จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 180 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว?
แน่นอนว่าหลี่มู่ไม่ได้จะไปหาฮวาเสี่ยงหรงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์หลังได้รับชัยชนะครั้งใหญ่มา
เขายังไม่มีความคิดเช่นนั้น
เหตุที่ยังไม่กลับไปตรอกไล่หมู แต่ไปหน่วยเลี้ยงรับรองก่อน ก็เพราะเขาอยากจะตีเหล็กเมื่อยังร้อน ไปหอสดับเซียนชมการร่ายรำของฮวาเสี่ยงหรงก่อนที่ความเข้าใจจากศึกกับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์จะหายไป และอาศัยพลังทางลัดจากกายเต๋าฟ้าประทานผลักดันความเข้าใจนี้ให้ก้าวไปอีกขั้น
เขาใกล้จะกลายเป็นผู้คลั่งไคล้การต่อสู้อย่างแท้จริงแล้ว
นี่ก็เพราะเขาเข้าใจในระบบของการฝึกยุทธ์และระดับพลังแล้ว เขาจึงยิ่งสัมผัสได้ถึงความยากลำบากในการก้าวเข้าสู่ขั้นทะลวงสวรรค์ให้ได้ภายในยี่สิบปี ดังนั้นเขาจะต้องแข่งกับเวลา
……
“หึๆ ยังรอหลี่มู่อะไรนั่นมาช่วยเจ้ารึ?”
ชายชราชุดดำใบหน้าชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมนั่งอยู่ในห้องชาในห้องส่วนตัวของฮวาเสี่ยงหรง รินเองดื่มเอง ใบหน้าแฝงแววเยาะหยันบางๆ
ข้างหลังเขามีจอมยุทธ์ที่สวมหน้ากากสีแดงเหลือบทองสองคน สวมชุดคลุมสีแดง รองเท้านักรบ ข้างเอวมีดาบโค้งห้อยอยู่ ราวกับเทพแห่งความตายผู้เงียบงันสององค์ แผ่กระจายรัศมีอำนาจที่ชวนให้คนหายใจไม่ออกออกมา
ฝั่งตรงข้าม ฮวาเสี่ยงหรง ซินเอ๋อร์ และแม่เล้าไป๋มีสีหน้าย่ำแย่ระคนโกรธแค้น
“คุณชายหลี่เป็นฝ่ายได้เปรียบบนเวทีประลองวันนี้ กำราบธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ได้ อีกไม่นานก็จะมาถึงเองเจ้าค่ะ” ซินเอ๋อร์ราวแม่ไก่พองขน ปกป้องฮวาเสี่ยงหรงไว้ข้างหลัง รวบรวมความกล้าแล้วพูดขึ้น
แม่เล้าไป๋ก็เอ่ยเช่นกัน “ใช่แล้ว พวกเราได้รับข่าวมา คุณชายหลี่มู่มีโอกาสชนะสูงมาก หลังจากเอาชนะธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ ชื่อเสียงและตำแหน่งของเขาจะต้องก้าวไปอีกขั้นแน่ ผู้คุมกฎเฉียนเจ้าน่าจะรู้ดี ยอดปรมาจารย์หนุ่มน้อยคนนี้ชื่นชมฮวาเอ๋อร์ หากเจ้าบังคับพานางไป ถึงตอนนั้นหากยอดปรมาจารย์โกรธขึ้นมา เกรงว่าพรรคจันทราโลหิตของเจ้าคงจะต้องปวดหัวแน่กระมัง?”
