จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 295 พวกมันเป็นสิบแปดมงกุฎ
เฝิงหยวนซิงเห็นดังนั้น ก็ไม่คิดปิดบังอะไรอีก เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ออกมาจนหมด โดยพยายามใช้คำอ้อมๆ ให้มากที่สุด “เมื่อครู่เกิดการปะทะกันไม่นาน ชาวบ้านกับพี่น้องหลายคนก็ถูกคนทำร้าย ทว่าเรื่องราวไม่น่าจะบังเอิญเช่นนี้ กลุ่มของคุณชายหวงน่าสงสัยขอรับ”
“ไม่ใช่น่าสงสัย แต่เป็นมันนั่นละ”
“ต้องเป็นคนสกุลหวงคนนั้นแน่นอน”
“ใต้เท้าโปรดมอบความเป็นธรรมแก่พวกข้าด้วย”
ประชาชนและญาติพี่น้องของคนตายต่างคุกเข่าลงอ้อนวอน ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด พวกเขารู้ดีว่าตนไม่สามารถทำอะไรคุณชายหวงได้ จึงฝากความหวังเพียงหนึ่งเดียวไว้ที่หลี่มู่
ขณะที่พูดกันนั้น เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น “เฮอะ เจ้าพวกกลับกลอก มีหลักฐานอะไร? กล้ามาใส่ร้ายป้ายสีข้า ช่างกล้าหาญชาญชัยเสียเหลือเกิน”
ทุกคนหันไปมอง
บนใบหน้าของหวงเหวินหย่วนมีรอยยิ้มบางๆ เดินอาดเข้ามาจากประตูใหญ่
ด้านหลังเขา ผู้อาวุโสหลิวผมขาวใบหน้าเปล่งปลั่ง องครักษ์ผมขาวหน้าบาก และยังมีองครักษ์อีกหลายคนเดินเข้ามา
สายตาของหลี่มู่ตกอยู่บนตัวของหวงเหวินหย่วน รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังอันน่ากลัวยิ่ง
นี่คือผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์
ขั้นเหนือมนุษย์ที่ยังอายุน้อยนัก ภูมิหลังไม่ธรรมดา
จากนั้นสายตาของหลี่มู่กวาดไปยังหลิวฉง เขามองออกทันทีว่าชายชราผมขาวหน้าอ่อนเยาว์คนนี้ต่างหาก ถึงเป็นผู้ที่มีพลังน่าเกรงขามมากที่สุด คลื่นพลังบนตัวถูกซ่อนไว้ไม่เผยออกมา ดุจบ่อน้ำลึกที่มองไม่เห็นก้น ไม่เห็นคลื่นน้ำ ฝึกฝนจนถึงขั้นพลังที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งแล้ว สูงกว่าพลังของชายหนุ่มขั้นเหนือมนุษย์อย่างหวงเหวินหย่วนเสียอีก
ส่วนองครักษ์เฒ่าผมขาวหน้าบากผู้นั้น…เป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของขั้นฟ้าประทาน แต่สิ่งที่ควรสังเกตคือ บนตัวเขามีรังสีฆ่าฟันและกลิ่นคาวเลือดที่ยังไม่จางหาย น่าจะเพิ่งสังหารคนมา
ในใจของหลี่มู่ตัดสินบางอย่างได้แล้ว
“เจ้าคือหลี่มู่?” สายตาของหวงเหวินหย่วนจับจ้องทิ่มแทงมาที่หลี่มู่ หัวเราะเย็นชาก่อนเอ่ย “ข้าได้รับคำสั่งให้มารับหน้าที่เป็นขุนนางเมืองอำเภอนี้แทนเจ้า เจ้ากลับแกล้งเก็บตัวฝึกวิชา ปฏิเสธไม่ทำตามหน้าที่ เหอะๆ ใครกันที่ให้ความกล้าเจ้ามา?”
ประโยคนี้ของเขา ทำให้บรรดาประชาชนที่มามุ่งดูฮือฮาทันที
“อะไรนะ? ใต้เท้าหลี่จะไปแล้วหรือ?”
“ขุนนางเมืองคนใหม่?”
