จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 150 นัดสู้
กระบี่สวรรค์แหวกผืนนภา ฟ้าสว่างหมื่นกระบี่เศร้าโศกา
สำนักกระบี่สวรรค์มีชื่อเสียงมากทั่วแผ่นดินใหญ่เสินโจว ถือเป็นสำนักสำคัญระดับที่สองภายใต้สำนักเทพทั้งเก้า มีรากฐานพลังมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะความลึกซึ้งในวิชากระบี่ นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสำนักที่โดดเด่นที่สุดในแผ่นดิน เป็นสำนักฝึกกระบี่ที่มีขนาดใหญ่มาก
โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์นับเป็นหนึ่งในสาขาที่แตกออกมาจากสำนักกระบี่สวรรค์ ตอนนั้นธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ผู้ก่อตั้งโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์มีที่มาจากสำนักนี้ ‘กระบี่สวรรค์สามสิบหกท่า’ สุดยอดวิชาก็พัฒนามาจากวิชากระบี่ของสำนัก ว่ากันว่า ตอนนั้นเขาก้าวสู่ขั้นยอดปรมาจารย์แล้ว อาศัยแค่กำลังภายในอึดใจเดียว ก็สามารถควบคุมบังคับกระบี่ เด็ดหัวศัตรูได้ภายในระยะยี่สิบลี้ ง่ายดายราวกับล้วงของออกจากกระเป๋า
ใน ‘กระบี่สวรรค์สามสิบหกท่า’ มีกระบวนท่าหนึ่งชื่อว่า ‘ท่ากระบี่เหินหาว’ เป็นวิธีการใช้กำลังภายในควบคุมกระบี่ น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
นับจากหลายสิบปีก่อน ธรรมจารย์กระบี่สวรรค์ปลีกวิเวก หลังจาก ‘กระบี่เทพเบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิงสืบทอดโรงฝึกต่อ ถึงแม้จะประสบความสำเร็จใน ‘ท่ากระบี่เหินหาว’ แต่ก็ยังห่างจากขั้นเด็ดหัวศัตรูในระยะยี่ลิบลี้เพียงแค่ชั่วความคิดอยู่อีกไกล เพราะอย่างไรจางเฉิงเฟิงก็ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นยอดปรมาจารย์
แต่ว่า จางเฉิงเฟิงปราดเปรื่องนัก บุกเบิกทางอื่น สร้างวิชาควบคุมกระบี่ขึ้นอีกแบบหนึ่งโดยอ้างอิงจาก ‘ท่ากระบี่เหินหาว’ จนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองฉางอัน
วิชาควบคุมกระบี่นี้ เขาตั้งชื่อให้ว่า ‘วิชากระบี่เหินหาว’
ถึงแม้วิชากระบี่เหินหาวกับท่ากระบี่เหินหาวจะต่างกันแค่คำเดียว แต่แตกต่างกันอย่างมาก
ท่ากระบี่เหินหาวใช้กำลังภายในควบคุมกระบี่จริงๆ
แต่วิชากระบี่เหินหาวนั้นใช้กำลังภายในบังคับเส้นด้าย และใช้เส้นด้ายบังคับกระบี่
พูดให้ชัดก็คือผูกเส้นด้ายยาวเรียวเล็กราวใยไหมไว้ที่ด้ามกระบี่ ใช้กำลังภายในกระตุ้นเส้นด้ายยาวนี้ จากนั้นก็ใช้เส้นด้ายบังคับกระบี่ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นี้ทำให้จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์และขั้นรวมจิตสูงสุดสามารถทำได้ถึงขั้น ‘กระบี่ยาวห่างกาย ควบคุมได้ดั่งใจนึก’
