งเองก็คาดไว้แล้วเช่นกัน
ในแววตาของเขาแสงสว่างและความมืดปรากฏขึ้นสลับไปมาเขาโบกมือและสร้างพิภพขึ้น
มาเขาเรียกโซ่ขึ้นมาและตรึงร่างที่เหลืออยู่เอาไว้ในพื้นที่แห่งนี้
แน่นอนว่าในตอนนี้เขายังมีจิตสํานึกเขากังวลว่าจะไม่สามารถเอาชนะความมืดมิดได้และจะทําให้พิภพทั้งหลายตกอยู่ในภัยอันตรายดังนั้นเขาจึงปิดกั้นตัวเองด้วยพิภพแห่งนี้และแยกตัว ออกจากภายนอกไปตลอดกาล!
ได๋
เมื่อได้เห็นดังนั้น ผู้โดดเดี่ยวก็เข้าใจได้ถ่องแท้
นี่คงจะเป็นโอกาสที่จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีบอกกับเขา
จากพลังของผู้กุมชะตาที่จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีแสดงให้เห็น มันไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถต้านทาน
แต่ในตอนนี้จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ที่ตัดร่างกายและจิตวิญญาณที่แท้จริงออกไปทําให้เขาร่วงหล่นลงมาจากเขตแดนนั้น ไม่มีพลังแห่งจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์อีกต่อไป
นั่นหมายความว่า เขาไม่แข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นเคยแล้ว
นี่เป็นโอกาสเดียวของเขา!
อย่างไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงเลือดหยดสีดํานั้น มันก็ทําให้หัวใจเขาอดแน่นไม่ได้พลังของเจ้าของหยดเลือดนั้นมันเหนือจิตตนาการใดๆ กระทั่งผู้กุมชะตายังอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าเพียงแค่เลือดหยดเดียวก็สามารถสยบอีกฝ่ายได้
“อันที่จริงแล้วผู้กุมชะตาก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
ฉินมู่ราวกับรู้ว่าผู้โดดเดี่ยวนั้นกําลังคิดอะไรอยู่และกล่าวออกมาเรียบๆ “ตัวตนในโลงศพนั้นเองก็คือผู้กุมชะตาและที่สาเหตุว่าทําไมเขาจึงติดเชื้อได้โดยง่ายนั่นก็เพราะพวกเขาฝึกฝนในวิถีเดียวกัน”
“วิถีเดียวกัน?”
ผู้โดดเดี่ยวตกใจ
“ถูกต้อง เหนือผู้กุมชะตามีอีกเขตแดนหนึ่งนั่นก็คือเซียนต้นกําเนิด!”
เซียนต้นกําเนิดนั้นมีอยู่จริงมันมีวิถีแห่งเต๋าของมันเองเรียกได้ว่าเป็นต้นกําเนิดของวิถีต่างๆในพิภพจํานวนมหาศาลไร้ที่สิ้นสุด!
หากเดินบนวิถีแห่งพละกําลังก็จะได้เป็นจ้าวแห่งพลังหากเดินบนวิถีของกาลอวกาศก็จะได้เป็นจ้าวแห่งกาลอวกาศ หากเดินบนวิถีแห่งดวงตะวันก็จะได้เป็นจ้าวแห่งดวงตะวัน…
ผู้ใดก็ตามที่เป็นต้นกําเนิดของเต๋าก็คือเซียนต้นกําเนิดท่ามกลางจักรวาลและพิภพจํานวน มหาศาลไร้ที่สิ้นสุดพวกเขาก็ยังมีตัวตนอยู่นั่นก็เพราะหากวิถีนั้นยังคงอยู่พวกเขาก็จะยังมีตัวตน!
ในระดับนี้อาจจะเรียกว่าเป็นเซียนที่แท้จริงที่ไม่มีทางตายก็เป็นได้ เพราะตราบใดที่เต๋ายังอยู่พวกเขาก็จะไม่สลายหายไป”
ฉินมู่พูดอย่างเรียบเฉย
“และผู้ใดก็ตามที่ฝึกฝนด้วยวิถีเดียวกับเซียนต้นกําเนิดนั้นต่างก็ถือว่ามาช้ากว่าทั้งหมด!”
แน่นอนว่าสําหรับผู้ที่ช้ากว่าเหล่านี้เซียนต้นกําเนิดนั้นก็สามารถสยบพวกเขาลงได้เป็นตามธรรมดา
เซียนต้นกําเนิดนั้นเป็นต้นกําเนิดของเต๋าผู้ที่มาทีหลังโดยใช้วิถีแห่งเต๋านี้จะสามารถเอาชนะเซียนต้นกําเนิดได้อย่างไรกัน?ได้แค่เป็นฝ่ายถูกสยบเพียงอย่างเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ผู้นี้พึ่งเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในเขตแดนผู้กุมชะตาได้ไม่นานเขตแดนพลังยุทธ์ยังตื้นเขินจนไม่รู้สึกถึงพลังอํานาจของฝ่ายตรงข้าม”
“เหนือผู้กุมชะตายังมีเซียนต้นกําเนิดเซียนต้นกําเนิดผู้เป็นบรรพบุรุษของเต๋าของพิภพมากมาย…”
ผู้โดดเดี่ยวพึมพําดวงตาเปี่ยมไปด้วยความตกใจ
คําพูดของฉินมู่ในร่างของจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีช่วยเปิดประตูโลกใบใหม่ให้กับเขา
เมื่อก่อนหน้านี้เขาอยู่ในจุดสูงสุดของราชันเซียนนิรันดร์และคิดว่าถึงจะยังมีเขตแดนที่เหนือกว่าเขาแต่ก็คงใช้เวลาไม่นานก็จะไปถึง
แต่เหมือนว่านี่จะเกินความคาดหมายเขาไปมาก
เหนือราชันเซียนนิรันดร์ยังมีฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลรอเขาอยู่!
ผู้โดดเดี่ยวไม่ได้รู้สึกหวั่นกลัว
แต่เขากลับรู้สึกภาคภูมิใจไร้สิ้นสุด!