จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 50
ตอนที่ 50 ความแข็งแกร่งของทักษะศักดิ์สิทธิ์
ครืนนนนนน
ที่มุมหนึ่งของลานกว้าง เฮยหยานคาบก้านหญ้าเอาไว้ที่มุมปากขณะที่มีพลังปราณแผ่กระจายออกจากร่าง มันมองไปยังฉินเทียนที่อยู่บนเวทีประลอง สายตาของมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่รอยยิ้มเริ่มฉีกกว้างขึ้น มีเพียงมันเท่านั้นที่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และความน่ากลัวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
ทักษะศักดิ์สิทธิ์ คลุ้มคลั่ง
แสงสีขาวนวลแผ่กระจายออก เสียงคำรามของกอลิล่าดุร้ายดังกึกก้องจนทำให้ผืนปฐพีเกิดสั่นสะเทือน
พลังที่กระจายออกจากร่างของฉินเทียนนั้นอยู่ในระดับที่น่าหวาดหวั่น
การโจมตีของจ้าวอู่ตี้รุนแรงพอที่จะสังหารเขา แต่นั่นก็ในกรณีที่เขาไม่ได้ใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์
ขั้นกลั่นวิญญาณระดับที่เจ็ด ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดภายในเมืองชิงเหอ
ภายในตันเถียนของเขามีพลังที่ของคชสารดึกดำบรรพ์นับพันพลุ่งพล่านปั่นป่วน กระดูก เส้นโลหิตและทุกรูขุมขนของร่างกายอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล
เป็นความรู้สึกที่ไร้เทียมทาน ตอนนี้ฉินเทียนในปัจจุบันมีสภาพเช่นนั้น
คลุ้มคลั่งของผู้บ่มเพาะขั้นก่อตั้งวิญญาณนั้นคนละเรื่องกับคลุ้มคลั่งขั้นผู้ฝึกตน ในการแข่งขันงานเทศกาลล่าสัตว์ที่ผ่านมา คลุ้มคลั่งที่เขาเคยใช้ในตอนนั้นกลายเป็นไรฝุ่นไปในทันทีหากเทียบกับตอนนี้ ความแข็งแกร่ง พลังปราณและความเร็วล้วนแข็งแกร่งขึ้น
พลังมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากผู้บ่มเพาะขั้นก่อตั้งวิญญาณที่ใช้ทักษะคลุ้มคลั่งสร้างความตกตะลึงให้กับทั้งหมด ต้องเป็นทักษะที่ฝืนกฏธรรมชาติเพียงใดจึงจะสามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งออกมาได้ถึงเพียงนี้? ตกตะลึง นี่มันน่าตกตะลึงไปแล้ว!
ศิษย์ของตระกูลฉินต่างลุกขึ้นพรวดด้วยความตกตะลึง ดวงตาของฉินซานเทียนมีแสงไหววูบด้วยแสงสีทองขณะที่เขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาและพุ่งไปยังเวทีประลอง พรสวรรค์ของฉินเทียนนับว่าอยู่เหนือจินตนากการของมันไปแล้ว เพื่ออนาคตของตระกูลฉิน มันต้องปกป้องฉินเทียน
จ้าวอู่ตี้ตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าฉินเทียนจะมีทักษะที่ทรงพลังเช่นนี้ ต้องเป็นทักษะแบบใดกันจึงจะสามารถปลดปล่อยพังได้มากมายเพียงนี้? ยิ่งมันตกตะลึงเท่าใด ความต้องการฆ่าฉินเทียนก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเท่านั้น มันไม่อาจปล่อยให้หน่ออ่อนใดๆเติบโตขึ้นเป็นภัยคุกคามของตระกูลจ้าวได้เป็นอันขาด
ฉับพลันการโจมตีของจ้าวอู่ตี้ก็ยิ่งดุดันมากขึ้น มันพลิกฝ่ามือทั้งสอง ก่อนที่ฝ่ามือปราณจะปรากฏขึ้นที่เหนือศีรษะของฉินเทียน ฝ่ามือปราณเพลิงชาดบรรจุเอาไว้ด้วยความร้อนมหาศาลดุจสร้างขึ้นจากลาวา
“บัดซบ…”
ฉินเทียนสบถออกมาเมื่อใบหน้าของเขาเริ่มถูกความร้อนแผดเผา เพื่อรับมือกับฝ่ามือปราณเพลิงชาด เขาขบฟันแนบแน่น “อย่าตำหนิที่ข้าต้องใช้สิ่งนี้”
“พลังมังกรพิสุทธิ์”