“ฮะ ฮ่าๆๆๆ” ชายชราชุดดำหน้าตาชั่วร้ายหัวเราะลั่น “ข่าวที่พวกเจ้าได้มาเกรงว่าจะล่าช้าไปหน่อยกระมัง หลี่มู่เมื่อแรกเริ่มก็ได้เปรียบจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่าข่าวล่าสุดที่ข้าได้มา กลับเป็นธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ทะลวงขั้นระหว่างสู้ศึก เลื่อนเข้าสู่ขั้นฟ้าประทานแล้ว”
“อะไรนะ? ไม่ เป็นไปไม่ได้” ฮวาเสี่ยงหรงร้องเสียงหลงตกใจ สีหน้าขาวซีดทันที
ถึงแม้นางจะไม่รู้เรื่องวรยุทธ์ แต่นางก็รู้ว่าขั้นฟ้าประทานคำนี้หมายถึงอะไร
แม่เล้าไป๋ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน
ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ทะลวงสู่ขั้นฟ้าประทาน?
เมื่อก้าวสู่ขั้นฟ้าประทาน อิทธิฤทธิ์จะมากล้น หากธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ไปถึงขั้นฟ้าประทานจริงๆ นั่นไม่ได้หมายความว่าหลี่มู่ไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อยเลยหรอกหรือ?
ไป๋เซวียนมองไปยังประตูด้วยสีหน้าลังเล
อย่างไรเสีย หอสดับเซียนก็ไม่ใช่หน่วยข่าวกรองมืออาชีพ ข่าวสารที่ส่งไปมาต้องใช้เวลาขณะหนึ่ง ดังนั้นข่าวที่ได้รับจึงล่าช้า ข่าวที่ส่งมาก่อนหน้านี้บอกว่าหลี่มู่ข่มธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ได้โดยสมบูรณ์ ข่าวที่ว่าธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ก้าวเข้าสู่ขั้นฟ้าประทานยังอยู่ระหว่างทางอยู่เลย
“หลี่มู่ก็แค่คนที่ต้องตายเท่านั้น” ผู้คุมกฏเฉียนในชุดดำหัวเราะเสียงเย็นน่าขนลุก “ประมุขพรรคจันทราโลหิตของข้าอัจฉริยะเป็นเลิศ พรสวรรค์ไม่เป็นสองรองใคร และยิ่งได้รับความโปรดปรานจากสำนักเทพ ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาชั้นยอด การผงาดขึ้นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์แล้วจะอย่างไร ต่อหน้าประมุขของข้าก็ยังคงไร้ค่า อ่อนแอเหลือคณาอยู่ดี แต่เดิมศึกท้าประลองที่เขายอดระกาก็คือวันที่หัวของมันต้องหลุดออกจากบ่า คิดไม่ถึงว่ามันจะอายุสั้น ไม่มีบุญได้สู้กับประมุขของข้าก็ตายอยู่ในเงื้อมมือของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เสียแล้ว ฮี่ๆ…ฮวาเสี่ยงหรงเจ้าก็เป็นแค่นางโลมหอโคมเขียว กล้าขัดคำสั่งของท่านประมุขรึ? เจ้ารู้ไหมว่าในเมืองฉางอันตอนนี้ แม้แต่ท่านเจ้าเมืองก็ใช่ว่าจะกล้าต่อกรกับประมุขของข้า”
แม่เล้าไป๋ได้ยินคำพูดเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนสีไปอีกรอบ
นางรู้ เรื่องที่ผู้คุมกฎเฉียนพูดมาเป็นเรื่องจริง
ช่วงนี้การขยายอาณาเขตของพรรคจันทราโลหิตรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ จากพรรคเล็กๆ พลันผงาดขึ้นมา คนที่ล่วงเกินพรรคจันทราโลหิตอย่างไม่ได้ตั้งใจมากมาย ไม่ว่าใครต่างก็หายตัวไปอย่างลึกลับ อีกทั้งทางการไม่เคยตรวจสอบ คนที่ตรวจสอบเรื่องนี้ก็หายตัวไปเช่นกัน
