จอมศาสตราพลิกดารา - ตอนที่ 87
ถึงแม้จะตื่นตะลึงกับพลังฟื้นฟูของหลี่มู่ที่ราวกับเทพเซียน แต่เห็นได้ชัดว่ากัวอวี่ชิงไม่คิดจะถามมากความ
“สหายน้อยช่างเป็นคนที่น่าเหลือเชื่อที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้เจอมาจริงๆ” เขาเอ่ยชม
หลี่มู่หัวเราะ “ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว”
สำหรับกัวอวี่ชิงผู้นี้ เขาเคารพเป็นอย่างมาก
ถึงแม้กัวอวี่ชิงจะไม่คิดว่าตนช่วยหลี่มู่ เพียงพูดอย่างราบเรียบว่า ‘พาเจ้ามาก่อนที่เว่ยชงจะเจอ’ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะง่ายดายอย่างนั้นจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น วันนั้นเขาถูกเว่ยชงไล่สังหารราวกับสุนัข ต้องหลับหูหลับตาหนีไปในป่าลึกของเขาขาวพิสุทธิ์ นั่นเป็นเขตป่าดึกดำบรรพ์ที่ห่างไกลผู้คน ภูเขาสูงชันอันตราย มีหมอกพิษสัตว์ร้ายต่างๆ นานา จอมยุทธ์ทั่วไปไม่กล้าเข้าไปในนั้น ลำพังแค่จุดนี้ ต่อให้กัวอวี่ชิงบังเอิญช่วยหลี่มู่ก็เป็นบุญคุณล้นเหลือแล้ว
นอกจากนั้น เขาสามารถรอดพ้นจากการไล่สังหารโดยยอดฝีมือระดับหนึ่งเช่นเว่ยชงและยังพาหลี่มู่หนีรอดมาได้ ไม่ถูกเว่ยชงสะกดรอยตามเจอ ความสามารถนี้ก็ช่างชวนให้คนตะลึงนัก
ถึงอย่างไรเว่ยชงก็เป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งขั้นปรมาจารย์สูงสุด
อีกทั้งสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ หลี่มู่รู้สึกอยู่รางๆ ว่ากัวอวี่ชิงไม่ได้บังเอิญไปเจอตน แต่ไปช่วยตนโดยเฉพาะ
ขณะหลี่มู่คิดอยู่อย่างนี้ ท้องกลับส่งเสียงโครกครากอย่างไม่เอาไหน
เขาหน้าแดงก่ำขึ้นทันที
กัวอวี่ชิงหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดขึ้น “แต่เดิมคิดว่าเจ้ายังต้องใช้เวลาอีกหลายวันถึงจะฟื้นตัว สภาพของเจ้าเมื่อวานไม่อาจกินอะไรได้ ดังนั้นจึงนำอาหารเหลวง่ายๆ มาเล็กน้อยเท่านั้น…” พูดแล้วเขาก็หยิบหม้อกระเบื้องสีแดงออกมาจากห่อผ้าหนังสัตว์กันน้ำ
เมื่อเปิดฝาออก กลิ่นยาเข้มข้นลอยออกมาจากหม้อกระเบื้อง
หลี่มู่ลองดมดู น้ำลายก็ไหลออกมาอย่างอดใจไม่ไหวทันที
“กินโจ๊กยา[1]นี่ก่อนแล้วกัน ภรรยาข้าตุ๋นไว้เมื่อวาน ถึงแม้บาดแผลของเจ้าจะดีแล้ว แต่โจ๊กยานี่บำรุงเลือดลมได้ ก่อนหน้านี้เจ้าเสียเลือดไปมาก” กัวอวี่ชิงยิ้มพลางยื่นหม้อกระเบื้องสีแดงมา
“ขอบคุณผู้อาวุโสมาก” หลี่มู่ก็ไม่เกรงใจ มือทั้งสองรับหม้อกระเบื้องมาแล้วซดเข้าไปคำโตทันที
จ๊าก!
