จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 261 ตราดัชนีทอง
กร๊อบ!
ท่ามกลางเสียงดังกังวาน โล่แสงตราหยกพร่างพรายทลายลงเป็นชิ้นๆ แทบจะในชั่วเสี้ยวพริบตา
จากนั้นร่างของซ่างกวนอวี่ถิงก็กะพริบแสงสีต่างๆ ไม่หยุด พลังคุ้มกันแปลกประหลาดแต่ละอย่างปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ แต่สุดท้ายก็ยากจะต้านทานตราดัชนีที่พลังทำลายท้องฟ้านั่นได้
ตราสีทองที่ราวดัชนีแห่งเทพกระแทกเข้ากับร่างของซ่างกวนอวี่ถิง
ภาพเหมือนจะหยุดนิ่งไปในทันที
แสงประกายสีทองที่กะพริบอยู่ดุจตราดัชนีพุ่งลงมาจากสวรรค์ ปะทะร่างของซ่างกวนอวี่ถิงราวกับบี้มดอย่างไรอย่างนั้น และในเสี้ยวขณะนี้เอง เลือดพุ่งออกมาจากหูตาจมูกปากของนางดั่งหมอกเลือด จากนั้นจึงถูกประกายสีทองราวแสงเพลิงแผดเผาทันที!
นี่เป็นภาพที่โหดร้ายนัก
ใบหน้าของซ่างกวนอวี่ถิงอึ้งงัน
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีทำลายล้างเช่นนี้มาอย่างกะทันหันมาก เมื่อครู่นางจับสังเกตถึงจิตสังหารได้รางๆ จึงตั้งตัวป้องกัน แต่กลับไร้ประโยชน์ ตราดัชนีทองแฝงไว้ด้วยพลังฟ้าดิน นางในตอนนี้ไม่อาจต้านทานได้เลย
อากาศเหมือนจะแข็งค้างไปในชั่วขณะ
การเปลี่ยนแปลงเฉียบพลันนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์หรือเสียงวิหคสวรรค์ล้วนคาดไม่ถึงทั้งสิ้น
เวลาเพียงชั่วพริบตา จิ้งจอกขาวตัวน้อยต๋าจี่ที่เกาะอยู่บนไหล่ของซ่างกวนอวี่ถิงหันไปแยกเขี้ยวยิงฟันร้องขู่ดัชนีทอง แต่แทบจะในขณะเดียวกัน ก็ถูกสะเทือนออกไปกระแทกกำแพงที่อยู่ไกลๆ อย่างรุนแรงจนเกิดเป็นโพรง เป็นตายไม่อาจรู้ได้
ส่วนเสือดำเบญจมาศที่อยู่ใกล้กับซ่างกวนอวี่ถิงมากที่สุด ด้วยความต่างของพลังจึงไม่ทันได้ตั้งตัวเลย พลังกลุ่มนั้นเฉียดผ่านไป ร่างของมันตั้งแต่ครึ่งท่อนล่างลงไปราวกับถูกแสงเพลิงทองหลอมละลาย
ประหนึ่งว่าชั่วพริบตานี้เหมือนหนึ่งศตวรรษ
สุดท้าย แสงเพลิงตราดัชนีทองค่อยๆ สลายไป ทุกอย่างถึงจะเหมือนกลับคืนสู่ปกติ
ร่างของฮวาเสี่ยงหรงสูญเสียพลังยืนหยัด หงายหลังล้มตึงไปช้าๆ
ผมยาวดำขลับเหมือนเมฆดำปลิวสยาย กระเซอะกระเซิงท่ามกลางสายลม
“พี่ฮวา…” ใบบรรดาคนทั้งหมด เหลยอินอินเป็นคนแรกที่ตั้งสติกลับมาได้ นางพุ่งออกมารับร่างของซ่างกวนอวี่ถิงที่ใกล้จะร่วงกระแทกพื้นเต็มทีไว้
นางเอามืออังจมูก ยังมีลมหายใจอยู่แผ่วๆ
แต่ซ่างกวนอวี่ถิงเข้าสู่สภาวะหมดสติอย่างสิ้นเชิง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นดั่งความฝัน ตราดัชนีแห่งเทพของแสงเพลิงทองแผ่ขยายมากะทันหันเกินไป ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีร่องรอยเลยแม้แต่น้อย ความแข็งแกร่งของพลังเกินกว่าจินตนาการของทุกคน ไม่ใช่พลังในโลกมนุษย์เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นการลงทัณฑ์จากเทพที่มาจากสรวงสวรรค์
ในขอบเขตระยะหลายลี้ สรรพชีวิตทั้งหมดล้วนระแวดระวัง วิญญาณสั่นสะท้าน
“พี่ฮวา…” เหลยอินอินกอดซ่างกวนอวี่ถิงเอาไว้ด้วยสีหน้าร้อนรน
