จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 75
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 75 จิตสังหารตลบอบอวล
หลิวตงตายแล้ว
ตายโดยไม่แม้แต่จะมีโอกาสตอบโต้ ตายโดยไม่ทราบว่าตกตายได้อย่างไร
สายลมพัดผ่าน สายตาคนทั้งหมดมองไปยังศพที่แห้งกรังนั้น พวกเขาต่างกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง จิตสังหารที่รุนแรงได้ครอบคลุมพวกเขาไว้ การขยับเคลื่อนไหวใดๆของพวกเขาล้วนยากลำบากราวกับต้องใช้เวลาชั่วชีวิต
ศิษย์ที่ฉินเซี่ยงเทียนภาคภูมิใจตกตายไปแล้ว ฉินเซี่ยงเทียนโกรธจนตาแดงฉาน มันจ้องมองฉินเทียนอย่างแข็งกร้าวก่อนจะตวาด “ฆ่ามัน!”
ตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดยามเมื่อประมุขตระกูลไม่อยู่ ทั้งยังสามารถถือเป็นตัวแทนของประมุข เมื่อถ่ายทอดคำสั่งออก ทุกคนในตระกูลล้วนต้องปฏิบัติตาม หากฝ่าฝืนก็จะถือว่าเป็นผู้ทรยศ และมีโทษสถานเดียวคือตาย
ภายใต้คำสั่งของฉินเซี่ยงเทียน เหล่าศิษย์ต่างมีสีหน้าปั้นยาก แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง ในฐานะศิษย์ของตระกูลฉิน พวกเขาต้องปฏิบัติตามตระกูลฉิน ฉับพลัน ทั้งหมดก็เข้าล้อมฉินเทียนไว้อย่างรัดกุมจนแม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่อาจซึมผ่าน
“ฉินเทียน ยกโทษให้พวกเราด้วย พวกเราไม่อาจขัดคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่….”
“ใช่แล้ว ตอนนี้ยอมรับผิดก่อนเถอะ รอจนท่านประมุขกลับมา ทุกอย่างย่อมดีขึ้นเอง…”
………………………………………..
ในหมู่ศิษย์ตระกูลฉินมีหลายคนที่ชื่นชมฉินเทียนจากเรื่องเมื่อสามปีก่อน อีกทั้งฉินเทียนยังสามารถใช้ชีวิตกว่าสามปีภายในเทือกเขาคุนหลุนและรอดกลับมาได้ พวกเขาก็ยิ่งเคารพเทิดทูน ผู้คนมักเคารพผู้แข็งแกร่งเสมอ
อย่างไรก็ดีในใจของพวกเขาแล้ว ฉินเทียนยังคงเทียบกับฉินเซี่ยงเทียนไม่ได้ แม้เขาจะแข็งแกร่งหรือเป็นปีศาจขนาดไหนก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่ฉินเทียนจะสามารถตัดผ่านไปยังขั้นกลั่นวิญญาณ ขณะที่ทางฉินเซี่ยงเทียนเพิ่งตัดผ่านไปได้เมื่อราวครึ่งเดือนก่อน
พวกเขาไม่ต้องการเห็นฉินเทียนทำอะไรเกินตัวและบีบให้ฉินเซี่ยงเทียนลงมือจนทำให้ตระกูลฉินต้องสูญเสียอัจฉริยะไป
ฉินเทียนเผยยิ้มบาง ในใจรู้สึกตื้นตันเล็กน้อย
แต่จะยอมให้ตัวเองถูกทำให้อับอายงั้นรึ?
ไม่ มี ทาง!
