จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 60 ราชันบรรพบุรุษดําเนินลง มนุษ
ช่แล้ว ไม่เพียงแต่คิดจะล้มล้าง แต่ยังจะสั่นคลอนพวกเราอีกด้วย”
“เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนเป็นราชันของโลกใบนี้ นี่คือกฏ ไม่ว่าจะโบราณมากเพียงใดก็เป็นเช่นนี้
เสมอ!”
“พวกเราต้องร่วมมือ พวกมนุษย์ต้องหลั่งเลือดเพื่อตอบแทนความอัปยศอดสู!”
“คนอ่อนแอต้องอยู่กับพื้นนอบน้อมและเคารพ เป็นเพียงแค่มดปลวก แต่กลับกล้าท้าทายอ่านาจสวรรค์”
สํานึกศักดิ์สิทธิ์มาบรรจบพบเจอกันท่ามกลางฟากฟ้า
ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าต่างมีความคิดเดียวกัน
พวกมันต้องการร่วมมือกัน เมื่อร่วมมือกันจะแข็งแกร่ง ด้วยสายเลือดของเผ่าพันธุ์อันยิ่งใหญ่ พวกมันเลือกที่จัดการกวาดล้างความอัปยศเมื่อไม่กี่วันก่อน
ผู้ครองต่าแหน่งสูงสุดในโลกนี้มีได้แค่เผ่าพันธุ์หมื่นเซียน
“เผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้ต่ําต้อย อย่าได้คิด”
ในท้ายที่สุด ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าก็เคลื่อนไหว
พวกมันเดินทางลงจากเขาศักดิ์สิทธิ์โดยไม่อดรั้งกระแสพลัง มุ่งตรงไปด้านหน้าอย่างกําแหง มุ่งตรงไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์เชิงหยางของมนุษย์
ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าก้าวเดินไปร่วมกัน กระแสพลังของพวกมันนั้นทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว กระจายออกไปหลายแสน
ไม่ว่าทางใดที่มันก้าวเดินไป ทุกสิ่งมีชีวิตก็สั่นสะท้าน ไม่สามารถห้ามได้
เผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตนับพันพากันบูชา สายตาพวกมันต่างคลั่งไคล์ เสียงคํารามของมันสะท้านสะเทือนทั่วฟ้า
และเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ที่สัมผัสได้ถึงกระแสพลังนี้ต่างมีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก
จะว่าไปแล้วเกิดอะไรขึ้น
น่าเหลือเชื่อที่ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าออกมาพร้อมกัน
กระแสพลังของพวกมันนั้นทรงพลังมาก ราวกับต้องการกดดันมายังเผ่าพันธุ์มนุษย์
ในแดนร้างตะวันออก เมืองเชิงหยาง
เนื่องจากผู้นํามนุษย์ทั้ง 5 ฝ่าย ได้เดินทางออกไปพร้อมกับศิษย์ของตน เหล่ามนุษย์ในเมืองเชิงหยางต่างงุนงง ไม่รู้ว่าพวกเขามุ่งหน้าไปที่ใด
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่เดินทางตามพวกเขาไปด้วยด้วยตนเอง ด้วยความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่นานเท่าไหร่นัก
เผ่าพันธุ์มนุษย์ในเมืองต่างพากันรู้สึกจิตใจหนักอึ้ง
บรรยากาศโดยรอบดูหนักขึ้นในทันใด ยากที่จะหายใจ
“เกิดอะไรขึ้นกัน ทําไมข้าถึงรู้สึกอึดอัดใจ”
“รู้สึกแย่เหลือเกิน ราวกับข้าหายใจไม่ออก”
“ทําไมทุกคนในเมืองเชิงหยางถึงรู้สึกเช่นนี้กัน?”
ภายในเมืองเชิงหยาง เผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวและงุนงง
พวกเขาไม่รู้ว่าทําไมจึงรู้สึกอึดอัดเช่นนี้
เมืองเชิงหยางนั้นเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่อยู่ห่างไกลของมนุษย์ และมันเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นที่ปลอดภัยที่สุดในแดนร้างตะวันออก
อยู่ที่นี้จะมีอันตรายได้อย่างไรกัน?
อย่างไรก็ตาม ความงนงงของคนภายในเมืองก็ไม่อยู่นาน
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ท้องฟ้าเหนือเมืองเชิงหยางก็มืดทะมึน
แรงกดดันอันหนักหน่วงดั่งภูเขาก็กดทับลงมาจากฟากฟ้า จนทําให้กําแพงเมืองเชิงหยางสั่นสะเทือนจนทั่ว
ทุกเผ่าพันธุ์ในเมืองนี้ ไม่ว่าจะผู้ใดก็ตาม ต่างรู้สึกสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวและร่วงลงสู่พื้น!
ในตอนนั้นเอง มนุษย์กคนในเมืองต่างแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว
ภาพที่เห็นบนนั้นทําให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปด้วยความหวาดหวั่นและตื่นตระหนก
บนท้องฟ้า มีร่างห้าร่างที่ดูราวกับเป็นเทพปีศาจ ยืนค้ําอยู่เหนือเมืองเชิงหยาง
พวกมันต่างมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันออกไป ร่างกายที่กลืนไปกับท้องฟ้าและผืนดิน ราวกับเป็นอนุสาวรีย์แห่งความเป็นนิรันดร์
ร่างทุกร่างนั้นสูงหลายร้อยจัง ยืนอยู่เหนือเมืองเชิงหยาง ราวกับเทพมารที่จุติลงมายังโลกใบนี้
ราชันบรรพบุรุษทั้งห้านั้นเหนือกว่าราชันศักดิ์สิทธิ์มากนัก
ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าได้ลงมาตัดสินเมืองเชิงหยาง นําแรงกดดันอันมหาศาลลงมาสู่ทุกคนในเมือง!