ครั้งนี้ ประมุขพรรคจันทราโลหิตบังคับจะเอาตัวฮวาเสี่ยงหรงไป แม่เล้าไป๋เซวียนแอบหาวิธีต่างๆ นานา คิดจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นผล แขกที่มีตำแหน่งสูงส่งในเมืองฉางอันต่างเตือนไป๋เซวียนทั้งอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจว่าอย่าได้ยั่วโทสะพรรคจันทราโลหิต เบื้องหลังของพรรคนี้มีอิทธิพลที่ผู้อื่นไปล่วงเกินไม่ได้
ต่อให้เป็นบุคคลเก่งกาจอย่างไช่จือเจี๋ยแห่งกองรักษาการณ์ฝั่งเมืองตะวันออก ก็ไม่ยอมยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยวในเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่ามีปัญหาอย่างมาก
หากหลี่มู่ตายอยู่บนเวทีประลองจริงๆ นั่นไม่ใช่ว่า…
แม่เล้าไป๋มองฮวาเสี่ยงหรงอย่างจนปัญญา เฮ้อ เด็กคนนี้ชีวิตช่างอาภัพนัก
“เป็นยังไง หึๆ แม่นางฮวา ข้าเตือนว่าเจ้าตัดใจเรื่องที่หลี่มู่จะมาช่วยเจ้าเสียเถอะ ไปรับใช้ใต้เท้าของข้าแต่โดยดีเสีย…” ชายชราหน้าตาชั่วร้ายเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
ทว่า ฮวาเสี่ยงหรงตอนนี้ในสมองกลับว่างเปล่า
คนอื่นพูดอะไรนางไม่ได้ยินทั้งนั้น
ในใจของนางมีเพียงหลี่มู่คนเดียว
หากคุณชายหลี่มู่…จริงๆ เช่นนั้นนางจะตามไปเป็นเพื่อนเขา
ใบหน้าของฮวาเสี่ยงหรงปรากฏเจตจำนงว่าจะตาย
“ให้ข้าไปพรรคจันทราโลหิต เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด” สีหน้าของนางแน่วแน่ สงบนิ่ง ความหวาดกลัวก่อนหน้านี้หายไปสิ้น “หากคุณชายหลี่โชคร้ายดับดิ้น เช่นนั้นข้าจะตามเขาไปยังปรภพด้วย อยู่ไปก็ไม่ได้มีเรื่องน่ายินดีอะไร ความตายไม่มีอะไรน่ากลัว ก็แค่…ตายเท่านั้น”
“คุณหนู ไม่ได้นะ ท่าน…” ซินเอ๋อร์กระวนกระวายแล้ว
ผู้คุมกฎเฉียนโมโหสุดขีด ผุดลุกขึ้นทันที กล่าวว่า “หึ จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังไม่รู้จักดีชั่ว คิดจะตาย? ง่ายแบบนั้นเสียที่ไหน หากอยู่ในมือของข้าต่อให้เจ้าอยากตายก็ตายไม่ได้…”
พูดจบก็ลงมือทันที ตราประทับฝ่ามือกำลังภายในพุ่งออกมาจากกลางฝ่ามือเขา คว้าไปยังฮวาเสี่ยงหรง
ผู้คุมกฎเฉียนคนนี้คือยอดฝีมือ
แต่ทว่า…
ตูม!
เสียงระเบิดดังกังวาน
ประกายแสงกลุ่มหนึ่งพลันถาโถมออกมาจากร่างของฮวาเสี่ยงหรง สะเทือนจนมือกำลังภายในนั้นสลายไป
“หืม?” ร่างของผู้คุมกฎเฉียนโซเซ สีหน้าแดงก่ำ พูดขึ้นอย่างตื่นตกใจ “เจ้า เจ้าเป็นวรยุทธ์งั้นรึ เจ้า…เจ้าเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นยอดปรมาจารย์?”
ฮวาเสี่ยงหรงงุนงง
แม่เล้าไป๋เซวียนและซินเอ๋อร์ตกใจยิ่งกว่าผู้คุมกฎเฉียนเสียอีก
……
“เอ๋?”
สีหน้าของหลี่มู่เปลี่ยนไปทันใด
มีคงลงมือกับฮวาเสี่ยงหรง?