วิชาควบคุมกระบี่นี้หากฝึกฝนจนถึงขั้นสุดยอดก็น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน ยามนี้กลายเป็นชื่อเสียงเป็นหน้าเป็นตาของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ไปแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น ‘กระบี่เทพเบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิง ว่ากันว่ายามสำแดงวิชากระบี่เหินหาวสามารถควบคุมกระบี่บินยี่สิบเล่มได้ในเวลาเดียวกัน แล้วสร้างเป็นสนามกระบี่ภายในบริเวณสิบลี้ สับมือของคู่ต่อสู้จนแหลกละเอียด น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ในโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ ผู้แข็งแกร่งขั้นปรมาจารย์บางคนควบคุมกระบี่บินในระยะสองลี้ได้ไม่เป็นรองใคร
ตอนนี้ แสงกระบี่พราวพร่างสายหนึ่งทำลายความสงบในตรอกไล่หมู ราวลูกธนูพุ่งออกจากคันศร มาถึงที่ในชั่วพริบตา มันพุ่งผ่านตรอกไล่หมูยาวหลายลี้มาถึงหน้าประตู ‘เรือนซอมซ่อ’ นั่นคือกลิ่นอายพลังวิชากระบี่เหินหาวของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์
กระบี่ยาวสีแดงเข้มเล่มหนึ่งยาวประมาณสองฉื่อ ละเอียดบางราวไส้ปลา ประณีตเป็นอย่างยิ่ง กำลังลอยอยู่กลางอากาศ และหยุดลงสั่นไหวเสียงดังหึ่งๆ อยู่หน้าประตูใหญ่ของ ‘เรือนซอมซ่อ’ ในระยะไม่ถึงสามฉื่อ
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้ทำให้โจวเต๋อเต้าที่ปากคอแห้งผากอยู่ข้างกำแพงเขียวชอุ่มตกใจยกใหญ่ รีบหลบหนีไป
ข้ารับใช้ของสกุลโจวก็ไม่กล้าชักช้า รีบบังคับรถม้าไปอีกด้านทันที
หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุและเทพพยากรณ์ใบหน้าฉายแววตื่นตะลึง อึ้งจนลืมแทะเมล็ดแตงโม
“ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์รุ่นแรก ขอท้ายอดปรมาจารย์หลี่มู่ หลังจากนี้สามวัน ศึกตัดสินเป็นตาย ณ ลานกระบี่สวรรค์ หลี่มู่ยอดปรมาจารย์โปรดรับสารท้ารบด้วย”
เสียงหยิ่งทะนงก้องกังวานดังออกมาจากกระบี่ไส้ปลาสีแดงเข้ม
เสียงราวสายฟ้าฟาดดังก้องไปทั่วทั้งตรอกไล่หมู กระทั่งในสี่ห้าตรอกรอบๆ ล้วนได้ยินอย่างชัดเจน
ใช้กระบี่ส่งกระแสจิต?
เป็นยอดฝีมือของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์คนไหนที่ฝึกฝนจนถึงขั้นนี้?
นี่เป็นกลวิธีที่ยอดปรมาจารย์ถึงจะทำได้ไม่ใช่หรือ?
สีหน้าของเทพพยากรณ์อึ้งตะลึง
กลับเป็นหัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุที่ใบหน้างดงามฉายแววตกใจเพียงชั่วครู่ แล้วเปลี่ยนเป็นเหยียดหยาม พูดขึ้นอย่างดูถูกว่า “เพ้ย แสร้งเป็นผีทำตัวเป็นเจ้า ข้ายังนึกว่าเป็นธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์มาเองจริงๆ ซะอีก ที่แท้ก็เป็นปรมาจารย์ด้านยุทธ์เล็กๆ ถ่ายทอดคำพูดมา”
ที่แท้ บนด้ามของกระบี่ไส้ปลาสีแดงเข้มที่ลอยอยู่กลางอากาศมีด้ายเส้นเล็กละเอียดราวเอ็นตกปลาที่หากไม่มองให้ละเอียดก็ยากจะพบผูกเอาไว้ ยอดฝีมือถ่ายทอดกำลังภายในไว้ในนั้น แล้วควบคุมกระบี่ไส้ปลาสีแดงเข้มด้วยเส้นด้ายที่ตาเปล่ามองเห็นยากนี้ เสียงที่พูดออกมาก็เป็นเสียงที่ใช้ทักษะชั้นเลิศเลียนเสียงผ่านการสั่นสะเทือนของเส้นเอ็น ไม่ใช่การส่งกระแสจิตมาพันลี้จริงๆ
นี่ก็คือวิชากระบี่เหินหาว
แต่ว่า ท่านเซียนกระบี่สวรรค์แห่งโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ นั่นไม่ใช่ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์หรอกรึ?
