จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 53
ตอนที่ 53 ดูดเลเวล
เทือกเขาคุนหลุนทอดยาวเป็นระยะทางกว่าหนึ่งแสนแปดหมื่นกิโลเมตร และมียอดเขาตั้งตระหง่านอยู่มากมาย ความอันตรายของมันคือ การหลง สัตว์ปีศาจและบึงพิษ ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีผู้บ่มเพาะที่เข้ามาแล้วจะรอดออกไปทั้งมีชีวิต แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงก็ยังไม่กล้าเหยียบย่างเข้ามา
ด้วยความเสี่ยงที่สูง แน่นอนว่าที่นี่ย่อมต้องมีสมบัติ
แก่น หญ้าวิญญาณ สมบัติระดับสุดยอดมากมายที่ถูกเก็บซ่อนไว้ภายใน มันดึงดูดเหล่าผู้บ่มเพาะจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามา กระนั้นผู้ที่เข้ามาเพื่อเก็บระดับเช่นฉินเทียนยังไม่เคยได้ยินมาก่อน
เมื่อเหยียบย่างเข้ามาส่วนใน บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นอันตรายไปทุกทาง ฉินเทียนตื่นตัวพลางโคจรพลังปราณเอาไว้ เฮยหยานที่เห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะ “ผ่อนคลายเถอะ สัตว์ปีศาจระดับสูงไม่ใช่พบเจอได้ง่าย และแถวนี้ก็ยังไม่ใช่พื้นที่ส่วนในจริงๆ อันตรายยังคงอยู่ลึกกว่านี้”
ฉินเทียนหัวเราะเจื่อนและคิดในใจ “ในเกมยังไม่น่ากลัวเท่านี้เลย สภาพแวดล้อมที่มืดทึบมันชวนให้ขนหัวลุกซะจริงๆ”
เขาเร่งก้าวเท้ายาวๆและสัมผัสบรรยากาศโดยรอบอีกครั้ง จากนั้นเขาจึงผ่อนคลายลง
ทั้งสองเดินต่อไปได้ประมาณสิบห้านาที บรรยากาศที่รอบตัวก็เปลี่ยนเป็นพิลึก ฉินเทียนขมวดคิ้วและเพิ่มการระวัง
“ฟ่อ…ฟ่อ..ฟ่อ”
งูเขียวตัวหนาเท่าลำแขนหรี่ตาขู่ฟ่อ จากนั้นแสงสีแดงกระพริบวูบพุ่งเข้าใส่ฉินเทียน มีพิษสีดำหยดจากเขี้ยวของมัน
“ท่านปู่ผู้นี้เห็นเจ้าแล้ว”
ฉินเทียนร่ำร้องในใจ เขาพลันกระโดดขึ้นชกหมัดไปยังงูตัวนั้น
“ปัง”
งูเขียวแกว่งลำตัวสะบัดหางมาข้างหน้าคล้ายต้องการรัดฉินเทียนเอาไว้ หากว่ามันสามารถทำได้ กระดูกของฉินเทียนก็อาจจะหักลงในทันที
บัดซบ! ผู้ใดกล่าวว่าให้ต่อยต่ำจากศีรษะงูเจ็ดนิ้ว?
