จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 59 ราชันบรรพบุรุษโกรธ เผ่าพันธ
นสักการะเทพเซียนโบราณฟื้นฟู กระแสพลังเริ่มผันผวน ราวกับมีจอมจักรพรรดิฟื้นจากการหลับไหลกําลังจะครอบครองเหนือสวรรค์
กระแสพลังนั้นน่ากลัวเกินไป ทั้งห้องเต็มไปด้วยความมึนงง ฟ้าดินดูเหมือนจะถูกโค่นล้มลงมา
โองการที่บรรจุเจตจํานงทั้งห้าของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ปลิวสลายไปกับสายลม ไม่มีอะไรเหลือ
ความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์ของราชันดึกดําบรรพ์ที่สามารถปกครองดินแดนได้นั้นไม่เพียงพอ กระแสพลังแกว่งไปแกว่งมาจนหายไปกับกระแสลม
ผู้ที่โชคร้ายที่สุดคือเสือด่ายักษ์
หากไม่มีโองการของราชันบรรพบุรุษที่อยู่เหนือศีรษะของเขา อาจรู้สึกกดดันมาก แต่มันคงจะไม่จบชีวิตลงแบบนี้
แต่ทว่า ผลที่ได้คือความคิดของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ที่ต่ําช้าได้ชักนําไปสู่การฟื้นฟู แท่นสักการะเทพเซียนโบราณ กระแสพลังของจอมจักรพรรดิจึงทําลายทุกอย่าง
“ในโองการ.. เป็นสํานึกศักดิ์สิทธิ์ของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ ! ”
ผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์คู่เพิ่งตกใจ
ไม่มีใครคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีความลึกลับอีกอย่างอยู่ในโองการนี้
แม้ว่าจะเป็นเพียงสํานึกศักดิ์สิทธิ์ของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ พลังที่มองไม่เห็นนี้ก็สามารถสังหารจอมยุทธ์ระดับราชันศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย
เกรงว่าสํานึกศักดิ์สิทธิ์ของราชันบรรพบุรุษนี้จะถูกเตรียมไว้สําหรับพวกเขาโดยเฉพาะ
แต่บัดนี้มันถูกเปิดเผยล่วงหน้าแล้วและถูกกําจัดโดยกระแสพลังของจักรพรรดิโบราณ
“สํานึกศักดิ์สิทธิ์ของราชันดึกดําบรรพ์ยังไม่เพียงพอที่จะเทียบกับจักรพรรดิโบราณผู้ยิ่งใหญ่ที่ครอบครองโลก ในที่สุดเผ่าพันธุ์ของข้าก็มีเป้าหมายแห่งศรัทธาและการสักการะเป็นของตัวเอง”
ผู้นํานิกายเทียนเฉินถอนหายใจ
เป็นเวลาหลานแสนปี ตั้งแต่การให้กําเนิดผู้แข็งแกร่งสูงสุด เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงขาดศรัทธา
แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่ามันมีอายุมากกว่าล้านปี และเผ่าพันธุ์ มนุษย์มีจอมจักรพรรดิโบราณจริงๆ
เผ่าพันธุ์มนุษย์พากันสวดภาวนาในวันนี้ ด้วยเชื่อมั่นศรัทธาและเคารพบูชา
และไม่จําเป็นต้องไปสักการะสิ่งอื่นใด !