ร้อนมาก
หลี่มู่หน้าบิดเบี้ยว
แต่ความเจ็บปวดเล็กน้อยเช่นนี้ เทียบกับการทุบกระดูกทั่วร่างให้แตกละเอียดแล้วช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว หลี่มู่ที่หิวท้องร้องเขมือบคำโตๆ เหมือนโลลิน้อยหน้ามึนหมิงเยวี่ยที่หิวมาสามวันสามคืน
“ฮ่าๆ สหายน้อยไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้ ข้าแก่กว่าเจ้าไม่กี่ปี หากไม่รังเกียจก็เรียกข้าว่าพี่กัวแล้วกัน” กัวอวี่ชิงกล่าวเสียงดังห้าวหาญ ให้ความรู้สึกองอาจป่าเถื่อนแบบที่มาจากท้องทุ่งหญ้า
“ขอบคุณพี่กัวมาก”
หลี่มู่ก็ไม่เกรงใจเช่นกัน
กัวอวี่ชิงหัวเราะลั่น
ไม่รู้ทำไม เขาจึงรู้สึกถูกชะตากับขุนนางเมืองหนุ่มคนนี้นัก
ในร่างของหลี่มู่ เขาเหมือนเห็นร่างทะนงองอาจของคนที่เคยร่วมปณิธานและฝ่าฟันไปด้วยกันในที่ราบทุ่งหญ้าเมื่อวันวาน
บุรุษที่เคยเป็นมิตรจริงใจ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ดื่มเหล้าและหลั่งเลือดด้วยกันเหล่านั้น
น่าเสียดายที่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
สหายเก่าเมื่อในอดีต จนถึงวันนี้บางคนกลายเป็นศัตรูเดินไปคนละทาง และบางคนก็กลับไปอยู่ในอ้อมแขนของฉางเซิงเทียน[2] แปลงกายเป็นดวงดาวในท้องฟ้า ชาติภพนี้ไม่อาจได้พบหน้ากันอีกแล้ว
ในกายของหลี่มู่มีบุคลิกท่าทีที่ทำให้กัวอวี่ชิงรู้สึกคุ้นเคย
เขาหัวเราะพลางลุกขึ้นยืน “เจ้าค่อยๆ กินเถอะ ข้าไปสักครู่ก็กลับมา”
พูดจบเขาก็ก้าวเท้ายาวไปยังส่วนลึกของทางน้ำในถ้ำ
หลี่มู่สงสัยแต่ก็ไม่ได้ตามไป กินโจ๊กยาเสียคำโต
บางทีอาจเป็นเพราะหิวมาก เขาจึงรู้สึกว่าโจ๊กยานี้เป็นโจ๊กยาที่อร่อยอย่างที่ไม่เคยได้กินมาก่อน เขากินมันหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว แม้แต่ฝาหม้อก็เลียจนสะอาด
“สบาย…”
หลี่มู่รู้สึกได้ว่าฤทธิ์ยาเข้มข้นราวกับกระแสความร้อนแผ่ซ่านไปในท้องไส้ วิ่งไปตาแขนขาองคาพยพ ทั่วทั้งร่างประหนึ่งว่าเซลล์ทุกเซลล์กำลังส่งเสียงร้องครางอย่างสบายออกมา
ในตอนนี้ เขายังไม่รู้ว่าโจ๊กยาหม้อนี้ล้ำค่ามาก
หากวางไว้ในยุทธภพ เกรงว่าคนจำนวนไม่น้อยต้องยอมจ่ายเงินทองหรือค่าตอบแทนมหาศาลอย่างไม่เสียดาย อยากจะได้โจ๊กยาที่หลิวจื่อหยวนธิดาเทพแห่งสำนักบัณฑิตถามเต๋าในวันวานลงมือตุ๋น และจะต้องลงมือแย่งชิงโจ๊กยาหม้อนี้กันจนเลือดตกยางออกแน่
หลังจากนั้นไม่นาน
ข้างหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังมา
กัวอวี่ชิงทั่วร่างเปียกโชก ลากปลาตัวใหญ่หน้าตาประหลาดมาจากจุดลึกในถ้ำ
“โชคไม่เลวเลย จับปลาไร้ตามาได้สองตัว”
หลี่มู่มองดูอย่างละเอียด พบว่าปลาตัวใหญ่ยาวกว่าแปดฉื่อสองตัวนี้ ที่มุมปากมันมีหนวดยี่สิบกว่าเส้น ทุกเส้นยาวสี่ฉื่อ ครีบค่อนข้างใหญ่ ไม่มีเกล็ด มีสีขาวทั้งตัว ที่สำคัญคือไม่มีตาจริงๆ ด้วย มิน่าเล่าถึงได้เรียกว่าปลาไร้ตา
กัวอวี่ชิงใช้อุปกรณ์ในห่อผ้าทำปลาอย่างชำนาญ จากนั้นก็แล่เนื้อปลาเนียนละเอียดขาวดุจหยกเป็นชิ้นใหญ่ๆ ก่อนใช้ก้านเหล็กเสียบ โรยเครื่องปรุง และย่างบนกองไฟ
เป็นผู้ชายแนวพ่อบ้านอบอุ่นนี่เอง
หลี่มู่วิจารณ์ในใจ
“ปลาไร้ตาเป็นอสุรกายโบราณ ว่ายไปมาอยู่ใต้ดิน ชั่วชีวิตไม่เคยได้พบกับแสงตะวัน ในกายแฝงด้วยพลังวิญญาณใต้ผืนดินมากมาย เป็นของชั้นยอดในการเพิ่มพลังฝึก รักษาและบำรุงลมปราณ รสชาติอร่อยนัก ถูกบันทึกไว้ใน ‘สิ่งแปลกประหลาดอัศจรรย์ในฟ้าดิน’ ที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดใต้สุริยันจันทราทั้งสองคู่เป็นคนบันทึกไว้ ทั่วเขาขาวพิสุทธิ์กว้างใหญ่ก็มีเพียงในแม่น้ำใต้ดินของน้ำตกเก้ามังกรถึงจะมีของวิเศษล้ำค่านี้…”
กัวอวี่ชิงย่างไปพลาง ยิ้มอธิบายไปพลาง
หลี่มู่ดมกลิ่นหอมของปลาย่าง น้ำลายไหลทันที “มหัศจรรย์ขนาดนั้นเชียว ฮ่าๆ พี่กัวพูดจนข้าแทบจะน้ำลายไหลแล้ว วันนี้ช่างเป็นลาภปากเสียจริง”
เห็นกัวอวี่ชิงพูดจาฉะฉาน เล่าตำนานลับและเรื่องราวที่ไม่ค่อยได้ยินมากมายออกมาจากปากเป็นฉากๆ ได้ทันที ราวกับเป็นนักปราชญ์ฉลาดหลักแหลมที่มีความรู้ลึกล้ำ ผ่านโลกมามาก ทำให้หลี่มู่ตกใจยิ่งนัก
พี่กัวคนนี้ไม่ใช่แค่พลังฝึกสูงส่งไม่อาจหยั่ง ความรู้ยังลึกซึ้งกว้างขวาง พูดได้ว่าเป็นบุคคลที่ทำให้เขาประหลาดใจและยากจะคาดการณ์ได้ที่สุดเท่าที่ได้เจอนับจากมาถึงโลกใบนี้
อันที่จริง หลี่มู่เจอหน้าพี่กัวคนนี้ก็แค่สองครั้งเท่านั้น
แต่มีหลายครั้ง เมื่อบุคลิก ท่าทาง และเสน่ห์ของคนคนหนึ่งไปถึงระดับหนึ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องเจอกันหลายครั้งหรือคบหากัน ต่อให้เจอกันเพียงระยะเวลาสั้นๆ ครั้งเดียว จนกระทั่งแค่ไม่กี่วินาที ก็สามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งแล้ว
หลี่มู่เปรียบเทียบในใจ
จากทุกคนที่เขารู้จัก ไม่ว่าจะเป็นเฝิงหยวนซิงที่ดูแล้วเหมือนมีความรู้ลึกซึ้ง หรือจะเป็นตาแก่เว่ยชงแห่งสำนักดับนิวรณ์ ชิงเฟิงน้อยที่ราวกับปีศาจ ทุกคนที่เขาเคยเห็นหรือรู้จักเทียบกับพี่กัวคนนี้แล้วยังห่างกันอีกหลายโยชน์นัก