เขาเพิ่มความเร็วขึ้นเพื่อหลบหลีกพลางสบถด่าผู้ที่ให้คำแนะนำนี้
งูเขียวตัวนี้มีผิวหนังแข็งดุจโลหะ หมัดของฉินเทียนกระทั่งไม่อาจสร้างรอยขีดข่วน มันไม่มีทีท่าว่าจะบาดเจ็บแต่อย่างใด กระนั้นฉินเทียนก็ยังพบว่าแถบพลังชีวิตของมันลดลงไปเล็กน้อย น้อยจนแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง
สัตว์ปีศาจระดับสี่ งูเขียวพุ่มไม้ พลังชีวิต 10,000 ค่าประสบการณ์ 1,200 ค่าพลังปราณ 360 ค่าชีวิต 3
หลังจากที่โจมตีไปที่งูเขียวตัวนั้น ระบบก็แสดงข้อมูลของมัน มองดูค่าประสบการณ์ที่จะมอบให้ถึงพันเศษ ฉินเทียนก็เบิ่งตากลมกว้าง สัตว์ปีศาจระดับสามยังมอบค่าประสบการณ์ให้เพียงหนึ่งร้อยกว่าๆ สัตว์ปีศาจระดับสี่นั้นมอบค่าประสบการณ์ให้มากมาย นี่ไม่ใช่เป็นการมัดมือชกกันหรือ?
ฉินเทียนเบี่ยงตัวหลบการโจมตี งูเขียวพุ่งตัวลงบนพื้นดิน มันเริ่มขดตัวเป็นก้อนจนคล้ายตอไม้ มันจ้องไปที่ฉินเทียนและยังชำเลืองเฮยหยานที่ยังยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวเป็นบางครั้ง
“โจมตีไปที่จุดเจ็ดนิ้วต่ำกว่าศีรษะนั้นถูกต้องแล้ว แต่เจ้าก็ต้องเพิ่มความแรงด้วย มิเช่นนั้นคงไม่อาจระคายผิวของมัน”
เฮยหยานตกตะลึงกับการโจมตีของฉินเทียน เขาสามารถกะจังหวะลงมือได้ถูกแล้ว แต่การโจมตีนั้นไม่ใช่
เพียงสิ้นเสียง ตัวมันก็ขยับลงมือ มันยกนิ้วขึ้นรวบรวมพลังปราณ ร่างกายของมันไหววูบก่อนที่วินาทีถัดมาจะปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของงูเขียว นิ้วของมันเจาะทะลวงปากงู งอนิ้วเป็นตะขอและดึงกลับไป โลหิตพลันฉีดพุ่งออกมาจากร่างของงู
เป็นการลงมือต่อเนื่องอย่างเรียบง่าย กระนั้นมันกลับทรงพลังยิ่ง
แม้ว่าผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณจะแข็งแกร่ง แต่การรับมือกับสัตว์ปีศาจระดับสี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มองดูเฮยหยานที่สังหารสัตว์ปีศาจระดับสี่ได้อย่างง่ายดายแล้ว ฉินเทียนก็สะท้านอยู่ในใจ การลงมือและการใช้พลังปราณของเฮยหยานได้ประทับตรึงอยู่ในจิตใจของเขา
การจะใช้พลังปราณให้ชำนาญได้นั้นจะต้องผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนเสียก่อน เฮยหยานเคยอยู่ภายในเทือกเขาคุนหลุนมานานหลายปี ดังนั้นมันจึงมีประสบการณ์สูง การลงมือกับสัตว์ปีศาจระดับที่สี่จึงแทบจะไม่ต้องใช้ความแข็งแกร่งใดๆ
สัตว์ปีศาจระดับสี่ถูกฆ่าไปแล้ว ฉินเทียนได้รับค่าประสบการณ์ 500 หน่วย ค่าพลังปราณ 100 จุด ค่าชีวิต 1 จุด เทียบกับสัตว์ปีศาจระดับสามแล้ว นี่นับว่าสูงกว่ามาก
เขาได้อยู่ร่วมปาร์ตี้กับเฮยหยานอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อเฮยหยานลงมือสังหาร เขาจึงพลอยได้รับค่าประสบการณ์ไปด้วย แต่หากว่าทั้งสองฝ่ายมีระดับที่แตกต่างกันมากเกินไป ปริมาณค่าประสบการณ์ที่ฉินเทียนจะได้รับก็จะลดลง กระนั้นมันก็ยังทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ
งูเขียวพุ่มไม้หลั่งโลหิตออกมา จากนั้นกลิ่นเหม็นคละคลุ้งก็ลอยมาเตะจมูก ไม่ถึงหนึ่งนาที ฉินเทียนก็สัมผัสได้ว่ามีสัตว์ปีศาจระดับสี่ถึงสามตัวกำลังใหล้เข้ามา เขาจึงรีบกล่าวเตือนเฮยหยาน “มีสัตว์ปีศาจกำลังตรงมาทางพวกเรา เป็นระดับสี่สามตัว”
เฮยหยานลอบตกตะลึง มันแปลกมาก ตัวมันยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งใด ทว่าฉินเทียนกลับสามารถ! โดยไม่เสียเวลาใคร่ครวญ มันรีบกระโดดขึ้นไปบนยอดต้นไม้ก่อนจะจ้องไปยังที่ห่างไกล “ใช่จริงด้วย พวกสัตว์ปีศาจกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ห่างออกไปราวหนึ่งกิโลเมตร มันทำได้อย่างไร?”
