จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 55
ตอนที่ 55 ราชสีห์เนตรโลหิต
ภายในเกมนั้นมีภารกิจอยู่หลายประเภท นั่นยังรวมถึงภารกิจที่ต้องทำเพื่อเลื่อนขั้น
ทั้งหมดนี้ ฉินเทียนสามารถเข้าใจได้
อย่างไรก็ตาม ที่เขาจะต้องสังหารก็คือสัตว์ปีศาจระดับห้า มันเป็นภารกิจที่ท้าทายเกินไป
เขาขุ่นเคืองอยู่ทั้งช่วงบ่าย แม้จะสังหารสัตว์ปีศาจระดับสี่ไปนับสิบตัวแล้ว หลอดค่าประสบการณ์ของเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะกระเตื้องขึ้นเลย
“ดูเหมือนว่าถ้าเรายังฆ่าสัตว์ปีศาจระดับห้าไม่ได้ เลเวลก็ต้องตันอยู่แค่นี้”
“บ้าเอ๊ย โหดเกินไปแล้ว”
ฉินเทียนที่หงุดหงิดพลันเหวี่ยงหมัดต่อยไปที่ศีรษะของหมูป่าเพลิงพิโรธ เขาคว้าเขี้ยวของมันและยกร่างอันหนักอึ้งของมันขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงใส่พื้นดิน
โครม!
พื้นถูกแรงกระแทกจนกลายเป็นหลุม หมูป่าเพลิงพิโรธตัวสั่นระริก เมื่อเห็นฉินเทียนกำลังก้าวเข้าหา มันก็พยายามตะเกียกตะกายจะหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าฉินเทียนที่อารมณ์เสียเพราะระบบจะยอมให้มันหลบหนีจากไปหรือ?
ฟิ้ว
ร่างของเขาพร่าเลือนและพุ่งออกไปราวกับกระสุน เพียงพริบตาต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างหมูป่า
ฉินเทียนใช้เท้าเหยียบศีรษะของมันเอาไว้ มือหนึ่งคว้าจับไปที่เขี้ยวของมัน จากนั้นเขาก็กระชากอย่างแรง หมูป่ากรีดร้องโหยหวน น้ำตาเริ่มไหลพราก เมือกสีแดงข้นเริ่มรินไหลออกจากจมูก
เขี้ยวของหมูป่าเพลิงพิโรธมีความยาวราวครึ่งเมตร ลักษณของมันคล้ายกับมีด มันนับเป็นอาวุธที่มีประโยชน์ทีเดียว ฉินเทียนกวัดแกว่งมันสองสามครั้ง ก่อนที่เขาจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดหายไป เมื่อมองไปที่เขี้ยวอีกข้างที่เหลืออยู่ของมัน เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าหมูแก่ โทษทีนะ ชาติหน้าอย่าปล่อยให้เขี้ยวยาวเฟื้อยแบบนี้อีกล่ะ มิเช่นนั้นมันจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกโลภขึ้นมาได้”
กล่าวจบฉินเทียนก็กระชากเขี้ยวอีกข้างมา
หมูป่าเพลิงพิโรธที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็สิ้นใจลง
ระบบรายงานต่อเขา ทว่าเขาคร้านที่จะสนใจ เขากวัดแกว่งเขี้ยวทั้งสองก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พลันเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะขยับตัว เขาพุ่งตัวไล่ล่าสัตว์ปีศาจตัวหนึ่งและโจมตีใส่เป็นชุด
เขี้ยวของหมูป่าเพลิงพิโรธเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกายมัน มันถูกลับคมมาอย่างยาวนาน นั่นทำให้มันแหลมคมยิ่ง ทุกครั้งที่โจมตีจะมีกลิ่นไอร้อนอันรุนแรงแผ่ซ่านออกมา กลิ่นอายนี้สามารถใช้ขับไล่สัตว์ปีศาจระดับสามได้
ฉินเทียนใช้เวลาทั้งช่วงเย็นในการระบายโทสะอย่างรุนแรงจนคล้ายสัตว์ที่บ้าคลั่ง เหล่าสัตว์ปีศาจที่เขาพบเจอล้วนได้รับความทุกข์ทรมาณอย่างแสนสาหัส
เมื่อใกล้ค่ำ ฉินเทียนก็กลับไปที่ถ้ำ
เฮยหยานยังคงนั่งขัดสมาธิเข้าฌานบ่มเพาะ
ฉินเทียนไม่ได้รบกวนมันและหย่อนก้นนั่งที่ปากทางเข้าถ้ำ เขานำเม็ดยาออกมาก่อนจะโยนเข้าปาก
เม็ดยาหยางเฉิงเป็นเม็ดยาที่ผู้บ่มเพาะขาดไม่ได้ มันไม่เพียงสามารถยกระดับการบ่มเพาะได้เท่านั้น หากแต่ยังเติมเต็มกระเพาะ ซึ่งสำหรับฉินเทียนแล้ว เขาเอาไว้กินแก้หิวเท่านั้น