เพราะตัวตนของจอมยุทธ์ระดับสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ไม่ไกลออกไป ฉันม่โบกมือออกไปข้างหน้าตัดจิตเชื่อมโยงขาดออก ด้วยการปิดผนึกดินแดนลับโดยตรง
เดิมที่สายใยจิตเชื่อมโยงนี้เพียงพอที่จะทําให้เกิดการเหนี่ยวนํากับร่างกายหลักของราชัน บรรพบุรุษดึกด่าบรรพ์ได้เล็กน้อย
เหมือนวิหารโบราณก่อนหน้านี้
สายใยจิตเชื่อมโยงของราชันบรรพบุรุษติดอยู่กับเจดีย์บรรพบุรุษ ในนาทีสุดท้ายเขารู้สึกได้ถึง จิตสังหารของจอมจักรพรรดิที่ทําลายทุกอย่าง
แต่ที่นี่ฉันม่ได้ปิดดินแดนลับในความคิดเดียวและสะกัดกั้นการเชื่อมต่อ
นั่นคือสายใยจิตเชื่อมโยงของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์นี้ถูกปิดกั้นเอาไว้
พูดได้ว่าตัวตนหลักที่อยู่ห่างออกไปหลายล้านลิ้นั้น
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ก่อนหน้าที่ฉันม่ทําเช่นนั้น แน่นอนว่าย่อมมีเหตุผลและความคิดเป็นของตัวเอง
ผลประโยชน์มากหลาย แต้มตกใจที่มีไม่เพียงพอ
ฉันอาจไม่สามารถสะกัดกั้นได้
เพราะเมื่อร่างของราชันดึกดําบรรพ์นี้รับรู้ได้ถึงกระแสพลังของจอมจักรพรรดิที่กวาดล้างทุกสิ่งอาจจะมีความกลัวอยู่บ้าง และคงไม่กล้าเคลื่อนไหวเหมือนกับเผ่าวิหคและราชสีห์เก้าเศียรที่มา จากเผ่าพันธุ์ดึกดําบรรพ์
แต่ตอนนี้มันต่างกัน
ฉินมู่มีแต้มตกใจมากมายอยู่ในมือ
สามารถเขย่าขวัญราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าอีกฝ่ายดื้อด้านนัก ต่อให้เขาต้องใช้แต้มตกใจจํานวนมหาศาลเพื่อจัดการกับพวกนั้น ฉันม่ก็จะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เพราะเขารู้
การจัดการกับศัตรูที่ดุดันนั้น เราต้องดุดันกว่าอีกฝ่าย ถ้าอีกฝ่ายมาก็ต้องทุบตีให้หนัก อีกฝ่ายจะได้กลัวยิ่งกว่ากลัว
จะให้เขากลัวงั้นเหรอ มันง่ายเกินไป
เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนไม่เชื่อหรือว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์มีจักรพรรดิโบราณในประวัติศาสตร์ ?
ไม่เชื่อหรือว่าจักรพรรดินีและผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิที่ปรากฏขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นความจริง ?
ไม่คิดหรือว่า ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยกิ่งจักรพรรดินั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ใช้ประโยชน์จากดินแดนลับที่ห้านี้เพื่อวางโอกาส ฉินมู่พร้อมจะทําให้เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนในแดนร้างตะวันออกต้องตกตะลึง !
ทําให้อีกฝ่ายเลือดสาด และบอกให้พวกเขารู้ถึงความเจ็บ
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อย่างแท้จริง และรับประกันความปลอดภัยของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ชั่วคราว
เมืองเชิงหยาง ด้านนอก
ภูเขาดึกดําบรรพ์ที่สูงตระหง่าน
ห้าร่างศักดิ์สิทธิ์ที่สง่างามยืนอยู่บนยอดเขา
ทั้งห้าร่าง ถึงแม้สถานะจะต่างกัน แต่ทั้งหมดคือ เผ่าพันธุ์ที่มีพลังมากมายราวกับทะเลที่กําลังพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย
พวกเขาเป็นห้าบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ที่ร่วมกันมอบโองการให้แก่เผ่าพันธุ์มนุษย์
ทุกที่ซึ่งสายตาของพวกเขาจ้องมองไป แม้แต่ความว่างเปล่าก็ยังบิดเบือน
กระแสพลังอันยิ่งใหญ่ราวกับทะเลสาบและภูเขาที่ออกจากร่างของพวกเขา ก็เพียงพอที่จะสร้างแรงกดดันให้กับโลกได้
พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่บนยอดเขา
และมองไปยังที่ที่ห่างไกลออกไป ดูเหมือนว่าจะมองไปทางเมืองเชิงหยาง ไม่รู้ว่ากําลังรออะไรอยู่
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ราชันดึกดําบรรพ์ที่มีผมสีม่วงยาวและมีหน้าท้องอ้วนหนา ดูเหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาสันไหวเล็กน้อย และมีความโกรธอยู่ในน้ําเสียงที่ไม่แยแสของเขา
“ข้าเพิ่งสัมผัสได้ว่าสํานึกศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าผูกไว้กับโองการได้หายไป”
“โอ เผ่าพันธุ์มนุษย์มีความกล้าหาญขนาดนั้นเชียวรึ ? กล้าดียังไงมาลบสํานึกศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า”
ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์อีกคนเปิดปากส่งเสียงก้องไปทั่วโลก
“ข้าไม่อาจรับรู้ได้อีก แต่มีกระแสพลังที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นชั่วขณะ และตัดความเชื่อมโยงของข้า…”
ราชันบรรพบุรุษผมสีม่วงตอบ
“ไม่ว่าความรู้สึกทางวิญญาณของเจ้าจะหายไปอย่างไร มันจะต้องเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มนุษย์แน่นอน
ตอนนี้ความรู้สึกทางวิญญาณของเจ้าหายไป ใช่แล้ว มันต้องหมายความว่าพวกเขาตั้งใจที่จะต่อต้านโองการและดูหมิ่นพวกเรา”
ราชันบรรพบุรุษที่มีหัวเป็นมังกรและมีหางจรเข้กล่าว
“เผ่าพันธุ์มนุษย์กล่าฝ่าฝืนโองการที่ร่วมลงนามจากพวกเราทั้งห้า เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาคิดจะไม่ปฏิบัติตาม เป็นเพราะพวกเขามีจอมจักรพรรดิงนรี ?”
