จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 25
ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
ตอนที่ 25 จงตายไปซะ!
เคล็ดมังกรฟ้าภายในจุดตันเถียนของฉินเทียนพลันหมุนอย่างเร็วจี๋ปลดปล่อยกลิ่นอายอันเข้มแข็งของมังกรสวรรค์ออกมา
สามารถบรรยายถึงฉินเทียนในตอนนี้ได้ด้วยคำว่ายิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน
สองหมัดของเขาถูกต่อยออกไปจนแหวกฝุ่นผงโดยรอบเป็นทางสายหนึ่ง ฉินคุนเพียงรับรู้ได้ถึงช่วงวิกฤต มันกัดฟันเตรียมต้านทานรับหมัดคู่นั้นเอาไว้
ครืนนนนนน
เกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งท้องฟ้า
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี ฝูงวิหคเริ่มกางปีกหลบหนีจากไป ทั่วทั้งป่าพลันกลับกลายเป็นเงียบสงัด ศิษย์สายนอกทั้งห้าที่ล้อมบุรุษเคราครึ้มเอาไว้ต่างมองดูฉินเทียนอย่างตกตะลึง…
บุรุษเคราครึ้มก็ตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน มันไม่เคยคาดคิดว่าฉินเทียนจะสามารถใช้ทักษะศักดิสิทธิ์ของสัตว์ปีศาจตัวนั้นออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของเขายังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในใจของมันพลันเกิดคำถามขึ้นมา มันเป็นใคร? ไฉนจึงสามารถใช้พลังปีศาจเช่นเดียวกับสัตว์ปีศาจได้?
มันได้บ่มเพาะมานับสิบปี และทราบว่าทักษะศักดิ์สิทธิ์นั้นยากที่จะบรรลุได้ มันได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง มันไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดฉินเทียนจึงสามารถเรียนรู้ทักษะศักดิ์สิทธิ์ของสัตว์ปีศาจได้
เพียงเท่านี้มันก็ตกตะลึงอย่างมากแล้ว หากแต่ยังมีสิ่งที่ทำให้มันต้องตกตะลึงยิ่งขึ้นไปอีกจนก่อเป็นคลื่นกระแทกเข้าใส่จิตใจของมันอย่างรุนแรง
“ฟู่…ฟู่…”
ฉินเทียนหอบหายใจออกมาและค่อนข้างประหลาดใจ ทักษะคลุ้มคลั่งนี้มันผิดสามัญสำนึกไปแล้ว!
เมื่อเขาใช้ทักษะคลุ้มคลั่ง พลังปราณภายในร่างครึ่งหนึ่งก็ถูกดึงออกไป ฉินเทียนสามารถรับรู้ได้ว่าทักษะประเภทนี้ต้องใช้พลังปราณมหาศาล
ฉินคุนสามารถหนีรอดไปได้ในครั้งก่อน มาครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยให้มันได้หนีรอดไปได้อีก!
มันต้องตาย!
ฉินคุนนอนอยู่บนพื้นด้วยความสิ้นหวัง แม้แต่ในความฝัน มันยังไม่เคยคาดคิดว่าหลังจากได้รับเม็ดยาผลาญตะวันมาแล้ว มันจะยังคงไม่อาจรับมือกับฉินเทียนได้ การโจมตีก่อนหน้านี้ได้ทำลายทำลายอวัยวะภายในของมันไป ตอนนี้ เว้นเสียว่ามันจะมีเม็ดยาฟื้นฟูระดับสูงอยู่ ไม่เช่นนั้นมันก็ยากที่จะรอดแล้ว
“จงตอบข้ามา พวกเรามีความแค้นต่อกันหรือ? ไฉนบิดาของเจ้าจึงต้องการให้ข้าตายนัก?” ฉินเทียนไม่อาจเข้าใจได้ คำถามข้อนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจของเขา เขาพยายามจะค้นจากความทรงจำ กระนั้นมันก็ยังไม่อาจหาข้อพิพาทระหว่างเขาและฉินเซี่ยงเทียนพบ
เขาไม่อาจเข้าใจ ทั้งคู่ต่างเป็นคนตระกูลเดียวกัน ไฉนมันจึงจึงเกลียดชังจนอยากจะสังหารอีกฝ่ายให้ตกตายไป?