เมื่อกินเม็ดยาเข้าไป เขาก็ไม่รู้สึกหิวอีก ดังนั้นจึงย้อนกลับไปคิดถึงการเพิ่มระดับของเขา “ต้องฆ่าสัตว์ปีศาจระดับห้า และพี่เฮยหยานเองก็ใกล้จะเดินทางแล้ว จะดีที่สุดหากข้าสามารถมอบแก่นปีศาจให้กับมัน จะอย่างไรเสียข้ายังคงติดหนี้มัน”
ตั้งแต่ที่เขาเหยียบย่างเข้าสู่เทือกเขาคุนหลุน เขาก็เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พลังของแก่นเป็นสิ่งที่ล้ำค่า ในระหว่างเทศกาลล่าสัตว์ที่ผ่านมา เขายังไม่รู้จักมันดีนัก เพียงมาทราบเมื่อหลังกลืนมันไป
เมื่ออีกฝ่ายหยิบยื่นแก่นกอลิล่าดุร้ายให้กับเขา เช่นนั้นเขาก็สมควรตอบแทนกลับไป
อีกไม่นานเฮยหยานจะไปเข้าร่วมกับสำนักเมฆาล่อง และฉินเทียนก็ต้องจัดเตรียมของขวัญ
หากได้กลืนแก่นปีศาจเข้าไประดับการบ่มเพาะของเฮยหยานจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถึงตอนนั้น สำนักเมฆาล่องอาจกระทั่งรับมันเป็นศิษย์สายใน
ฉินเทียนมองดูเฮยหยานที่กำลังบ่มเพาะอยู่ก่อนจะออกจากถ้ำไป
……………………………………..
ในยามกลางคืน ฉินเทียนลงมือแล้ว เขาหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะและใช้กลิ่นอายนักล่าตรวจสอบกลิ่นอายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร
หลังจากนั้นจึงเดินทางเข้าสู่ีพื้นที่ส่วนลึก
สัตว์ปีศาจระดับที่ห้าก็เปรียบได้กับจ้าวผู้ปกครอง พวกมันมีอาณาเขตของตัวเองอยู่ และยิ่งมันมีอาณาเขตกว้างขวางเพียงใด มันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น
มีสัตว์ปีศาจบางตัวที่อาณาเขตนับหมื่นตารางกิโลเมตร สัตว์ปีศาจตัวอื่นๆต่างยกให้มันเป็นราชันย์
หลังจากวิ่งโดยไม่หยุดเป็นระยะกว่าสิบกิโลเมตร เขาก็ยังคงไม่พบสัตว์ปีศาจระดับห้า ฉินเทียนสบถอย่างหัวเสีย “บัดซบ! พวกมันหายไปไหนหมด?”
สัตว์ปีศาจจะบ่มเพาะเป็นเวลาสิบปีหรืออาจกระทั่งหลายร้อยเพื่อที่จะตัดผ่านไประดับที่ห้าและกลั่นแก่นปีศาจขึ้นมา ซึ่งแก่นปีศาจนี้เองก็เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะมากมายต้องการ ดังนั้นพวกมันจึงถูกล่า กระนั้นสัตว์ปีศาจระดับที่ห้าก็ยังพบเห็นได้ยาก
ฉินเทียนยืนอยู่บนยอดไม้ เขาสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างระมัดระวังพลางใช้กลิ่นอายนักล่า เมื่อตรวจพบบางสิ่ง เขาพลันขมวดคิ้วก่อนจะมุ่งต่อไป
ในคืนนั้นเขาวิ่งโดยไม่หยุดพัก กระทั่งยังจำไม่ได้ว่าตนเองได้วิ่งไปกี่กิโลเมตรแล้ว
จนกระทั่งแสงดวงตะวันส่องกระทบ ฉินเทียนก็หยุดเท้าลง มองดูต้นไม้กิ่งไม้ที่หักกระจายอยู่เกลื่อนกลาด ยังมีหลุมที่อยู่ตามพื้น เขาพบว่าร่องรอยพวกนี้เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน สมควรมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นที่นี่ ฉินเทียนฉีกยิ้ม มีเพียงสัตว์ปีศาจระดับสูงที่สามารถสร้างความพินาศได้ถึงเพียงนี้ ฉินเทียนพลันใช้กลิ่นอายนักล่าเพื่อตรวจสอบโดยรอบ ไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า “ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ”
เขากระโดดลงจากยอดไม้ และค่อยๆติดตามร่องรอยไปอย่างระมัดระวัง มีดสั้นที่สร้างจากเขี้ยวของหมูป่าถูกชักมาถือไว้ จิตใจของเขาสงบนิ่ง สายตาสอดส่องรอบข้างอย่างระมัดระวัง