ตาเฒ่านี้ยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ?
ไม่ได้บอกว่าตายไปแล้วเมื่อสี่สิบปีก่อนหน้านี้เพราะธาตุไฟเข้าแทรกหรือไร?
ยังมีชีวิตอยู่อีก?
ข่าวลือก่อนหน้านี้ที่แท้เป็นข่าวลวง?
ครั้งนี้โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์พ่ายแพ้ในเงื้อมมือของหลี่มู่อย่างน่าอนาถ ว่ากันว่าเขาหักคอจางชุยเสวี่ยทิ้ง บีบจนตัวประหลาดหงำเหงือกแกล้งตายนี่ออกมาแล้ว?
หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุและเทพพยากรณ์ปัดเศษเปลือกเมล็ดแตงโมแล้วยืนขึ้น ในดวงตาฉายแววตื่นตกใจและแววตื่นเต้นที่ปิดไม่มิด
นี่เป็นข่าวที่น่าตื่นตะลึงจริงๆ
ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ท้ารบเด็กหนุ่มยอดปรมาจารย์ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ดึงดูดความสนใจแน่นอน โลกวิถียุทธ์ในเมืองฉางอันเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นอีกแล้ว คนหนึ่งคือผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้พ่ายรุ่นอาวุโส อีกคนหนึ่งคือยอดฝีมือหน้าใหม่ที่โด่งดังรวดเดียวในชั่วข้ามคืน ศึกตัดสินของรุ่นอาวุโสและรุ่นใหม่จะก่อให้เกิดพายุฝนคาวเลือดแบบใดกัน?
มีเรื่องสนุกให้ดูอีกแล้ว
ทั้งสองอยากจะหาเก้าอี้พับเตรียมแตงโมมานั่งดูศึกใหญ่ครั้งนี้เสียเดี๋ยวนี้เลย
สิ่งที่คนของโรงฝึกยุทธ์พลังพายุชอบมากที่สุดคือการชมเรื่องสนุกโดยไม่รังเกียจว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โต
ทว่า หลังเผชิญหน้ากับการส่งกระแสจิตท้ารบจากยอดฝีมือของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ ในอาณาบริเวณ ‘เรือนซอมซ่อ’ กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ
ครู่หนึ่ง กระบี่ไส้ปลาสีแดงเข้มสั่นไหว เสียงที่ทั้งก้องกังวานทั้งหยิ่งทะนงดังขึ้นอีกครั้ง “เป็นอะไรไป หรือยอดปรมาจารย์หลี่มู่จะกลัว?”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“ศึกนี้ไม่ตายไม่เลิกรา หากยอดปรมาจารย์หลี่มู่กลัวละก็ สามารถไปขอขมาต่อโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ได้”
ยังไม่มีเสียงตอบรับ
“ที่แท้ยอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์ในตำนาน ก็เป็นแค่คนขี้ขลาดเท่านั้น”
ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเช่นเคย
โจวเต๋อเต้าประธานสมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลที่อยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าทำไมจิตใจพลันสงบลงไปเล็กน้อย
“รับหรือไม่รับคำท้า โปรดตอบด้วย”
หลังจากนั้นชั่วขณะหนึ่ง
ในที่สุด ในอาณาบริเวณ ‘เรือนซอมซ่อ’ ก็มีเสียงดังออกมา
“มารดามันเถอะ โคตรจะหนวกหู…เซียนกระบี่สวรรค์? มันใครกัน ไม่เคยได้ยิน จะสู้กับข้าเหรอ? อาศัยอะไร?”