“ทำไมต้องโยกย้ายใต้เท้าหลี่ด้วย”
“ไม่นะ ใต้เท้าหลี่ห้ามไปนะ”
เสียงอุทานและคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ดังขึ้นราวภูเขาไฟระเบิด ผู้คนทั้งหมดต่างรู้สึกตื่นตระหนก กระทั่งเหล่าญาติที่กำลังอยู่ในอาการเศร้าโศก ยังต้องหันมามองหลี่มู่ด้วยอาการตกตะลึงยิ่ง
พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่หลี่มู่จะถูกปลดจากตำแหน่งขุนนางเมือง จึงรู้สึกรับไม่ได้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีขุนนางดีที่ทำเพื่อประชาชนจริงๆ เช่นนี้ ในเวลาไม่กี่เดือนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมารังแกแล้วแท้ๆ หากหลี่มู่จากไป ต้องกลับไปมีชีวิตเช่นแต่ก่อน นั่นก็เหมือนกับฝันร้ายชัดๆ
หลี่มู่ยกมือขึ้นปราม
ชาวบ้านที่อยู่ในอาการตื่นตระหนกเงียบเสียงลงทันที
“ไม่มีอะไร ข้าจะไม่ไปจากอำเภอขาวพิสุทธิ์ ทุกคนวางใจเถิด” หลี่มู่พูดอย่างเอาจริงเอาจัง “พวกนี้เป็นแค่สิบแปดมงกุฎเท่านั้น”
หวงเหวินหย่วนได้ยิน ก็แทบจะโซเซล้มคว่ำลงมาจากบันได
ว่าอะไรนะ?
เขามองหลี่มู่อย่างคาดไม่ถึง
เรื่องนี้หลี่มู่ไม่มีทางไม่รู้ แต่กลับกล้าพูดออกมาเช่นนี้?
เขาพึ่งพาอะไรอยู่?
เจ้านี่บ้าไปแล้วกระมัง?
ส่วนชาวบ้านไม่คิดอะไรมากอีก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็โห่ร้องยินดีทันที
หลี่มู่ยกมือชี้ไปที่องครักษ์ผมขาวหน้าบากด้านหลังหวงเหวินหย่วน เอ่ยขึ้นว่า “เจ้า ใช่แล้ว เจ้านั่นแหละ บนตัวเจ้ามีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปหมด เพิ่งสังหารคนไปสินะ ออกมา ประชาชนกับมือปราบเคราะห์ร้ายเหล่านี้ เจ้าเป็นคนสังหารกระมัง?”
องครักษ์ชราผมขาวหน้าบากคนนั้นสีหน้าเปลี่ยน หัวเราะเย็นเยียบ และกล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อย อย่าพูดอะไรพล่อยๆ”
หลี่มู่ยิ้มเย็นชา “กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ? ดี ดูท่าจะต้องจับกุมเจ้า ทรมานให้หนักๆ ถึงจะยอมพูดความจริงสินะ”
องค์รักษ์ผมขาวหน้าบากราวกับได้ยินเรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้น หัวเราะหยามเหยียดออกมา
หวงเหวินหย่วนก็ส่ายหน้าไปมา ก่อนกล่าวด้วยใบหน้าถากถางเยาะหยัน “เจ้าคนสกุลหลี่ เจ้าไม่ใช่ขุนนางเมืองอีกแล้ว ยังจะมาแสร้งทำอะไรตรงนี้อีก? ทำไม? ติดใจการเป็นขุนนางหรือ? ถึงตอนนี้ยังรู้สึกอยากใช้อำนาจ อยากไต่สวนคดีอีก?”
“เจ้าโง่อย่างเจ้ามาทางไหน ก็ไสหัวกลับไปทางนั้นเลย” หลี่มู่มองหวงเหวินหย่วน พูดอย่างไม่เกรงใจ “เดี๋ยวข้าจัดการเจ้าแก่หน้าบากขนขาวนี่ก่อน แล้วจะไปจัดการเจ้า…” ระหว่างพูด หลี่มู่มองไปยังองครักษ์เฒ่าผมขาวหน้าบาก และเอ่ยต่อว่า “เจ้าออกมาเองอย่างว่าง่ายดีกว่า หรือจะให้ข้าเข้าไปตัดขาเจ้าแล้วลากออกมา?”