นอกจากลมหายใจ ชีพจรของซ่างกวนอวี่ถิงยังเหลืออยู่แผ่วเบา ไม่ขาดไปอย่างสิ้นเชิง แต่ร่องรอยของชีวิตก็มีเพียงเท่านี้ เหลยอินอินเป็นจอมยุทธ์ พลังไม่สูง แต่หากวิเคราะห์สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดในเสี้ยวขณะก็ไม่เป็นปัญหา
“นี่มัน…เรื่องอะไรกัน?” เฮ่ออวิ๋นเสียงก็อยู่ในสภาวะงงงัน
เขาหันกลับไปมองเถี่ยจ้านและผู้แข็งแกร่งสำนักดับนิวรณ์คนอื่นๆ ทุกคนต่างอยู่ในสภาวะอึ้งตะลึงไปเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ไม่เข้าใจสถานการณ์
พวกเจ้าสำนักบัณฑิตชวีพุ่งมาล้อมซ่างกวนอวี่ถิงเอาไว้
ครึ่งร่างของเสือดำเบญจมาศถูกพลังที่น่ากลัวนั้นหลอมละลายทันที เห็นได้ชัดว่าไม่รอดแล้ว ไม่มีลมหายใจอีก แต่จิ้งจอกขาวที่น่าจะได้รับการโจมตีหนักยิ่งกว่ากลับปีนออกมาจากกำแพง ดิ้นรนคลานมายังข้างกายซ่างกวนอวี่ถิง ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด ขณะร้องจิ้วๆ น้ำตาก็ตกลงบนร่างของนาง…
เฮ่อวิ๋นเสียงอึ้งไปขณะหนึ่ง จากนั้นพลันตั้งสติกลับมา
นี่เป็นโอกาสอันดีนี่นา
จอมมารจันทราโลหิตหนีไป ฮวาเสี่ยงหรงบาดเจ็บสาหัสหมดสติ คนที่เหลือจะมีใครต้านทานเขาได้?
นี่ไม่ใช่โอกาสหายากที่จะจับหลูติ่งชั้นยอดอย่างเหลยอินอินหรอกหรือ? อีกทั้งฮวาเสี่ยงหรงก็เป็นสาวงามชั้นยอด ต่อให้สลบไสล แต่อย่างไรก็ยังไม่ตาย ยังคงลิ้มรสได้อยู่…
เขาแอบส่งสัญญาณให้กับยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์ที่อยู่ข้างๆ
ยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์รับรู้ จึงล้อมเข้ามาอย่างเงียบงัน
“พวกเจ้าจะทำอะไร?” เหลยอินอินหวาดระแวง เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็ตวาดไปทันที
เฮ่ออวิ๋นเสียงเห็นดังนั้นก็พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม หัวเราะเหี้ยมเกรียมและกล่าวว่า “ทำอะไรรึ หึๆ เจ้าว่าอย่างไรเล่า? ตอนนี้ยังจะมีใครคุ้มกะลาหัวเจ้าได้ หลี่มู่ต้องตายด้วยเงื้อมมือ ‘เทพสังหารผมสีชาด’ อาจารย์ของข้าแล้วเป็นแน่ เจ้าจะต้องกลายเป็นหลูติ่งของข้า ฮี่ๆ…”
คนของสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์โกรธแค้นจนถึงขีดสุดทันที เตรียมจะสู้สุดชีวิต
และในตอนนี้เอง แผ่นดินพลันสั่นราวเกิดแผ่นดินไหว
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างตื่นตะลึง อกสั่นขวัญแขวนอีกรอบ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ การเปลี่ยนแปลงมากมายไม่หยุดหย่อน ใครก็ไม่อาจรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก…
ไม่นานนัก ร่างเงาหนึ่งก็ร่วงลงจากฟ้ามายังหน้าประตูสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ราวดาวตก
ร่างสูงโปร่ง ผมสั้นสีดำ
ไม่ใช่หลี่มู่แล้วจะเป็นใคร?
เฮ่ออวิ๋นเสียงแค่เห็น ใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ
ไม่ควรเป็นเช่นนี้ ทำไมคนที่กลับมาถึงเป็นหลี่มู่?
หลี่มู่ทำไมมีชีวิตกลับมา เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่า…
เขาร้องเสียงดัง “หลี่มู่ อาจารย์ข้าอยู่ที่ไหน?”