“จะดีกว่าถ้าพวกเจ้าถอยไป ข้าไม่ต้องการทำร้ายพวกเจ้า พวกเจ้าสมควรได้เห็นความแข็งแกร่งของข้าแล้ว รอจนข้าฆ่าฉินเซี่ยงเทียนลง คำสั่งของเขาก็ไร้ความหมายแล้ว”
กล่าวจบ ฉินเทียนก็ไม่ได้ขยับเคลื่อวไหว เหล่าศิษย์ก็เช่นกัน
ฆ่าฉินเซี่ยงเทียน? ตลกแล้ว! ผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณนับเป็นตัวตนชั้นแนวหน้าของเมืองชิงเหอ เมื่อเห็นฉินเทียนกล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย ทั้งหมดก็ชะงัก เวลาสามปีจากระดับสี่ขั้นก่อวิญญาณไปขั้นกลั่นวิญญาณน่ะหรือ? ต่อให้เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานก็กระทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับฉินเทียน
พวกศิษย์นิ่งคิด หากแต่ไม่ยอมเคลื่อนตัวหลบ บางคนกระทั่งเผยสีหน้าหยามเหยียด
“พวกเจ้าจะไม่หลบให้จริงๆ?”
ฉินเทียนถามย้ำ ที่ได้กลับมาคือสีหน้าอันเคร่งขรึมของเหล่าศิษย์
ฉินเทียนยกยิ้มเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขออภัยแล้ว….”
ฉับพลันรังสีปราณที่หนาแน่นจนเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็แผ่พุ่งขึ้นฟ้า รังสีปราณขุมนี้อัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร มันแผ่พุ่งออกไปทางศิษย์ก็จะเบนอ้อมหลบไป
ศิษย์เหล่านี้คือมือดีของตระกูลฉิน เป็นความหวังของตระกูล ดังนั้นฉินเทียนจึงไม่ต้องการสังหารพวกเขา แม้ว่าฉินเทียนจะเกลียดชังต่อตระกูล และการสังหารก็ไม่นับเป็นอย่างไรสำหรับฉินเทียน แต่เขาก็ไม่ใช่ปีศาจเลือดเย็นไร้หัวใจ กับคนที่สมควรฆ่า เขาย่อมฆ่า กับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง เขาย่อมละเว้น
เมื่อปลดปล่อยพลังปราณออก พวกศิษย์ตระกูลฉินก็รู้สึกได้ถึงแรงดันอันหนักหน่วงทาบทับลงบนร่างของพวกเขา ขณะที่ฉินเทียนก้าวออกหนึ่งก้าว พวกเขาก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทั้งหมดต่างตกตะลึง ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าพลังปราณของฉินเทียนจะบรรลุถึงขีดขั้นนี้แล้ว
พวกศิษย์พยายามดึงพลังปราณจากจุดตันเถียนออกมาต้าน หากแต่นั่นกลับเป็นการกระทำที่สูญเปล่า ความแตกต่างระหว่างพวกเขากับฉินเทียนมีมากเกินไป เป็นช่องว่างที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
มาถึงจุดนี้ ความสงสัยก็ก่อตัวขึ้นในใจของเหล่าศิษย์ ฉินเทียนบรรลุถึงขีดขั้นใดแล้วกันแน่?
ทุกการย่างเท้าก้าวออก รอยยิ้มของฉินเทียนก็ยิ่งมายิ่งเย็นยะเยือก ควบคู่ไปกับจิตสังหารที่ยิ่งมายิ่งรุนแรง
ผู้อาวุโสสองสามคนที่อยู่ด้านข้างฉินเซี่ยงเทียนรู้สึกประหลาดใจ “ระดับบ่มเพาะของเด็กผู้นี้ก้าวล้ำนำหน้ารุ่นเดียวกันไปไกลโข ตระกูลฉินไม่เคยปรากฏอัจฉริยะที่โดดเด่นเช่นนี้มาก่อน ภายภาคหน้าเขาย่อมสามารถโผทะยานสู่ท้องฟ้า กระทั่งอาจสามารถเปิดประตูสู่โลกแห่งการฝึกตนที่แท้จริงก็เป็นได้….”
“การฝึกฝนพลังปราณของเขาเยี่ยมยอดยิ่ง แต่ด้วยนิสัยที่ดุร้าย หยิ่งผยอง และหุนหันพลันแล่นของเขาแล้ว เกรงว่ามันจะเป็นการชักนำหายนะสู่ตระกูล กระทั่งอาจทำให้ตระกูลต้องล่มสลาย”
“เฮ้อ เรื่องนี้ไม่ต้องพูดแล้ว ไว้รอท่านประมุขกลับมาก่อนเถอะ….”