เขาบันดาลโทสะแล้ว คำพูดคำจาจึงหยาบคาย ไม่เกรงใจอีกต่อไป
องครักษ์ผมขาวหน้าบากหัวเราะอย่างไม่แยแส “นับตั้งแต่ข้าเข้าร่วมทุ่งปิดภูผา ยังไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้าพูดกับข้าเช่นนี้ ข้า…”
“นั่นเพราะเจ้ายังไม่เคยเจอคนจริงอย่างไรเล่า” หลี่มู่คร้านจะพูดจาไร้สาระ ลงมือทันที
ร่างของเขากะพริบวูบราวภูตผี เพียงพริบตาก็มาปรากฏอยู่ด้านหน้าองครักษ์ชรา ห้านิ้วดุจกรงเล็บมังกรพุ่งไปตะครุบ พลังดัชนีดุจคมมีดคว้าอากาศสร้างคลื่นพลังเป็นชั้นๆ
ว่องไวมาก
องครักษ์ชราผมขาวหน้าบากรู้สึกเพียงภาพตรงหน้าพร่าเลือน หลี่มู่ก็เข้ามาถึงด้านหน้าแล้ว เขาตกตะลึง พลิกฝ่ามือจะชักดาบข้างเอวออกมา แต่เสียงกระทบดังขึ้น หลี่มู่เปลี่ยนกรงเล็บเป็นฝ่ามือ แล้วฟาดเข้าที่หลังมือของเขาด้วยความรวดเร็วที่มากกว่า เสียงแกรกดังขึ้น แขนขวาทั้งท่อนถูกซัดจนแหลกกลายเป็นเศษเนื้อราวกับแตงโมเน่า
“อ๊าก…” องครักษ์ชราผมขาวหน้าบากร้องโหยหวน
หลี่มู่พลิกมือคว้าไปที่คอหอยของเขา เสียงร้องครวญถูกบีบจนหดหายกลับไป จากนั้นหิ้วอีกฝ่ายขึ้นเหมือนหิ้วลูกเจี๊ยบ ร่างถอยฉากกลับมา
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นฉับไวปานสายฟ้าฟาด
คนแรกที่ตั้งตัวได้คือผู้อาวุโสหลิวฉง คิ้วขาวเลิกขึ้น จากนั้นส่งเสียงตะคอก “บังอาจ!” เขาส่งหนึ่งฝ่ามือมาทันที ปลายนิ้วเต็มไปด้วยแสงสีทอง ฟาดไปทางหลี่มู่พร้อมด้วยจิตสังหารที่คมกริบ เพียงพริบตา ในรัศมีรอบๆ ราวสามจั้ง พลังฟ้าดินพรั่งพรูอย่างบ้าคลั่ง ราวกับโซเหล็กก็มิปาน พลังแท้จริงของขั้นเหนือมนุษย์รุ่นอาวุโสสำแดงให้ประจักษ์อย่างเต็มที่
“ตาเฒ่า ดูแล้วก็แค่สุนัขในร่างคน ไม่ใช่อะไรวิเศษวิโส”
หลี่มู่มือข้างหนึ่งหิ้วองครักษ์หน้าบาก มืออีกข้างแบออกก่อนกดประทับไปตรงๆ
“รนหาที่ตาย” ดวงตาทั้งสองของหลิวฉงมีจิตสังหารไหลวน
กล้าปะทะฝ่ามือกับข้า?
เจ้ารนหาที่ตายเองแท้ๆ
ถือโอกาสนี้ใช้ฝ่ามือปิดฉากสังหารเจ้าตัวหายนะนี้ให้สิ้นซากไปเลยแล้วกัน
ชั่วพริบตา เขาเร่งพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พลังความมืดแผ่ซ่านออกจากกลางฝ่ามือ
ตูม!