พี่กัวคนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่
หลี่มู่สงสัยมาก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม
ไม่นานนัก ปลาย่างก็สุก กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
หลี่มู่ก็ไม่เกรงใจเช่นกัน รับปลาย่างจากมือกัวอวี่ชิงมากินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากกินปลาตัวใหญ่ลงไปทั้งตัวอย่างตะกละตะกลาม เขาถึงพบว่าความหิวหายไปบ้างแล้ว
“น้องมู่ ข้าเห็นร่างกายของเจ้าแปลกประหลาด พลังฟื้นฟูน่าตกใจ กำลังกายมากมายนัก แต่กลับไม่ได้ฝึกฝนกำลังภายใน นี่เป็นเพราะเหตุใดกัน?” กัวอวี่ชิงเอ่ยปากถาม
จากการพูดคุยเมื่อครู่ ระยะห่างของทั้งสองเข้ามาใกล้กันไม่น้อย
กัวอวี่ชิงแต่เดิมไม่คิดจะถามความลับของหลี่มู่ แต่ตอนนี้เขามีใจอยากสั่งสอน อยากจะช่วยหลี่มู่อีกหน่อย การฝึกกำลังกายไม่ฝึกกำลังภายใน อย่างไรก็ไม่ใช่ทางของจอมยุทธ์ ดังนั้นจึงอยากทำความเข้าใจสักหน่อย
หลี่มู่ก็ไม่มีความลังเลใดๆ เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ปิดบังพี่กัว น้องชายไม่ใช่ไม่อยากฝึกกำลังภายใน แต่เพราะร่างกายที่พิเศษนี่ไม่อาจฝึกกำลังภายในได้ ข้าเคยอ่านตำราฝึกฝนกำลังภายในมาหลายเล่ม ต่อให้เข้าใจความหมายลึกซึ้งข้างในแล้วฝึกฝน ก็ไม่มีสัมผัสลมปราณเลยแม้แต่น้อย”
“เอ๋? มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?” กัวอวี่ชิงตกใจเป็นอย่างยิ่ง
เขารู้รอบรู้กว้างไกล เข้าใจวิชาของสำนักยุทธ์ต่างๆ บนแผ่นดินใหญ่เสินโจว แต่ไม่เคยเจอเรื่องประหลาดเหมือนเรื่องของหลี่มู่เช่นนี้
“หากน้องมู่ไม่รังเกียจ พี่ชายคนนี้จะตรวจดูให้เป็นอย่างไร?” กัวอวี่ชิงใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ข้าพอจะรู้วิชาหมออยู่บ้าง บางทีอาจจะหาจุดที่เป็นปัญหาได้”
หลี่มู่รู้ว่ากัวอวี่ชิงปรารถนาดี
ใจของเขาก็หวั่นไหวเช่นกัน
ที่ผ่านมาปัญหาเรื่องไม่อาจฝึกฝนกำลังภายในได้รบกวนเขามาโดยตลอด
โดยเฉพาะซินแสเฒ่าก็เคยบอกเอาไว้ กำลังภายในแข็งแกร่งและสำคัญยิ่งกว่าพลังกาย เขาเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
กัวอวี่ชิงมีภูมิหลังไม่ธรรมดา ความรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง ‘พอจะรู้’ วิชาหมอที่เขาพูดนั่นคือคำถ่อมตัว เกรงว่าหากบอกว่าเป็นเทพแห่งการแพทย์ก็ไม่มากเกินไป บางทีอาจจะหาปัญหาเจอและจัดการปัญหายากนี้ได้?