เขาสัมผัสได้ว่าค่ายกลในจี้หยกที่ตนให้ฮวาเสี่ยงหรงถูกกระตุ้นใช้งานแล้ว
ฟุ่บ!
ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าพุ่งไปยังหอสดับเซียนราวกับดาวตก กระโดดไปบนสิ่งก่อสร้างทั้งสองฝั่งถนนไม่หยุด รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เพียงชั่วพริบตาก็หายไปจากครรลองสายตาของเจิ้งฉุนเจี้ยน
เกิดอะไรขึ้น?
เจิ้งฉุนเจี้ยนตะลึง ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“ไป!”
เขากระตุ้นม้าหนุ่มสีดำ พาเสือดาวเบญจมาศพุ่งไปหอสดับเซียนอย่างรวดเร็ว
หลี่มู่ว่องไวมาก ราวสายฟ้าแลบก็ไม่ปาน
สายลมแผดเสียงหวีดหวิวผ่านข้างหู
ในเวลาแค่ยี่สิบกว่าอึดใจ เขาก็มาอยู่หน้าหอสดับเซียนแล้ว
ฟิ้ว!
หลี่มู่พุ่งขึ้นมายังระเบียงชั้นสามทันที จากนั้นผลักประตูเดินเข้าไปข้างใน
ข้างในคือห้องชาภายในห้องส่วนตัวของฮวาเสี่ยงหรงนั่นเอง
หลี่มู่กวาดสายตาไปก็เห็นฮวาเสี่ยงหรง ซินเอ๋อร์ และไป๋เซวียนทั้งสามคนที่สีหน้าโศกเศร้าโกรธแค้นหวาดกลัว แล้วจึงเห็นชายชราชุดดำกับจอมยุทธ์ที่สวมหน้ากากสีแดงเหลือบทองสองคนนั้น
“คุณชายหลี่?” ฮวาเสี่ยงหรงส่งเสียงร้องอย่างยินดี
แม้แต่ฝันนางก็ยังไม่นึกว่าหลี่มู่ที่ผู้คุมกฎเฉียนพูดว่าตายแน่นอนจะผลักประตูเข้ามาปรากฏตัวเบื้องหน้าตนเช่นนี้
ภายใต้ความดีใจและตื่นเต้น นางไม่แม้แต่จะคิด พลันพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่มู่และกอดเขาเอาไว้แน่น
“เอ่อ?” มีสาวงามอยู่ในอ้อมกอด หลี่มู่อึ้งไปทันที
รุกกันขนาดนี้เลย?
ใจร้อนขนาดนี้เลย?
จำได้ว่าครั้งที่แล้ว แม่นางคนนี้ยังหวงตัวอยู่เลยนี่นา
หลี่มู่ไม่เข้าใจสถานการณ์ ทำได้แค่กางแขนเอาไว้ ไม่กล้ากอดฮวาเสี่ยงหรง เรื่องฉวยโอกาสแต๊ะอั๋ง…ถึงแม้เขาก็อยากทำยิ่ง แต่ว่ายังไม่มีพื้นฐานของความชอบพอนี่
“อะไร?” ผู้คุมกฎเฉียนตกใจเช่นกัน
หลี่มู่?
เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือหลี่มู่?
ไม่ถูกสิ ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ที่เข้าขั้นฟ้าประทานควรจะจัดการเขาตายไปบนเวทีแล้วมิใช่หรือ?
ทำไมถึงมีชีวิตกลับมาได้?
หรือธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์จะมีใจเมตตาไม่ฆ่าเขา?
แต่ว่า ไม่นานนักผู้คุมกฎเฉียนก็ใจเย็นลง
หึ หลี่มู่มาแล้วจะอย่างไร?