“คนทรยศของตระกูลที่ลอบมอบทักษะระดับสูงต่อคนนอก ยั่วยุให้ตระกูลต้องร้าวฉาน ทำให้ตระกูลต้องสูญเสียครั้งใหญ่ บุคคลชั่วร้ายเช่นนี้ ผู้ใดก็สามารถประหารฆ่า ยังจะรอท่านประมุขไปใย?” ฉินเซี่ยงเทียนแค่นเสียงพลางปลดปล่อยพลังปราณของเขาออกมาไว้ที่ฝ่ามือ
ผู้อาวุโสรอบข้างล้วนปิดปากเงียบ ไม่สนทนากันอีก
ผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณนั้นมีอำนาจอย่างแท้จริง สำหรับผู้เฒ่าที่แก่ชราแล้วอย่างพวกเขา การเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตกลั่นวิญญาณเป็นเรื่องที่ยากจะกระทำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจโต้เถียงใดๆ
ความเอาแต่ใจเช่นนี้ มีแต่ผู้แข็งแกร่งจึงสามารถกระทำ
ผู้แข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฏ เพราะพวกเขาก็คือกฏ!
เห็นชื่อของฉินเซี่ยงเทียนที่จากเดิมเป็นสีเหลืองได้เปลี่ยนเป็นแดงเข้ม ฉินเทียนก็ทราบว่าฉินเซี่ยงเทียนพร้อมจะโจมตี และเขาก็รอคอยการโจมตีนั้นอยู่
โทสะในกายของเขาแทบไม่อาจสะกดอดกลั้นไว้ได้อีก และเขาก็ต้องการโลหิตของฉินเซี่ยงเทียนมาชโลมเพื่อดับมัน
ครืน………..
ฉินเทียนเพิ่มแรงไปที่ฝ่าเท้า พลังของคชสารโบราณก็ปะทุออก พลังปราณที่ลอยอยู่โดยรอบพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง
พลังอันรุนแรงที่ปะทุออกทำให้เหล่าศิษย์หน้ามืดตาลาย บางคนเริ่มหายใจลำบาก และล้มลงไปกองกับพื้น
เพียงแค่การสั่นสะเทือนของพลังปราณก็ทำให้ศิษย์ที่ระดับบ่มเพาะขั้นรวบรวมวิญญาณหมดสติแล้ว
แข็งแกร่ง! เป็นพลังที่รุนแรงยิ่ง เหล่าผุ้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังฉินเซี่ยงเทียนแทบจะปรบมือให้ ทั้งหมดต่างก็อดประหลาดใจกับพลังปราณของฉินเทียนเสียไม่ได้
เมื่อเห็นพลังของฉินเทียนแข็งแกร่งกว่าที่คาดไปมาก ความโกรธที่ฉินเซี่ยงเทียนพยายามอดกลั้นอยู่ภายในก็ค่อยๆเผยออกมาผ่านทางสีหน้า ฉินเซี่ยงเทียนดีดนิ้วคราหนึ่ง ค้อนที่มีเปลวไฟลุกโชนก็ปรากฏอยู่ในมือ
ควบแน่นพลังปราณจนกลายเป็นอาวุธ?
ฉินเทียนชะงักขณะในใจรู้สึกหนักอึ้ง ‘จะว่าไปเจ้าก็บรรลุขั้นกลั่นวิญญาณแล้ว….’
ยิ่งมองดูฉินเทียน ความโกรธของฉินเซี่ยงเทียนก็ยิ่งปะทุออก
“ขั้นกลั่นวิญญาณแล้วอย่างไร วันนี้บิดาจะฆ่าให้ดู!…..”
“เคล็ดมังกรพิสุทธิ์!”
เพียงห้วงคิด คชสารโบราณก็กู่ร้องจากภายในตันเถียน ก่อเป็นพลังงานไร้ลักษณ์ ในขณะเดียวกันร่างกายของเขาก็ปลดปล่อยไอสีขาวออกมาราวกับไฟลุก บริเวณโดยรอบอุ่นขึ้นทันควัน
ฆ่า!
จิตสังหารอันรุนแรงพลันระเบิดเข้าปกคลุมอากาศโดยรอบ…..