เสียงอ่อนเยาว์ดังขึ้น ไม่ต้องทาย เป็นเสียงของเด็กหนุ่มยอดปรมาจารย์หลี่มู่ที่ลือนามไปทั่วเมืองฉางอันวันนี้แน่แล้ว
หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุมองตาเทพพยากรณ์ ก็เห็นแววประหลาดในดวงตาของกันและกัน
ยอดปรมาจารย์หนุ่มน้อย ทำไมเสียงฟังดูขี้เกียจแบบนี้กัน ฟังแล้วไม่มีท่าทางวางมาดอำนาจคับฟ้าแบบยอดปรมาจารย์ แต่กลับเหมือนจอมยุทธ์ไม่เต็มบาทที่เที่ยววิวาทตามท้องถนน น้ำเสียงแบบนี้ มาดแบบนี้ คำพูดแบบนี้…อืม ฟังแล้วคุ้นยิ่งนัก
“ท่านเซียนกระบี่สวรรค์คือผู้อาวุโสขั้นยอดปรมาจารย์ในเมืองฉางอัน ยื่นสารท้ารบมาให้คือเกียรติของเจ้า…” เสียงกังวานและหยิ่งทะนงดังออกมาจากกระบี่ไส้ปลาสีแดงเข้มอีกครั้ง
ทว่า เขายังพูดไม่ทันจบก็พลันหยุดชะงัก
เพราะในอาณาบริเวณ ‘เรือนซอมซ่อ’ มีเงาหนึ่งพุ่งออกมาราวกับภูตผีวิญญาณ ยื่นมือคว้าไปยังกระบี่ไส้ปลาแล้วหักมัน เอ็นตกปลาเล็กๆ ที่เชื่อมอยู่กับด้ามกระบี่ขาดสะบั้น จากนั้นร่างก็กะพริบกลับมาในเรือนอีกครั้ง
“กระบี่เล่มนี้ไม่เลว ข้ารับเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน เจ้าคนที่ชื่ออะไรนะ…อ้อ เซียนกระบี่สวรรค์อะไรนั่น จะสู้กับข้าก็มอบของกำนัลมาก่อน เวลาของข้าล้ำค่ามาก ไม่มีเวลาไปรบรากับตาลุงที่โดดออกมาจากไหนไม่รู้ หากไม่ทันระวังพลั้งมือเอาจนตาย เดี๋ยวผู้คนจะใส่ร้ายว่าข้าทารุณกรรมคนแก่…”
เสียงอ่อนเยาว์ที่ยังคงเอื่อยเฉื่อยดังออกมาจากอาณาบริเวณ ‘เรือนซอมซ่อ’
“เจ้า…” กระบี่ที่ถึงเส้นด้ายขาดแต่ก็ยังคงลอยอยู่กลางอากาศ พุ่งเข้ามาจากข้างนอกตรอกไล่หมูโดยไม่รู้ว่ามาจากทิศไหน เส้นด้ายสั่นเล็กน้อย สะเทือนอากาศ ส่งเสียงออกมาอย่างโมโหสุดฤทธิ์ว่า “เจ้าจะเสียกิริยาไปหน่อยกระมัง คืนกระบี่วิเศษของข้ามา เจ้า…”
เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ที่ส่งกระแสจิตมาโมโหเสียแล้ว
แต่ ‘เรือนซอมซ่อ’ กลับเงียบลงอีกครั้ง
“คนแซ่หลี่ เจ้าทำเช่นนี้ก็เหมือนกับขโมย หมายความว่าอย่างไร? ช่างไร้ยางอายเป็นที่สุด… ” คนคนนั้นอดส่งกระแสจิตก่นด่ามาไม่ได้
“คิดว่าข้าไม่ฆ่าคนจริงๆ รึไง?” ในที่สุด เสียงอ่อนเยาว์ก็ดังออกมาจาก ‘เรือนซอมซ่อ’
เสียงก่นด่าเงียบลงทันที
ไม่มีใครกล้าเผชิญกับจิตสังหารของยอดฝีมือขั้นยอดปรมาจารย์ซึ่งๆ หน้า
“กระบี่เล่มนี้ถือว่าเป็นดอกเบี้ยเล็กๆ น้อยๆ โรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์คิดอยากจะกู้หน้า เช่นนั้นก็ต้องดูว่าข้ายินดีที่จะให้โอกาสพวกเจ้าหรือไม่ กลับไปบอกเซียนกระบี่สวรรค์ซะ ท้ารบข้าน่ะได้ แต่เอาเดิมพันที่ทำให้ข้าสนใจมา มิฉะนั้นข้าไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเจ้า ไสหัวไปเถอะ”
เสียงของหลี่มู่ดังออกมาอีก
ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยอำนาจยิ่งใหญ่ ยังไม่ทันสิ้นเสียงก็เห็นเส้นด้ายเล็กละเอียดที่เดิมลอยอยู่กลางอากาศส่งเสียงระเบิดออกทันใด จากนั้นก็เห็นสายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งทาบทับไปบนนั้นแล้วหอบม้วนมันออกไปในชั่วพริบตา ไกลออกไปจากตรอกไล่หมูทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราวแปดลี้มีเสียงร้องตื่นตระหนกดังขึ้น ก่อนจะกลายเป็นเสียงครวญครางเบาๆ
หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุและเทพพยากรณ์ก็สัมผัสได้เหมือนกัน นั่นคือพลังของอัสนีที่อาศัยเส้นด้ายส่งพลังราวกับสาวไปตามเถาแตง และทำร้ายผู้แข็งแกร่งโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ที่ควบคุมเส้นด้ายจนบาดเจ็บหนัก
เป็นวิธีที่ล้ำนัก!
สมกับที่เป็นยอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์
ว่ากันว่ายอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์คนนี้เมื่ออยู่สกุลโจวก็เรียกสายฟ้าสีม่วงนับหมื่นนับพันมาราวกับเทพอัสนีมาจุติ เป็นดั่งคำร่ำลือจริงๆ อาศัยแค่วิชาเรียกสายฟ้าเมื่อครู่ก็พอจะเทียบกับอุบายของจอมเวทหกดาวได้แล้ว
ตอนนี้เอง เสียงของหลี่มู่ดังออกมาจาก ‘เรือนซอมซ่อ’
“โจวเต๋อเต้า อยากช่วยลูกชายของเจ้าใช่หรือไม่?”
ประธานสมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลที่รออยู่ข้างๆ ด้วยใจร้อนดั่งไฟสุมได้ยินดังนั้นก็รีบมายังหน้าประตูใหญ่ พูดเสียงดังว่า “ขอรับๆๆ ท่านหลี่มู่ได้โปรดยั้งมือ ไว้ชีวิตลูกชายของข้า นับจากวันนี้ไป ข้าจะสั่งสอนเขาอย่างเข้มงวด ให้เขากลับเนื้อกลับตัวใหม่…”
เสียงหลี่มู่ตัดบทคำพูดของเขาทันที “วันข้างหน้าจะกลับตัวหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของครอบครัวเจ้า ไม่กลับตัวก็ยังมีคนที่จะจัดการเขา หลายปีมานี้เรื่องที่ลูกของเจ้าก่อขึ้นในเมืองเจ้าก็น่าจะรู้ดี สมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร เจ้ากลับไปเตรียมเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทองส่งบรรณาการมา แล้วข้าจะแก้อาคมที่อยู่ในกายโจวอวี่ ละเว้นชีวิตเขาไว้”
“อะไรนะ?” โจวเต๋อเต้าอึ้งตะลึงไปในทันที
หนึ่งหมื่นตำลึงทอง?
นี่เท่ากับทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของสมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผลแล้ว
โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยกระมัง
หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์พลังพายุและเทพพยากรณ์เบิกตากว้าง
มารดามันเถอะ นี่ใช่ไหมถึงจะเป็นการปล้นทรัพย์ที่แท้จริง?
……………………………………………………