ฉินคุนข่มความเจ็บปวดหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ฮ่าฮ่า….”
มันเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังยิ่งขึ้น จนทำให้มันไอขณะที่มีโลหิตไหลซึมออกมา มันจ้องมองฉินเทียนและกล่าวว่า “ต้องการ…ทราบงั้นหรือ?…ฮ่าฮ่า…นั่นเพราะว่าเจ้าเป็นสวะแห่งตระกูล…ที่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องด่างพร้อยอย่างไรเล่า…ฮ่าฮ่า….”
มุมปากของฉินเทียนยกขึ้น เขากระทืบหน้าอกของฉินคุนก่อนจะย่อตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของฉินคุน “วางใจเถอะ อีกไม่นานบิดาของเจ้าจะตามเจ้าไป…”
สิ้นคำ ฉินทุนก็กระทืบขาลงไปอย่างรุนแรงจนก่อเป็นเสียง ‘แคร๊ก’ ดังออกมา กระดูกหน้าอกของฉินคุนยุบตัวลงไปอย่างน่ากลัว ดวงตาของฉินคุนเบิกกว้างขณะที่ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด
ร่างกายของฉินคุนกระตุกเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นไร้การเคลื่อนไหว…
มันตายแล้ว
เมื่อศิษย์สายนอกทั้งห้าเห็นฉินคุนถูกฆ่าตาย พวกมันก็ละทิ้งความคิดที่จะต่อสู้ พวกมันเป็นเพียงกลุ่มคนที่ฉินคุนเรียกมา เมื่อฉินคุนตกตายไปแล้ว พวกมันก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องลงมือต่อ
ดังนั้นพวกมันจึงเริ่มกระจายตัว แยกกันหลบหนีเข้าป่า
อย่างไรก็ตาม ฉินเทียนย่อมไม่ปล่อยปละละเว้นพวกมัน เขาไม่ต้องการให้ความแข็งแกร่งของเขาถูกเปิดเผยออกไป อย่างน้อยที่สุดก็ในตอนนี้ เขายังคงไม่อาจเอาชนะฉินเซี่ยงเทียนได้ หากว่าความแข็งแกร่งของเขาถูกเปิดเผยออกไปแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แล้ว
ฉินเทียนพลันตะโกนออกมา “ต้องการหนี? พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!”
ฉินเทียนที่อยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งนั้นมีความรวดเร็วดุจสายฟ้า การจะจัดการกับศิษย์สายนอกเหล่านี้นั้นง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ
กระโดดไปห้าครา สังหารไปห้าศพ
ทุกครั้งที่เขาสังหารไปคนหนึ่งก็จะมีเสียงของระบบดังขึ้นในจิตใจ
“ค่าบาปเพิ่มขึ้น 1…”
เมื่อรวมทั้งห้าเข้ากับฉินคุนแล้ว เขาก็มีค่าบาปอยู่ที่หกจุด
ฉินเทียนไม่ได้ให้ความสนใจต่อมัน ในเวลานั้นเอง โทสะของเขาพลันปะทุขึ้น เขาหันไปมองยังทิศหนึ่งและกล่าวเสียงเย็นชา “ปล่อยตัวนาง แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
ฉินหยางไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรเช่นนี้ิ ฉินเทียนปลดปล่อยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งออกมา มันสำนึกตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินเทียน มันขวางกระบี่อยุ่บนลำคอของอวิ๋นม่านขณะตะโกนออกมา “ส่งมอบแก่นปีศาจมา ไม่เช่นนั้นอย่าได้ตำหนิข้าไม่รักถนอมบุปผา”