ไม่มีเวลาให้ขบคิดต่อ เฮยหยานลงจากต้นไม้ก่อนจะพุ่งตัวออกไปทันที ตามมาด้วยฉินเทียนที่ตามหลังไปติดๆ
หนึ่งซ้าย หนึ่งขวา แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ห่างกันราวสิบเมตร แต่พวกเขาก็ร่นระยะเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจต่อมา ทั้งสองก็ผ่านไปแล้วครึ่งทาง ที่เบื้องหน้าของพวกเขามีสัตว์ปีศาจตัวหนึ่งกำลังยืนหายใจอย่างแรงอยู่ ลมหายใจที่ออกมาจากมันเป็นกรดที่มีกลิ่นรุนแรง กลิ่นตัวของมันคล้ายกับถ่านที่ถูกเผา
เขี้ยวงองุ้มคล้ายมีด ขาทั้งสี่มีสีดำสนิท ทั้งตัวของมันเต็มไปด้วยมัดกล้าม ขาหน้าที่ครูดไปกับพื้น สายตาที่จับจ้องอยู่ที่เฮยหยาน จากนั้นมันพลันพุ่งทะยานเข้ามา
ความรวดเร็วของมันมากเกินกว่าที่ฉินเทียนจะทันสัมผัส เมื่อมันเข้าใกล้เฮยหยาน มันก็สะบัดหัวไปด้านข้าง เขี้ยวทั้งสองเล็งแทงไปที่เฮยหยาน เฮยหยานรีบก้าวถอยเพื่อหลบการโจมตีก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆและตะโกนออกมา “หมูป่าเพลิงพิโรธ! พลังโจมตีที่ดุดันและผิวหนังที่หนา มันสามารถพุ่งชนและความร้อนภายในร่างของมันแทบจะไร้ขีดจำกัด มันสามารถฆ่าเจ้าได้ในชั่วกระพริบตา”
“มันจะฆ่าเจ้าในการโจมตีเดียว มิเช่นนั้นมันจะใช้เขี้ยวแทงตรึงเจ้าเอาไว้จนตาย”
เฮยหยานกล่าวอธิบาย ขณะที่หมูป่าเพลิงพิโรธพยายามพุ่งชนต้นไม้ที่มีเฮยหยานอยู่ ต้นไม้ที่ถูกชนอยู่หลายครั้งเริ่มส่งเสียงแตกหักให้ได้ยิน และการพุ่งชนครั้งถัดมาก็ทำให้ต้นไม้โค่นลง ในมือของเฮยหยานพลันปรากฏค้อนขึ้นเล่มหนึ่ง
ค้อนเล่มนี้เกิดจากการควบรวมพลังปราณ มันยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าค้อนทั่วไปเสียอีก
ลำแขนทั้งสองข้างพลันมีเส้นเลือดขึ้นปูดโปนจนเห็นได้ชัดเจนขณะที่มันทุบค้อนลงไป
อิ๊ดดดดดดดดดด~
หมู่ป่าเพลิงพิโรธกรีดร้องเสียงดัง ศีรษะของมันถูกทุบจนมีลาวาไหลออกมาเป็นสาย ได้เห็นเช่นนั้นฉินเทียนก็รู้สึกประหลาดใจ อาวุธที่ใช้พลังปราณควบแน่นขึ้นมานั้นทรงพลังอย่างมาก
หลังจากทุบหัวหมูป่าไป เฮยหยานก็ไม่ได้หยุดมือ มันพลันพุ่งตัวไปอีกทางในทันที