สองฝ่ามือปะทะกัน ระลอกพลังดั่งคลื่นยักษ์พลันระเบิดปะทุโดยมีสองฝ่ามือนี้เป็นศูนย์กลาง ราวกับภูเขาแม่น้ำแยกออกจากกัน
หลิวฉงรู้สึกเพียงข้อมือสั่นสะเทือนรุนแรงเหมือนกระดูกหัก ความเจ็บปวดแล่นเข้ามา
ขณะเดียวกัน พลังความมืดที่ส่งออกไปนั้นหายวับไร้ร่องรอย ประหนึ่งวัวดินจมลงสมุทร
เขาร้องเสียงต่ำ ร่างกายสั่นสะเทือน ไหวเอนไปมาอยู่ที่เดิม
หลี่มู่กลับถอยไปด้านหลังราวปุยขาวของเมล็ดหลิว เวลาเดียวกับที่ปลายแขนเสื้อกำลังสะบัด ในอากาศมีพลังไร้รูปร่างหลั่งไหลเสมือนลมพัด แต่กลับขจัดคลื่นพลังอันน่ากลัวจากการปะทะกันของทั้งคู่หายไปจนหมดจด ร่างของเขาค่อยๆ ลอยลงอย่างแผ่วเบาที่จุดเดิม
“เจ้า…”
หลิวฉงมองหลี่มู่อย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เมื่อครู่เขาไม่ได้ออมมือแม้แต่น้อย ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับรับมือได้อย่างสูสี? ไม่สิ ควรจะบอกว่า พลังที่แสดงออกมาอยู่เหนือกว่าตนเองเสียอีก เพราะว่าหลี่มู่ยังมีแรงเหลือพอขจัดคลื่นพลังของสองคนออกไป ไม่ให้ฝูงชนรอบๆ ต้องบาดเจ็บล้มตายด้วยคลื่นกระแทกนี้
เป็นไปได้อย่างไร?
“ถอยไป” หลี่มู่ที่ลงถึงพื้นตะคอกเสียงดัง
พวกเฝิงหยวนซิงเหมือนรู้กัน รีบย้ายศพทั้งสิบหกศพออกไปทันที จากนั้นให้ประชาชนโดยรอบรีบถอยห่างออกไปราวสิบสองจั้ง จนกลายเป็นพื้นที่ว่างโล่ง
ตุบ!
หลี่มู่โยนองครักษ์ชราผมขาวหน้าบากลงบนพื้น
“ทหาร ตัดแขนขาของเจ้าสุนัขเฒ่าตัวนี้เสีย” หลี่มู่สั่งการ
“เจ้า…เจ้ากล้า?” องครักษ์ชราผมตะโกนอย่างเดือดดาล ราวกับสัตว์ป่าที่เจ็บหนัก มือข้างหนึ่งของเขาถูกบดละเอียดเป็นเศษเนื้อ พลังฝึกก็ถูกปราณแท้ฟ้าประทานของหลี่มู่สะกดไว้จนสิ้น เขาในตอนนี้แค่จะขัดขืนก็ยังทำไม่ได้
“เจ้าเฒ่า ฆ่าคนต้องชดใช้ กำลังจะตายอยู่แล้วยังมาปากกล้า?” หลี่มู่รังสีสังหารคุกรุ่น
เขาหิ้วคอของอีกฝ่ายขึ้นมา ตบหน้าไปหลายทีจนองครักษ์ชราจมูกเขียวหน้าบวม ใบหน้ากลายเป็นลูกท้อเน่าที่สุกจนตกจากต้นลงมากองที่พื้น จากนั้นจึงหันไปสั่ง “เอากระบองเหล็กมาตี”
มือปราบของที่ว่าการของเมืองหลายคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกัดฟันกรอด หยิบกระบองเหล็กเดินเข้ามา ฟาดลงไปตรงๆ ที่แขนขาขององครักษ์ชราผมขาวหน้าบากทันที