“ข้าจะไม่กล่าวซ้ำ ปล่อยนาง แล้วข้าจะละเว้นชีวิตสุนัขของเจ้า”
ร่างของฉินเทียนสั่นระริกขณะที่มองดูอวิ๋นม่านที่ตัวสั่นเทา โทสะภายในใจยิ่งมายิ่งมากขึ้น…
“ข้า..ข้ากลัว…” หยดน้ำตาไหลออกมาจากตาคู่งามของอวิ๋นม่านขณะที่ร่างของนางสั่นเทาอย่างหวาดกลัว นางได้รับบาดเจ็บสาหัสที่แผ่นหลังจากการโจมตีของกอลิล่าดุร้ายอยู่ก่อนแล้ว โลหิตยังคงไหลซึมออกมา ในตอนที่นางกำลังนั่งฟื้นฟูอยู่นั้นฉินหยางก็ปรากฏตัวขึ้น
“ได้ยินหรือไม่? นางกำลังหวาดกลัว ฮ่าฮ่า…ฉินเทียน ข้าจะไม่กล่าวซ้ำเป็นครั้งที่สามเช่นกัน ส่งมอบแก่นปีศาจมา มิเช่นนั้น….” ฉินหยางหยุดคำก่อนจะกล่าวต่อ “มิเช่นนั้นเพียงเคลื่อนไหวเล็กน้อยศีรษะของนางก็จะหลุดลอยไป”
“เด็กหญิงที่โง่เขลา มองข้า เชื่อใจข้า….” ฉินเทียนถอนหายใจออกมา ระยะห่างระหว่างเขาและฉินหยางอยู่ห่างกันราวห้าสิบเมตร และเขาต้องการหนึ่งวินาทีเพื่อไปถึงตัวฉินหยาง
หนึ่งวินาที หนึ่งวินาทีนั้นนานไป นานพอที่จะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น
ฉินเทียนไม่กล้าที่จะเสี่ยง หากแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
ฉินหยางก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูอวิ๋นม่าน “มันขอให้เจ้ามองดูมัน มองไปที่มันซี่!”
คำสุดท้ายของมันพลันตะโกนออกมา อวิ๋นม่านหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด
ยิ่งอวิ๋นม่านแสดงความหวาดกลัวมากเท่าใด ฉินหยางก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขมากเท่านั้น “เห็นหรือไม่? เจ้าเห็นหรือไม่? นางหวาดกลัวถึงเพียงนี้ ฮ่าฮ่า….”
“ฉินหยาง เจ้าจะไม่ได้ตายดี และข้าหมายความตามที่พูด”
ฉินเทียนเดินไปที่ศพของกอลิล่าดุร้ายและยิ้มให้ฉินหยางอย่างเย็นชา ชั่ววินาทีนั้น จิตสังหารอันรุนแรงแผ่กระจายออกมา กระทั่งผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นกลั่นวิญญาณก็ยังต้องสยิวกายอย่างหนาวเหน็บ
จิตสังหารที่ฉินเทียนแสดงออกมาทำให้ฉินหยางยังต้องหลั่งเหงื่ออย่างไม่สบายใจ
เมื่อเดินไปถึงร่างของกอลิล่าดุร้าย ฉินเทียนก็ใช้มีดเล่มเล็กงัดเอาแก่นปีศาจออกมา แก่นปีศาจมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ มันปลดปล่อยแสงออกมา ตัวแก่นใสกระจ่างดุจคริสตัล นับเป็นสิ่งของที่งดงาม
บุรุษเคราครึ้มนิ่งตะลึงไปครู่หนึ่ง….มันเป็นแก่นปีศาจ…
พวกมันทั้งสิบสามคนได้ไล่ล่ากอลิล่าดุร้ายนานนับเดือน หากแต่ก็ยังไม่อาจแย่งชิงมันมา มันเพ่งมองดูของสิ่งนั้นอยู่เนิ่นนาน หากแต่ในเวลาเดียวกันมันก็รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง
เพื่อแก่นปีศาจชิ้นนี้ มันต้องสูญเสียสหายไปสิบสองคน
มันเอาแต่กล่าวตำหนิตนเอง ยามที่กอลิล่าใช้ทักษะคลุ้มคลั่งออกมา มันรอคอยด้วยรอยยิ้ม มันต้องการตกตายไปเพื่อชดใช้ความรู้สึกผิดบาปที่อยู่ในใจ