“ผู้นําทั้งหกอยู่ไหนกัน?”
ร่างอันยิ่งใหญ่เปิดปาก เสียงดังก้องออกมา แรงกดดันอันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมา ทําให้เหล่ามนุษย์ในเมืองกระอักเลือดออกมาจากปาก
หากไม่ใช่เพราะจอมยุทธ์มนุษย์ที่แข็งแกร่งบางคนปกป้องเหล่ามนุษย์ในเมืองได้ทันเวลา เกรงว่าภายใต้เสียงอันยิ่งใหญ่นั้น เหล่ามนุษย์ทุกคนในเมืองจะต้องตาย
“พวกมันหวั่นเกรงเราจึงหนีไปอย่างนั้นรึ?”
และเป็นอีกครั้งที่ราชันบรรพบุรุษเอ่ยปากขึ้นมา
พวกมันมาที่นี่ จิตสํานึกกระจายออกไปและไม่รู้สึกถึงผู้แข็งแกร่งมากมายนัก ดังนั้นพวกมันจึงคิดว่ากองกําลังของมนุษย์ไม่ควรอยู่ที่นี่
“ข้าคิดไว้แล้ว ว่าทําไมพวกเจ้าจึงโอหังนัก?”
“พวกข้าส่งโองการลงมา แต่พวกเจ้ากลับปฏิเสธ อีกทั้งยังกล้าทําลายสํานึกศักดิ์สิทธิ์ราชัน ความโอหังเช่นนี้ต้องถูกชําระด้วยเลือด”
ราชันบรรพบุรุษเปิดปากพูด เสียงของมันเรียบเฉย
ใจของทุกคนในเมืองเย็นยะเยือก
ราชันบรรพบุรุษทั้งห้าจุติลงมายังเมืองเชิงหยางและกําลังจะชําระเมืองนี้ด้วยเลือดอย่างนั้น?
สําหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ นี่เป็นเรื่องใหญ่
“จะสังหารพวกมดปลวกก็น่าเบื่อ แล้วกองกําลังของมนุษย์อยู่ที่ไหนกัน? หลังจากที่ข้าพบพวกมันและตัดหัวพวกมันจนสิ้น ถอนรากถอนโคนพวกมันจนสิ้นซาก นั่นจึงจะค่อยลบล้างความเกลียดชังในใจพวกข้าลงได้”
ราชันบรรพบุรุษอีกตนเปิดปาก เสียงของมันเย็นชาราวกับน้ําแข็งพันปี
“พวกมันไปจากเมืองนี้ แต่เหมือนว่าจะไม่ได้หนี เหมือนว่าจะไปที่ไหนสักแห่ง”
ดวงตาของราชันบรรพบุรุษเป็นประกาย ราวกับฟ้าดินแยกออก ภาพเบื้องหน้าถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เผยให้เห็นคนหลายคนที่ออกไปจากเมืองเชิงหยาง
“เสือดําเองก็เป็นหนึ่งในนั้น”
ราชันบรรพบุรุษผมสีม่วงหันหลังและชี้ไปยังเสือดาที่มีโองการราชันบรรพบุรุษอยู่บนหัวมัน
“ไปเถอะ ไปยังที่เจ้าพวกนั้นไป เจ้ามดปลวกพวกนี้ต้องถูกประหารจนสิ้นจะได้รู้ว่าพวกมันเล่นอยู่กับอะไร!”
“ฮ่าๆๆ พวกมนุษย์ไม่ได้ชอบให้ผู้แข็งแกร่งปกป้องคนอ่อนแออย่างนั้นรึ?”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วก็ไม่ต้องสนใจที่แห่งนี้ หลังจากที่จับพวกผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์มาได้แล้ว เจ้ามดปลวกพวกนี้จะได้เห็นพวกมันถูกสังหาร”
“ไม่รู้ว่าพวกมนุษย์จะทําสีหน้าเช่นไรเมื่อได้เห็นเช่นนี้ ช่างน่าดูชมยิ่งนัก
หนึ่งในเหล่าราชันบรรพบุรุษเอ่ยปาก
สิ่งที่พวกมันพูดคุยออกมานั้นทําให้เหล่ามนุษย์ในเมืองเชิงหยางรู้สึกเย็นวาบ มีแต่ความสิ้นหวังบนใบหน้า
ในสายตาของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ พวกเขาก็เป็นเพียงราวกับมดปลวก ถูกบี้เมื่อไหร่ก็ตาย
พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้าน
ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังเช่นนี้ กระทั่งผู้นํามนุษย์ทั้งหกก็เกรงว่าจะปกป้องตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงการปกป้องพวกเขาเลยด้วยซ้ํา
แล้วใครจะช่วยพวกเขาได้กัน
เหล่าคนในเมืองต่างสิ้นหวัง
หลายคนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้
หลังจากราชันบรรพบุรุษพูดคุยกันจบ มันก็ออกไป
พวกมันวางค่ายกลป้องกันด้านนอกเมืองเชิงหยางอย่างง่ายดาย และภายในค่ายกลนั้น มนุษย์จะไม่สามารถออกไปไหนได้แม้แต่น้อย
ในไม่ช้าพวกมันก็เดินทางตามร่องรอยแห่งฟ้าดินที่หลงเหลืออยู่และมุ่งไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์