หลี่มู่ขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกไม่เป็นสุขบางอย่าง เขารู้สึกถึงพลังมหาศาลที่น่ากลัวกลุ่มนั้นมาแต่ไกล เขาลงมาที่พื้น กวาดมองไปรอบด้าน และพลันรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกๆ สายตาเขาหยุดอยู่ที่ร่างซ่างกวนอวี่ถิงซึ่งสลบไสลท่ามกลางฝูงชน แค่เห็นก็หน้าเปลี่ยนสี “เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณชายหลี่ ท่านกลับมาแล้ว…รีบช่วยพี่ฮวาเร็วเข้า…” เหลยอินอินพูดอย่างร้อนใจ
ภาพเบื้องหน้าทุกคนพร่าเลือน
ฟุ่บ
หลี่มู่มาถึงข้างกายซ่างกวนอวี่ถิง แล้วกอดนางเอาไว้
เมื่อใช้พลังจิตวิญญาณตรวจดู ภายใต้การกวาดมองจากเนตรสวรรค์ หลี่มู่ก็รู้อาการบาดเจ็บทุกอย่าง
บาดเจ็บสาหัสมาก
ไม่ใช่แค่อวัยวะภายในสะเทือนจนแหลก แม้แต่สมองยังได้รับบาดเจ็บหนัก สิ่งที่ ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ฝึกฝนคือหนีหวานกง พูดได้ว่าเป็นทะเลความรู้สึกของมนุษย์ หากสมองได้รับบาดเจ็บสาหัส หนีหวานกงแหลกทลาย ทะเลความรู้สึกสั่นคลอนเสียหาย หมายความว่าพลังฝึกวิชาเวทที่ซ่างกวนอวี่ถิงฝึกฝนหลายวันมานี้ถูกทำลายหมดแล้ว
สำหรับคนทั่วไป อาการบาดเจ็บเช่นนี้พูดได้ว่าจบชีวิตคนคนหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ซ่างกวนอวี่ถิงยังไม่ตาย
ขอแค่ไม่ตาย ก็ยังมีหวังที่จะช่วยชีวิตกลับมา
ในใจของหลี่มู่ทั้งตกใจทั้งโมโห ทั้งปวดใจทั้งยากจะเชื่อได้
ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้?
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
จากนั้น เขาก็มองไปยังเสือดำเบญจมาศที่สูญเสียครึ่งท่อนล่างไป ในดวงตาหลงเหลือประกายเสี้ยวสุดท้าย อาการบาดเจ็บเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าหนักเกินยื้อไว้ เมื่อเห็นหลี่มู่ แววตาของมันก็ฉายแววโล่งใจ ก่อนจะสงบนิ่งลง สุดท้ายจึงคอตก หมดซึ่งลมหายใจอย่างสมบูรณ์
หลี่มู่โศกเศร้าสาหัสนัก
“จิ้วๆ จิ้วๆๆๆ…” ลูกจิ้งจอกขาวน้อยต๋าจี่กระดูกขาหลังหัก คลานอยู่บนพื้น ขนขาวย้อมไปด้วยเลือด มันเกาะชายเสื้อของหลี่มู่พลางร้องอย่างโศกเศร้า
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?” หลี่มู่ตาแดงก่ำดุจย้อมด้วยเลือด
จิตสังหารพลุ่งพล่านในใจของหลี่มู่
กลิ่นอายที่ชวนให้คนหวาดผวาแผ่ออกมาจากร่างของเขา
พวกเหลยอินอินก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวเป็นระลอก แล้วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คร่าวๆ รอบหนึ่ง
“ตราดัชนีทอง…เป็นพลังฟ้าดิน ในอากาศของที่นี่ยังมีพลังฟ้าดินหลงเหลืออยู่…” เนตรสวรรค์ของหลี่มู่เบิกขึ้นกวาดมองรอบด้าน ถึงแม้จะไม่อาจจับกลิ่นอายได้อีก แต่ก็ยืนยันได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ลอบโจมตี
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
ในหัวของหลี่มู่ผุดความคิดขึ้นมามากมาย
ขั้นเหนือมนุษย์คนไหนเลวทรามต่ำช้าถึงขั้นลงมือลอบโจมตีคนรุ่นหลัง?
เขาไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เขามอบของวิเศษคุ้มกายต่างๆ ไว้ให้ซ่างกวนอวี่ถิงมากมาย ต่อให้ผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานสูงสุดปรากฏตัวขึ้น และโจมตีเต็มกำลัง ก็ไม่มีทางทำร้ายนางได้ถึงขั้นนี้ อย่างน้อยก็ไม่พ่ายแพ้ แต่ทำไมถึงมีผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ลงมือได้?
เป็นใครกัน?