ไม่กี่วันก่อน ผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิมาถึงแดนร้างตะวันออก ทําให้เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนต่างตัวสั่น
ราชันบรรพบุรุษทุกเผ่าพันธุ์ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิหายไป ราชนทั้งหลายต่างก็สงบลง และพบว่าสิ่งต่างๆ อาจไม่เรียบง่ายนัก
และในตอนนี้ ก็มีสายเลือดจอมจักรพรรดิดึกดําบรรพ์ให้เห็นแล้ว และแต่ละเผ่าพันธุ์ต่างพูดตรงกันว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์มีจักรพรรดิที่เทียบได้กับจักรพรรดิโบราณ ไม่ได้เป็นเพียงแผนการของเผ่าพันธุ์มนุษย์
สายเลือดของจักรพรรดิโบราณ เป็นการดํารงอยู่สูงสุดในเผ่าพันธุ์หมื่นเซียน
คําพูดของเขา แม้แต่ราชันบรรพบุรุษของทุกเผ่าพันธุ์ก็ต้องตั้งใจฟัง
นอกจากนี้ ยังกล่าวว่าเลือดของจักรพรรดินีโบราณที่สืบเชื้อสายมา แม้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถขับเคี่ยวกับจักรพรรดิโบราณได้จริง แต่ก็ได้ล่วงลับไปแล้วหลายพันปีผ่านไป
พวกเขายังมีมรดกระดับสูงที่จอมจักรพรรดิดึกดําบรรพ์ทิ้งไว้ให้ ดังนั้นไม่จําเป็นต้องกลัวหรือกังวลอีกต่อไป
ด้วยการรับประกันจากสายเลือดของราชัน ตระกูลใหญ่ของเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนที่อยู่ในแดนร้างตะวันออกจึงไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไป
ดังนั้น ราชันดึกดําบรรพ์ทั้งห้าจึงได้ร่วมมือกันร่างโองการ เพื่อที่จะกดดันไปยังเมืองเชิงหยาง
ด้วยเจตนาที่จะกดดันไปยังเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วย “อานาจ”
เป็นเพราะว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เพิ่งมีการปรากฏตัวของผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิใช่ไหม จึงทําให้ในตอนนี้พวกคนตัวเล็กเหล่านี้มีความกระตือรือร้นสูง?
โองการที่ลงนามร่วมกันของราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้ามาถึงแล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์จะรับหรือไม่
ถ้ารับ ดินแดนร้างตะวันออกที่เพิ่งฟื้นขึ้นจะถูกกดลงโดยธรรมชาติ
ถ้าไม่รับ นั่นก็จะเป็นการไม่เคารพต่อราชันบรรพบุรุษ ไม่เคารพต่อเผ่าพันธุ์หมื่นเซียน
ดังนั้น ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าก็จะมีเหตุผลที่จะจัดการกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อไป
ส่วนจอมยุทธ์ระดับสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์คงไม่มีอยู่จริง แม้ว่ามันจะปรากฏขึ้นมาจริงๆ ก็จะมีจอมจักรพรรดิดึกดําบรรพ์มาเผชิญหน้า
“เผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อต้านจุดประสงค์ในโองการ เป็นการดูหมิ่นตัวตนของพวกเรา เป็นเพียงแค่มดแท้ๆ
พวกข้าทั้งห้าเดินทางล้านลื้มารวมตัวกันที่เมืองเชิงหยาง เพื่อให้รู้ว่าเผ่าพันธุ์นับหมื่นของข้าคือนายที่แท้จริงของโลกที่กว้างใหญ่นี้
เผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าต้องการทาสและอาหาร !”
เสียงของราชันบรรพบุรุษผมสีม่วงดังขึ้น สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
ครั้งนี้ราชันบรรพบุรุษดึกดําบรรพ์ทั้งห้าร่วมมือและมาด้วยกัน !
เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องถึงจุดจบ