กลิ่นอายนักล่าตรวจพบกลิ่นอายของสัตว์ปีศาจที่ทรงพลัง ทรงพลังกว่าที่เขาเคยพบมาทั้งหมด ฉินเทียนมีข้อสรุปทันทีว่าที่เบื้องหน้าจะต้องมีสัตว์ปีศาจระดับสูง
ในระยะที่ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร ฉินเทียนใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งค่อนวัน ดวงตะวันลอยสูง น้ำค้างที่เกาะอยู่ตามใบไม้เริ่มกลิ่นหล่นคล้ายกำลังเกิดฝนขึ้นภายในป่า น้ำค้างหยดลงบนแก้มขวาของเขา ทว่าเขาก็ไม่ได้ปาดเช็ดไป ดวงตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่เบื้องหน้า
เมื่อเท้าของฉินเทียนเหยียบลงบนพื้นที่เปิดโล่ง เขาก็พลันพบว่ากลิ่นอายทรงพลังนั้นกดทับมาที่เขา ดูเหมือนว่ามันจะมาจากสิงโตตัวโตที่กำลังนอนหลับอยู่เบื้องหน้า
มันมีขนาดร่างกายที่ใหญ่โต ดวงตาสีแดงก่ำหรี่ปรือ ขนสีเหลืองที่หนาเป็นชั้นๆ หางที่ดูแข็งแกร่งราวโลหะ กวัดแกว่งน้อยๆอย่างสบายอารมณ์
หากไม่มีกลิ่นอายนักล่า ฉินเทียนคงเผยตัวไปแล้ว
มองดูสัตว์ปีศาจที่เบื้องหน้า ฉินเทียนก็สั่นสะท้าน เขากัดฟันแน่น เตรียมตัวลอบโจมตีมัน ทว่าก่อนที่เขาจะได้ทำเช่นนั้น สิงโตก็พลันเงยหน้า มันอ้าปากอันใหญ่โตส่งเสียงคำรามออกมา มีโลหิตไหลรินออกจากรูทวารของมัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฉินเทียนซ่อนตัวและนิ่งไม่ไหวติง เสียงคำรามก่อนหน้าทำให้ฉินเทียนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ปั่นป่วนของมัน ดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และเมื่อฉินเทียนเห็นโลหิตไหลรินจากทวารของมัน เขาก็มั่นใจว่ามันกำลังบาดเจ็บสาหัส “กล่าวได้ว่า ถึงคราวเคราะห์ของเจ้าแล้ว”
“พลังมังกรพิสุทธิ์!” ฉินเทียนพลันลงมือ
หลังจากเคล็ดมังกรฟ้าถูกเปิดใช้ แรงกดดันมหาศาลก็แผ่พุ่งออกมา ฉินเทียนไม่ได้เร่งรีบไปประจันหน้ากับสิงโตตัวนั้นทันที เขาเสริมพลังมังกรพิสุทธิ์ด้วยทักษะคลุ้มคลั่ง
วิ้ง
พลังมังกรพิสุทธิ์และทักษะคลุ้มคลั่งถือเป็นการจับคู่อันสมบูรณ์แบบ ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของฉินเทียนไหลเวียนด้วยพลังอันมหาศาล สองมีดกำมีดกระดูกเอาไว้แน่น เขาพุ่งตัวอออกไปดุจอัสนีบาต ก่อเป็นเพลิงลุกขึ้นตามเส้นทางที่เขาผ่าน
สิงโตลืมตาขึ้นมา สองตาแดงฉานปลดปล่อยกลิ่นอายแรงกล้า มันลุกขึ้นยืนสี่ขา และเปิดปากคำราม
โฮกกกกกกก!
หูของฉินเทียนรู้สึกชาด้าน ความเร็วของเขาพลันได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามจนเชื่องช้าลง ฉินเทียนตกใจแต่ก็เร่งคืนสติรักษาระดับความเร็ว เขาพุ่งเข้าหาสิงโตก่อนจะกระโดด สะบัดมีดในมือทั้งสองฟันไปที่ลำคอของสิงโต
—————————–
ราชสีห์เนตรโลหิต
สัตว์ปีศาจระดับหก
พลังชีวิต: 146474/480000
ค่าประสบการณ์: 30000
พลังปราณ : 1000
ค่าชีวิต: 100
สถานะ: อ่อนแอ
ความสามารถ:???
——————————
ในจิตใจของเขาพลันมีข้อมูลของราชสีห์เนตรโลหิตปรากฏขึ้นมา ฉินเทียนหงุดหงิดยิ่ง การโจมตีที่เขาทุ่มพลังทั้งหมดเข้าไปกลับทำไดเพียงสร้างรอยข่วนเล็กๆขึ้นมา การโจมตีของเขากลับไม่อาจทำอย่างไรสิงโตตัวนี้!
หลังโจมตีแล้วฉินเทียนก็รีบกระโดดถอยกลับ
มองดูสัตว์ปีศาจระดับหกซึ่งกำลังเกรี้ยวกราดที่เบื้องหน้าแล้ว ฉินเทียนก็กลืนน้ำลาย สายตาฉายแววมุ่งมั่น
“ระดับที่หกงั้นหรือ ข้าไม่ยอมแพ้หรอก!’