ท้องนภาพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง ท้องฟ้าส่งเสียงร้องครืน สายฟ้าเริ่มปรากฏขึ้นท่ามกลางหมู่เมฆ ภายใต้สวรรค์ทั้งเก้า สายฟ้าคล้ายร้องคำรามไม่สิ้นสุด พลังแห่งสวรรค์และปฐพีไหลสู่ร่างกายของเขา พลังแห่งสวรรค์และปฐพีนี้เป็นผลจากการใช้ทักษะคลุ้มคลั่งและพลังมังกรพิสุทธิ์ เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้
ทักษะทรงพลังสองชนิดเกิดการทับซ้อนกัน ภายใต้ความแข็งแกร่งของคลุ้มคลั่ง พลังจากทักษะพลังมังกรพิสุทธิ์ยิ่งเหนือจินตนาการ ก่อเป็นพลังอันไร้เทียมทาน มันเข้าสลายฝ่ามือปราณเพลิงชาดจนหลงเหลือเพียงเค้าโครงฝ่ามือบางส่วน
“เจ้าเด็กฉินเทียนนั่นช่างแข็งแกร่งนัก”
“พลังปราณของมันหนาแน่นยิ่ง นี้คล้ายเป็นการฉีกกรอบความแข็งแกร่งของเหล่าผู้เยาว์เมืองชิงเหอไปแล้ว”
“ยุครุ่งโรจน์ของตระกูลฉินมาถึงแล้ว”
พลังแห่งสวรรค์และปฐพีผลักดันจ้าวอู่ตี้จนต้องก้าวถอยไปจนต้องหยุดยืนบนเวทีประลอง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความคั่งแค้นขณะจับจ้องอยู่ที่ฉินเทียน “เด็กน้อยตระกูลฉิน ข้าเพียงประมาทเจ้าไป ตอนนี้จงรับความตายไปซะ…”
ฉินเทียนมองจ้าวอู่ตี้อย่างไม่แยแส จากนั้นจึงชำเลืองจ้าวคงที่อยู่ไม่ห่างนัก เขาหัวเราะเสียงเย็นขณะสะบัดมือปล่อยพลังปราณทะลุหน้าผากของจ้าวคงจนโลหิตฉีดพุ่งออกมา
“ขอแสดงความยินดีต่อผู้เล่น ‘ฉินเทียน’ ที่ได้รับตำแหน่งผู้ชนะเลิศงานชุมนุมตระกูล ได้รับค่าประสบการณ์ 10,000 หน่วย ค่าพลังปราณ 5,000 จุด ค่าชีวิต 100 จุด…..”
“ค่าบาปเพิ่มขึ้น 1 หน่วย ตอนนี้คุณมีค่าบาป 10 หน่วย”
เมื่อจ้าวคงสิ้นใจ ระบบก็แจ้งเตือนฉินเทียนกับรางวัลที่เขาได้รับเมื่อชนะเลิศการประลอง
ตั้งแต่เริ่มต้น ฉินเทียนไม่เคยรู้ว่าหากชนะเลิศ เขาจะได้รับรางวัลตอบแทน เขาเพิ่งทราบเมื่อตอนที่สังหารจ้าวยี่ไป ดังนั้นจ้าวคงจึงไม่อาจมีชีวิตรอด หากเขาไม่ฆ่า เขาก็จะไม่ได้รับรางวัล
“ในเมื่อระบบต้องการให้เจ้าตาย เจ้าก็ต้องตาย ข้าถูกบีบบังคับให้ต้องทำเช่นนี้ ดังนั้นหากกลายเป็นผีไปแล้วก็อย่ามาหลอกหลอนข้าเลย”
ฉินเทียนแสดงท่าทีราวกับผู้บริสุทธิ์ เมื่อมองดูค่าประสบการณ์หนึ่งหมื่นหน่วย ค่าพลังปราณห้าพันจุดแล้ว ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข ค่าพลังปราณห้าพันจุดที่ต้องใช้ออกเพราะทักษะคลุ้มคลั่งก็จึงถูกฟื้นคืนมา ตอนนี้หากว่าจ้าวอู่ตี้ต้องการจะสังหารเขา มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกแล้ว
จ้าวคงตายแล้ว และผู้ที่สังหารมันก็ยืนอยู่เบื้องหน้าจ้าวอู่ตี้ นี่ดุจราดน้ำมันลงบนเพลิงโทสะของจ้าวอู่ตี้ ผลลัพธ์ของสถานการณ์นี้อยู่เหนือจิการควบคุมของมัน บางตระกูลอาจจะลุกฮือขึ้นและเหตุการณ์คงไม่ง่ายหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ความคิดเดียวที่อยู่ในจิตใจของจ้าวอู่ตี้ตอนนี้มีเพียง สังหารฉินเทียน
“ฉินเทียน ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้”
จิตสังหารแผ่กระจายออกมา ลูกไฟนับไม่ถ้วนเริ่มปรากฏขึ้นที่รอบกายของมัน ความร้อนจากลูกไฟเหล่านั้นคล้ายทวีความร้อนขึ้นเรื่อยๆ เพลิงที่อยู่เหนือศีรษะของมันลุกโชน นี่คือระดับสูงสุดของ ‘เคล็ดเพลิงสีชาด’ กลุ่มเพลิงอันรุนแรงเริ่มแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ สร้างความปั่นป่วนขึ้นทั่วทั้งลานกว้าง
เสียงกรีดร้องและตะโกนดังออกมาให้ได้ยิน
หากไม่หลบหนีไปโดยเร็ว มันก็จะไม่มีโอกาสให้พวกมันหลบหนีได้อีกแล้ว
“ช่างอุกอาจนัก”
“ความเย่อหยิ่งสมควรมีขอบเขต”
“จ้าวอู่ตี้ อย่าให้มันมากเกินไปนัก”
…………………….