พวกเขารู้ว่าหวงเหวินหย่วนมาแทนที่ตำแหน่งของหลี่มู่ หนังสือรับตำแหน่งจากจักรวรรดิก็มีมาพร้อมสรรพ ไม่ใช่พวก ‘สิบแปดมงกุฎ’ อย่างที่หลี่มู่ว่าแน่นอน กว่าครึ่งต้องเป็นเรื่องจริง ทว่า เจ้าสุนัขเฒ่าขนขาวตัวนี้สังหารประชาชนไปถึงสิบคน อำเภอขาวพิสุทธิ์แห่งนี้ไม่กว้างใหญ่อะไร ทุกคนต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี บางคนเป็นญาติหรือสหายกันด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนทหารอีกหกนาย ต่างตายลงด้วยน้ำมือของสุนัขเฒ่าขนขาวตัวนี้ ในใจพวกเขาถึงแม้จะหวาดกลัว แต่ก็ล้วนเป็นคนหนุ่มที่เปี่ยมด้วยพลัง มีใครบ้างที่ไม่ใช่ชายชาตรี ไม่สนอะไรแล้ว หวดไปก่อน แก้แค้นให้มิตรญาติเพื่อนทหารที่ตายไปแล้วค่อยว่ากัน
“อ๊าก…”
องครักษ์ชราผมขาวหน้าบากร้องเสียงหลง
ถึงฝัน เขาก็ไม่มีทางฝันว่าตนเองจะพบจุดจบเช่นนี้
เขาไม่ใช่สายฝึกร่างกาย ถึงแม้พลังกายจะไม่เลว แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ปราณแท้คุ้มกายถูกสะกดเอาไว้ จึงรู้สึกถึงความเจ็บปวด ไม้กระบองทีสองทีฟาดกระดูกเขาให้แตกหักไม่ได้ แต่หากฟาดหลายทีก็ยังเจ็บ สามารถฟาดจนสลบไสลไปได้เช่นกัน
“หยุด หยุดมือเดี๋ยวนี้” หวงเหวินหย่วนในตอนนี้เพิ่งได้สติ ตะคอกด้วยความเดือดดาล “หลี่มู่ เจ้ามันรนหาที่ตาย กล้าลงมือกับคนเจ็บ เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าองครักษ์ซุนเป็นใคร? เจ้า…” เขาไม่นึกเลยจริงๆ ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงขั้นนี้
หลี่มู่เลิกคิ้ว จ้องมาที่เขา ยิ้มเย็นชาก่อนเอ่ย “ข้าจะสนทำไมว่าเขาเป็นใคร? ก็แค่สุนัขแก่ตัวหนึ่ง กล้าเข้ามาสังหารคนในอำเภอขาวพิสุทธิ์ของข้า ก็สมควรตายแล้ว” พูดจบ เขาหันกลับไปสั่ง “พวกเจ้าไม่ได้กินข้าวมาหรือไง? ตีให้แรงอีกหน่อย ถ้าตีให้ขาดไม่ได้ ก็หยิบดาบมาฟันเสีย…”
เสียงก้องดังขึ้น เหล่ามือปราบที่ว่าการซึ่งโมโหจนตาแดงชักดาบออกจากข้างเอว พลางจ้องเขม็งไปที่ขาขององครักษ์ชราผมขาวหน้าบาก
“สมควรตาย” หวงเหวินหย่วนร้องอย่างเดือดดาล
เขาลงมือทันที ดีดนิ้วออกไป ปราณกระบี่ไร้รูปร่างสีแดงชาดหลายสายพุ่งตรงไปยังกลุ่มมือปราบ จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าโมโหว่า “เจ้าพวกมดปลวก แกว่งเท้าหาเสี้ยน…ตายๆ ไปเสียให้หมด”
หลี่มู่ก้าวขึ้นมาขวางด้านหน้าเหล่ามือปราบดุจเคลื่อนย้ายในพริบตา ก่อนยืนมือคว้าปราณกระบี่ไร้รูปร่างทั้งหมดไว้และบีบมันจนสลายไปคามือ
“ลงมือต่อหน้าข้าหรือ?” หลี่มู่จ้องไปยังหวงเหวินหย่วน “ฮึ สังหารประชาชนกับมือปราบของข้า คนร้ายก็คือเจ้าสุนัขเฒ่าขนขาวตัวนี้ แต่สุนัขอีกตัวอย่างเจ้าต้องเป็นตัวการอยู่เบื้องหลังแน่ ก็ดี เจ้าเข้ามาด้วยเลยแล้วกัน”