“ขอบคุณพี่กัวมาก”
หลี่มู่ไม่เยิ่นเย้อลีลา ยื่นแขนออกไปทันที
กัวอวี่ชิงหัวเราะลั่น จากนั้นนิ้วกดไปยังจุดชีพจรที่ข้อมือขวาของหลี่มู่
ไม่นานนัก ใบหน้าของกัวอวี่ชิงก็ปรากฏร่องรอยตื่นตะลึง “เลือดลมแข็งแกร่งนัก ราวกับมหาสมุทร ชีพจรหนักแน่น แข็งแกร่ง มีพลัง ไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย…” นิ้วทั้งห้าของเขาเริ่มเคลื่อนไหวเคาะไปตามจุดชีพจรของหลี่มู่ขึ้นๆ ลงๆ มีสัมผัสและจังหวะประหลาด
หลี่มู่สัมผัสได้ถึงกระแสอากาศเป็นสายๆ ผสานเข้ามาในจุดชีพจรของตัวเองจากการเคาะของกัวอวี่ชิง จากนั้นก็แล่นไปตามจุดชีพจร
ตุบ!
ตุบ ตุบ!
หัวใจของหลี่มู่เต้นอย่างหนักหน่วง
เสียงดุจกลองนี้ดังขึ้นภายในถ้ำ ไม่เหมือนเสียงหัวใจเต้นของสิ่งมีชีวิต
สีหน้าตื่นตะลึงของกัวอวี่ชิงเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ผัวะ!
ทันใดนั้น ฝ่ามือของเขาสั่นไหวแล้วดีดออกมาทันที ไม่อาจจับจุดชีพจรของหลี่มู่ได้อีก
“นี่…ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย”
แววตาของกัวอวี่ชิงตื่นตะลึง
“น้องมู่ เจ้าคงไม่ใช่เทพเซียนที่มาจากฟากฟ้าหรอกกระมัง?” เขาพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หากไม่ใช่ว่าเมื่อวานนี้ข้ารักษาเจ้าตอนที่เจ้าสลบ รู้ว่าร่างของเจ้าคือร่างมนุษย์ และตอนนี้เจ้ายังนั่งอยู่ต่อหน้าข้าตัวเป็นๆ หากหลับตาลงแล้วละก็ ข้าคงยังนึกจริงๆ ว่ากำลังรักษามังกรอยู่”
ประโยคที่ว่า ‘มาจากฟากฟ้า’ ทำให้หลี่มู่ตกใจ
วิชาแพทย์ของกัวอวี่ชิงเยี่ยมยอดจริงดังว่า
หลี่มู่ก็มาจากฟากฟ้าจริงๆ นี่นา
แต่ความลับพวกนี้รวมถึง ‘วิชาก่อนกำเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ แน่นอนว่าเขาพูดออกไปไม่ได้
“พี่กัว มีวิธีแก้หรือไม่? ข้าสามารถฝึกกำลังภายในได้หรือไม่?” หลี่มู่ถามอย่างอดรนทนไม่ไหว
“วิธีใช่ว่าไม่มี แต่ยากมากทีเดียว” กัวอวี่ชิงใคร่ครวญ ก่อนกล่าวขึ้นอย่างเนิบช้า
……………………………………………………
[1] โจ๊กยา เป็นอาหารที่ใช้บำรุงหรือรักษาร่างกายชนิดหนึ่ง มีธัญพืชเป็นหลัก ผสมด้วยผัก ผลไม้ หรือตัวยาบำรุงหรือรักษาโรคอื่นๆ ตามแต่ที่ต้องการ
[2] ฉางเซิงเทียน เทพสูงสุดของเผ่ามองโกล ออกเสียงตามภาษามองโกลว่าเท็งกรี (Tangri)