เหล่าผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคนของเมืองชิงเหอทะยานมายังเวทีประลอง เดิมทีพวกมันไม่ต้องการจะเข้ามาเนื่องเพราะความแข้งแกร่งของตระกูลจ้าว แต่หากพวกมันยังเพิกเฉยต่อไปก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าตระกูลของพวกมันจะไม่ถูกทำลายในภายภาคหน้า ตอนนี้พวกมันไม่อาจอดกลั้นได้อีก
ผู้ชมภายในลานกว้างมีศิษย์ของพวกมันปะปนอยู่ด้วย เมื่อพลังของเพลิงสีชาดถูกปลดปล่อยออกมาระดับสูงสุด ตระกูลของพวกมันจะบาดเจ็บล้มตายจนเสียหายอย่างหนัก จะต้องหยุดจ้าวอู่ตี้ไว้ให้ได้!
เพื่อเป็นการตอบโต้ ศิษย์จากตระกูลจ้าวต่างพากันหยิบฉวยอาวุธ กระนั้นพวกมันก็ถูกโอบล้อมจากศิษย์ตระกูลอื่นๆอีกครั้ง
เมื่อกวาดสายตามองดูเหล่าผู้เชี่ยวชาญของเมืองชิงเหอ จ้าวอู่ตี้ก็แค่นเสียงออกมา “คิดขัดขวางข้าหรือ? เช่นนั้นจงตายซะ!”
ท่าทีของมันยิ่งมายิ่งแข็งกร้าว
มันพลิกฝ่ามือเพื่อบีบอัดเพลิงมหาศาล สิ่งของที่ขาดความชุ่มชื้นรอบๆเวทีพลันลุกไหม้ขึ้น
ตอนนี้เอง ฉินเทียนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา “ข้าจะต้องลงมือก่อน พวกเจ้าก็จงกระทำสิ่งที่สมควรกระทำต่อไปเถอะ…”
แรงจากสองขาที่ยันพื้นและทักษะคลุ้มคลั่งได้เสริมความเร็วให้กับเขา ฉินเทียนพลันหายเข้าไปในฝูงชน…
“คิดจะหนีหรือ?”
ฟู่
เพลิงมหาศาลลุกโชนและบีบอัดอากาศโดยรอบ มันก่อร่างเป็นลูกไฟดวงใหญ่ที่ราวกับจะสามารถบดบังดวงตะวันขึ้นมา
“เปล่าประโยชน์!”
ฉินซานเทียนตะโกนอย่างเดือดดาลและปลดปล่อยพลังปราณอันมหาศาลออกมา ประมุขขั้นกลั่นวิญญาณหลายคนเองก็เร่งโคจรพลังปราณเช่นกัน จากนั้นกลุ่มพลังโจมตีที่หลากหลายก็พุ่งเข้าหาจ้าวอู่ตี้
ลูกไฟดวงใหญ่สลายหายไปโดยฝีมือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจนลูกไฟแตกกระจายออกไปทั่วทุกทิศ เมื่อพวกมันสัมผัสเข้ากับร่างกาย คนผู้นั้นก็จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา
ท่ามกลางฝูงชน มีผู้คนจำนวนหนึ่งถูกเพลิงลุกท่วม พวกมันกรีดร้องอย่างทรมาณพลางวิ่งพล่านไปทั่ว
การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เป็นการต่อสู้ที่อยุ่นอกขอบเขตที่จะควบคุม
ฉินเทียนผลุบโผล่อยู่ในฝูงชนเพื่อซ่อนตัวและหาทางหลบหนีออกไป
เมื่อเห็นว่าฉินเทียนสามารถจากไปโดยปลอดภัยได้แล้ว เฮยหยานก็ส่งสัญญาณให้เมิ่งเล่ยติดตามไป เมิ่งเล่ยจึงรีบพาอวิ๋นม่านจากไป
งานชุมนุมสี่ตระกูลใหญ่พลันถูกเปลี่ยนเป็นสงครามระหว่างตระกูล ผู้ใดจะคาดคิดได้เล่าว่าผลจะลงเอยเช่นนี้?
ใบหน้าของฉินเทียนประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย เขาหัวเราะคิกคักกับตัวเองขณะคิดขึ้นในใจ “ฆ่า จงฆ่ากันไปเถอะ จงกำจัดเจ้าพวกงี่เง่าทั้งหลายไป”