ฉินเทียนรีบติดตามไม่ให้ห่าง ในระหว่างที่วิ่งอยู่ เขาก็รู้สึกได้ว่าเฮยหยานกำลังชี้แนะเทคนิคสำหรับสัตว์ปีศาจทุกตัวอย่างละเอียดและแม่นยำ
หลังจากที่เข้าสู่เขตเทือกเขาคุนหลุนมา เฮยหยานก็ได้สอนวิธีการล่าสัตว์ปีศาจ การปรับตัว และการค้นหาจุดอ่อนของพวกมัน ยังมีการใช้ประโยชน์จากพลังปราณให้ได้ผลสูงสุด คล้ายกับอาจารย์กำลังสั่งสอนลูกศิษย์
นี่ทำให้เขาได้ประโยชน์อย่างมาก ตั้งแต่ที่ได้เฮยหยานค่อยช่วยอธิบายให้ เขาก็รับฟังและซึมซับพวกมันให้ได้มากที่สุด เพราะหากในอนาคตไม่มีเฮยหยานอยู่ด้วย เขาก็จะสามารถกระทำทั้งหมดนี้ได้ด้วยตนเอง
พวกเขาทั้งสองเข่นฆ่าไปตลอดทางโดยไม่รู้จุดหมาย พวกเขาเดินทางมากว่าสิบกิโลเมตรแล้วจากจุดเริ่มต้น และในระหว่างทางฉินเทียนได้เพิ่มระดับขึ้นเป็นขั้นก่อตั้งวิญญาณระดับที่ห้าเรียบร้อยแล้ว พลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
มองดูท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี เฮยหยานก็ลังเลก่อนจะกล่าวว่า “วันนี้ พวกเราพอแค่นี้ก่อน เราจะหาที่พักกัน ในตอนกลางคืน พวกสัตว์ปีศาจจะพลุกพล่านอย่างมาก พยายามอย่าออกไปไหนมาไหนในยามค่ำคืน”
ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงออกสำรวจโดยรอบก่อนจะพบที่หนึ่งตรงหน้าผา เป็นถ้ำที่อยู่บนเนิน เฮยหยานกล่าวว่า “วันนี้พวกเราจะพักกันที่นี่”
ทันทีที่กล่าวจบ มันก็โคจรพลังปราณและกระโดดขึ้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น นกร็อกขนาดใหญ่กำลังโฉบเข้าหาเฮยหยาน เฮยหยานแค่นเสียง “หาที่ตาย!”
ปราณถูกรวบรวมไปที่ขาทั้งสอง เขาพลิกตัวเล็กน้อยก่อนจะเตะไปที่นกร็อกอย่างรุนแรง
ดุจว่าวขาดสายป่าน นกร็อกพลันพุ่งกระแทกเข้ากับหน้าผา ส่วนหัวของมันแหลกเละจนเลือดหลั่งชโลมหน้าผา
ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่มีสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริงภายในเทือกเขาคุนหลุน อันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ หลังจากได้รับการชี้แนะจากเฮยหยานมาหนึ่งวันเต็ม ฉินเทียนก็ได้เรียนรู้มากมาย เขาพยายามจดจำทั้งหมดเอาไว้ แต่ในวันเดียวกันนั้นเอง ฉินเทียนก็มั่นใจแล้วว่าเฮยหยานกำลังจะจากไป