กระนั้นอวิ๋นม่านกลับยื่นมือช่วยเหลือมัน ตอนนี้เมื่อมันมองไปยังแก่นนั้น แววตาของมันก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“แก่น แก่นของสัตว์ปีศาจขั้นที่ห้า ฮ่าฮ่า….” ฉินหยางกลืนน้ำลายขณะมองดูมันด้วยความโลภ มันตื่นเต้นอย่างยิ่ง
แก่นของปีศาจขั้นที่ห้าสามารถช่วยให้มันบรรลุถึงขั้นก่อตั้งวิญญาณได้ในสามปี สามปีต่อจากนี้ มันก็มีอายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้น ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะต้องตกตะลึงในความสำเร็จของมัน
“นำมันมาให้ข้า เร็วเข้า! นำมันมา!” ฉินหยางตะโกนขึ้นด้วยความติื่นเต้น มองดูฉินเทียนที่ค่อยๆก้าวเดินเข้าหามันแล้ว มันก็พลันกล่าวออกมา “หยุด หยุดเท้าไว้ โยนมันมาให้ข้า”
ฉินเทียนก้าวไปอีกสองก้าว ตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดเหลือเพียงสามสิบเมตร เป็นระยะทางที่ต้องใช้เวลาครึ่งวินาที ครึ่งวินาที…..
หลังจากเดินไปสองก้าว เขาก็ก้าวเท้าขวาออกไป ขณะที่เท้าอีกข้างยันพื้น เมื่อเห็นฉินหยางจ้องมองมาที่ตนและกระบี่ที่กดลึกเข้าไปที่ลำคอของอวิ๋นม่านแล้ว เขาก็หยุดการเคลื่อนไหวและค่อยๆโยนแก่นออกไป….
ความสนใจของฉินหยางพลันจดจ้องอยู่ที่แก่น
ขณะเดียวกัน ฉินเทียนก็ระเบิดพลังปราณออกมา “ตายซะ!”
เขาพลันพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
ฉินหยางรู้สึกถึงลมวูบหนึ่งพุ่งเข้าหามันจนทำให้มันตกตะลึง มันต้องการขยับกระบี่แต่ก็พบว่ามันไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้
ตัวกระบี่ถูกสองนิ้วของฉินเทียนคีบจับเอาไว้ ฉินเทียนหันไปมองอวิ๋นม่านและกล่าวออกมา “ปิดตาลงเสีย มันจะจบลงในไม่ช้า”
อวิ๋นม่านราวกับเด็กที่เชื่อฟัง นางหลับตาลงขณะที่ภายในใจพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“ดังที่ข้ากล่าวเอาไว้ เจ้าจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาณ”
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่ววินาที ฉินเทียนคว้าจับกระบี่แทงเข้าไปที่แขนขวาของฉินหยาง “หึหึ…”
กระดูกที่แขนขวาของมันพลันหักสะบั้นลง ใบหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด มันกรีดร้องโหยหวน และพยายามบังคับแขนซ้ายที่เหลืออยุ่โจมตีไปที่แผ่นหลังของอวิ๋นม่าน….
“หาที่ตาย!”
หลังจากทำลายแขนขวาของมันไปข้างหนึ่งแล้ว ฉินเทียนก็ดึงอวิ๋นม่านเข้าสู่อ้อมอก เขารวบรวมพลังปราณเข้าไปที่ฝ่าและรับการโจมตีจากฉินหยางเอาไว้
“แคร๊ก…”
กระดูกแขนซ้ายของฉินหยางพลันหักสะบั้นจนแทงทะลุเนื้อออกมา โลหิตพลันฉีดพุ่งอย่างน่ากลัว
ฉินหยางกรีดร้องอย่างทรมาณ ขณะที่แววตาของมันว่างเปล่า
ฉินเทียนไม่ให้โอกาสมันอีก เขาตวัดกระบี่ในมือขวาฟันลงอย่างไร้ปราณี
ร่างของฉินหยางพลันแยกเป็นสองซีก
มันตายแล้ว!
“ค่าบาปเพิ่มขึ้น 1 มีค่าบาปสะสม 7 จุด….”