หลี่มู่คิดไม่ออก
“หลี่มู่ เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ของข้า? ท่านอยู่ที่ไหน?” เฮ่ออวิ๋นเสียงกล่าวเสียงสั่น ถามเสียงดัง “ทำไมถึงมีแต่เจ้าคนเดียวที่กลับมา…” ท่าทางของเขาค่อนข้างคลุ้มคลั่ง นี่ไม่ใช่เขาเป็นห่วงอาจารย์ของตัวเองอะไร แต่เขาใกล้จะบ้าจากการคาดเดาอันน่ากลัวในใจเต็มทีแล้ว
หลี่มู่หันหน้ามา ในดวงตามีจิตสังหารชวนขนลุกหมุนวน “ตายแล้ว”
“อะไรนะ?” เฮ่ออวิ๋นเสียงได้ยินแล้วก็ตกใจจนแทบบ้า “ไม่มีทาง เจ้า…”
“เจ้าก็ตามเขาไปแล้วกัน…ตาย” หลี่มู่ดวงตาแดงก่ำ
ภายใต้ความโกรธเคือง เขาคร้านจะพูดกับคนสารเลวคนนี้ให้มากความ พลังจิตวิญญาณปะทุ เศษดาบวัฏจักรชิ้นที่ใหญ่ที่สุดประมาณยี่สิบฉื่อที่เก็บเอาไว้พุ่งออกมาจากมิติเก็บของราวสายฟ้า ก่อนวนรอบคอเฮ่ออวิ๋นเสียง ตัดศีรษะเขาในพริบตา
ตุบ!
ศีรษะร่วงลงพื้น
ยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์ที่อยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดี ก็หมุนตัวหนีไปทันที
ทว่า เศษดาบวัฏจักรบินพุ่งออกไปรวดเร็วราวสายฟ้า สังหารยอดฝีมือสำนักดับนิวรณ์ประหนึ่งเสียบถังหูลู่ ที่ตรงนั้นไม่เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว
รับมือกับจอมยุทธ์แบบนี้ กระบวนท่าดาบเหินหาวเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน สังหารได้ในพริบตา
“เจ้า…” เจ้าสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์เถี่ยจ้านตกใจจนขาสั่น
หลี่มู่กวาดตามอง “เจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน”
แสงดาบเพียงกะพริบวาบ
ศีรษะเถี่ยจ้านขาดกระเด็น
“อ๋า?”
คนของสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ตกใจจนขวัญหนี
หลี่มู่ในตอนนี้นัยน์ตาแดงก่ำ หน้าตาน่ากลัว ราวกับเทพสังหารจากนรกมาเยือนโลก ชวนให้คนหวาดกลัว
เศษดาบวัฏจักรแหวกท้องฟ้ามาดั่งสายอัสนี แต่เมื่อใกล้จะแทงทะลุหน้าผากของลูกศิษย์หนุ่มสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์คนหนึ่งก็พลันหยุดลง
“อย่าฆ่าข้า…” ลูกศิษย์หนุ่มคนนั้นอายุประมาณสิบห้าสิบหกเท่านั้น เขาหลับตากรีดร้อง
“คุณชายหลี่…” เหลยอินอินเป็นห่วงสภาพของหลี่มู่ยิ่งนัก
เศษดาบวัฏจักรบินกลับมา
“เจ้าสำนักชวี รบกวนพวกท่านส่งร่างของเสือดำมายังเรือนซอมซ่อให้ข้าด้วย” หลี่มู่อุ้มซ่างกวนอวี่ถิงและจิ้งจอกสีขาวตัวน้อยต๋าจี่ที่ร้องอย่างเศร้าโศกอยู่ข้างๆ ไว้ในอ้อมกอด ก่อนกระตุ้นวิชาเวทลม ข้างหลังมีปีกคู่หนึ่งงอกขึ้นมา แล้วพุ่งไปยังเรือนซอมซ่อเหมือนลำแสง
ซ่างกวนอวี่ถิงยังมีหนทางรอด
หลี่มู่คิดได้วิธีหนึ่ง
ดังนั้น รีบกลับไปช่วยคนก่อนสำคัญกว่า
แต่อย่างไร แค้นนี้ก็ต้องชำระ
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ข้ารู้ว่าเจ้าต้องแอบมองอยู่ในที่ลับตาแน่ เจ้าจะต้องเสียใจ เชื่อข้า ข้าจะต้องหาเจ้าจนเจอแล้วสังหารเจ้าเสีย…ข้าขอสาบานด้วยชื่อของซินแสเฒ่า”
เสียงที่หลี่มู่ทิ้งเอาไว้ดังสะท้อนเหนือสำนักบัณฑิตเขาเหมันต์ราวสายฟ้าเทพ
……………