เขาหัวเราะเสียงเย็น พูดขึ้นว่า “เหอะๆ ช่างเป็นภาพที่น่าซาบซึ้งใจจริงๆ ความรักของคนหนุ่มสาว…ฮวาเสี่ยงหรง หากเจ้าไม่อยากให้หลี่มู่ตายไร้ที่ฝัง เช่นนั้นก็ตามข้าไปพบท่านประมุขเสีย แล้วปรนนิบัติรับใช้ให้ดี บางทีวันท้าประลองประมุขของข้าอาจจะปล่อยมันไปก็ได้ ไม่เช่นนั้น ฮี่ๆ…”
ฮวาเสี่ยงหรงตัวสั่นทันที
หลี่มู่ขมวดคิ้ว หันไปหาแม่เล้าไป๋เซวียนก่อนจะถาม “เจ้าบ้าคนนี้เป็นใคร?”
ตอนนี้แม่เล้าไป๋เซวียนเรียกสติกลับมาได้บ้าง จึงรีบบอกที่มาที่ไปของเรื่องราวต่างๆ อย่างง่ายๆ รอบหนึ่ง
“พรรคจันทราโลหิต?” หลี่มู่ตกใจ คิดไม่ถึงว่าพรรคจันทราโลหิตอยู่ในเมืองฉางอันจะมีอำนาจเช่นนี้ ในข้อมูลที่ตรวจสอบมาก่อนหน้า พรรคนี้เป็นพรรคเล็กๆ ที่แม้แต่เข้าขั้นยังทำไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ?
“ฮี่ๆ ใช่แล้ว ข้าคือเฉียนตัวผู้คุมกฎแห่งพรรคจันทราโลหิต” ผู้คุมกฎเฉียนในชุดคลุมสีดำหัวเราะเสียงเย็นอย่างหยิ่งทะนง “หลี่มู่ ในเมื่อเจ้ารอดกลับมาได้ หึๆ เช่นนั้นข้าจะเตือนเจ้าด้วยความหวังดี หากไม่อยากตายก็ปล่อยตัวหญิงในอ้อมแขนเจ้าเสีย นางไม่ใช่คนที่เจ้ามีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวด้วย”
“ข้าก็เตือนเจ้าด้วยความหวังดีเหมือนกัน ปาดคอตัวเองฆ่าตัวตายเสีย แล้วข้าจะไว้ศพทั้งร่างให้เจ้า มิเช่นนั้น เจ้าจะตายได้อย่างน่าอนาถยิ่ง” สีหน้าของหลี่มู่เย็นชา
‘มารดามันสิ ถึงแม้ฮวาเสี่ยงหรงจะยังไม่ใช่ผู้หญิงของเราโดยสมบูรณ์ แต่ในหอสดับเซียนมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเราบอกแล้วว่าจะปกป้องนาง เจ้าบ้านี่โผล่มาจากไหนกัน อวดดีกล้าลงไม้ลงมือกับนาง แล้วยังกล้าวางท่าต่อหน้าอีก สมควรตายจริงๆ’
“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ” ผู้คุมกฎเฉียนหัวเราะลั่น “นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ข้าได้ยินในวันนี้เลย หลี่มู่ เก็บท่าทีเช่นนั้นของเจ้าไปเสียเถอะ ชื่อเสียงยอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์ไม่มีความหมายอะไรกับข้าแม้แต่น้อย ในพรรคของข้ามียอดปรมาจารย์เยอะแยะไป…”
ยังพูดไม่ทันจบ
เสียงฝีเท้ารีบร้อนก็ดังขึ้นมา
“ผู้คุมกฎ ผู้คุมกฎเฉียน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” สายสืบของพรรคจันทราโลหิตคนหนึ่งรีบพุ่งเข้ามา สีหน้าลนลาน
ผู้คุมกฎเฉียนสีหน้าเย็นชา “ลนลานอะไรกัน ใช้ได้ที่ไหน…มีเรื่องอะไร?”
สายสืบคนนั้นอ้าปากจะพูดอะไร พอเห็นหลี่มู่อยู่ด้วยก็ตะลึงไปทันที ท่าทางราวกับเจอผี อ้าปากแต่กลับพูดอะไรไม่ออก สั่นสะท้านไปทั้งร่าง
…………………………