จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 338 พูดได้ด้วย
“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ซ่างกวนอวี่ถิงมองเจียงชิวไป๋ที่หน้าขาวซีด ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือด ถามขึ้นอย่างค่อนข้างเป็นกังวล
ศึกใหญ่เมื่อครู่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน หากไม่ใช่ว่าด้านในวิหารเทพหมาป่ามีลายสลักดาวเทพมารช่วยเพิ่มพลังให้ เกรงว่าทั้งวิหารแห่งนี้คงถูกโจมตีจนเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว
“พวกเขาสาหัสกว่าข้า” ใบหน้าของเจียงชิวไป๋ฉายยิ้มอ่อนโยน
นี่ไม่เหมือนกับท่าทางดุดันบ้าคลั่งราวเทพสังหารมาเยือนและจิตสังหารน่าหวาดหวั่นอย่างตอนที่ต่อสู้เมื่อครู่แม้แต่น้อย ซ่างกวนอวี่ถิงจำได้ว่าเจียงชิวไป๋ก่อนหน้านี้โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก แต่หลังจากพ้นจากการต่อสู้มา นอกจากอาการบาดเจ็บและเลือดบนร่างกายแล้ว ท่าทางของเขาก็สงบอบอุ่นเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ใช่แล้ว ผู้ใช้คลื่นวารีแห่งสำนักมหาวารีกับ ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ กู้ป้านเซิงแห่งสำนักฟ้าคราม คนหนึ่งถูกเจียงชิวไป๋กินขาไปข้างหนึ่ง อีกคนถูกทำลายวิชากระบี่ภูต กระอักเลือดราวน้ำตกก็ไม่ปาน สองในเก้ายอดคนใต้หล้า เจ้าสำนักวิหารเทพแห่งแผ่นดินสุดแดนใต้ทั้งสองร่วมมือกันโจมตีสังหารเจียงชิวไป๋ แต่สุดท้ายกลับบาดเจ็บพ่ายแพ้ไปทั้งคู่
“แฮ่กๆ…”
สุนัขประหลาดตาสองสีวิ่งส่ายก้นเข้ามา เอียงคอมองเจียงชิวไป๋ สีหน้าที่ปรากฏบนใบหน้าช่างหลากหลาย
ความเยือกเย็นและความสุขุมที่มีทั้งหมดของเจียงชิวไป๋หายไปหมดในพริบตานี้ เขาเหลือบมองสุนัขตัวนี้แล้วก็โมโห
ศึกใหญ่เมื่อครู่นั่น หากไม่ใช่ว่าสุนัขประหลาดตัวนี้จู่ๆ เข้ามากัดขากางเกงของเขาอย่างคิดไปเองว่าสนิทสนมกัน เขาก็ไม่มีทางถูกกระบี่วารีของผู้ใช้คลื่นวารีแทงเข้าที่แขน สิ่งที่ยิ่งน่าโมโหก็คือ หลังจากสุนัขตัวนี้รู้ตัวว่าตัวเองเหมือนก่อเรื่องอะไรแล้วก็สะบัดตูดหนีหาย ทั้งยังไม่สร้างความดีลบล้างความผิดด้วย…เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้านี่มีพลังประหลาดที่เมินเฉยต่อสนามพลังทุกประเภทของผู้แข็งแกร่งได้ หากมันไปกัดขาของผู้ใช้คลื่นวารีหรือกู้ป้านเซิงแล้วละก็ เช่นนั้น…
“ไสหัวไป เจ้ามองอะไร?” เจียงชิวไป๋พูดอย่างโมโห
อย่างไรเสีย เจ้านี่ก็ตอบกลับไม่ได้อยู่แล้ว
ด่าก่อนค่อยว่ากัน
ผลสุดท้าย…
“มองเจ้าแล้วจะทำไม?” จู่ๆ สุนัขประหลาดก็อ้าปากพูดด้วย
เสียงค่อนข้างคุ้นหูทีเดียว
เจียงชิวไป๋มึนงง
ซ่างกวนอวี่ถิงนิ่งอึ้ง
ทั้งสองมองตากันแวบหนึ่ง ต่างมองเห็นอาการตะลึงงันในดวงตาของอีกฝ่าย
สุนัขประหลาดตัวนี้อ้าปากพูดอย่างนั้นรึ?
ดังนั้น มันพูดได้?
เช่นนั้นตลอดทางมานี่มันแกล้งโง่แกล้งเซ่ออย่างนั้นเรอะ?
เจียงชิวไป๋รู้สึกว่าจิตใจถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
แต่เดิมเขาคิดว่าสุนัขตัวนี้เป็นเจ้าโง่ที่มีพรสวรรค์แต่สมองมีปัญหา ตลอดทางที่ผ่านมาจึงมีท่าทีเหมือนกับคนโง่ไม่มีผิด ใครจะรู้ว่า…ที่แท้เจ้านี่มันกลับพูดได้ นี่มันเบิกปัญญาได้แล้วชัดๆ สุนัขที่เบิกปัญญาได้ก็เป็นเหมือนปีศาจ
ไม่มีปีศาจตนไหนโง่หรอกใช่ไหมเล่า?
สุนัขตัวนี้จงใจหยอกล้อข้ามาตลอดทาง?
เจียงชิวไป๋กัดฟันกรอด
ใจเขากลัดกลุ้มยิ่งนัก กำลังคิดอยู่ว่าจะตอบคำถามสุนัขประหลาดตัวนี้อย่างไร หากตอกกลับไปละก็ ก่อนหน้านี้ยามตนยังไม่ได้รับบาดเจ็บยังทำอะไรมันไม่ได้ ตอนนี้บาดเจ็บก็ยิ่งไม่มีทางแล้ว เหมือนว่าจะทำได้แค่แบกรับความอับอายเองเท่านั้น?
“เจ้าพูดได้ด้วย?” ซ่างกวนอวี่ถิงเอ่ยปากถามได้ถูกเวลามาก
สุนัขประหลาดตาสองสีตอบ “พูดได้ตอนดูเจ้าโง่สามคนนั่นสู้กันเมื่อครู่น่ะ”
เจ้าโง่สามคน?
เจียงชิวไป๋เหงื่อไหลพราก ไม่นึกว่าเก้ายอดคนใต้หล้าทั้งสามกลับถูกเรียกว่าเจ้าโง่…เจ้านี่มันฉลาด
ไม่ถูกสิ เสียงของเจ้านี่ทำไม…ค่อนข้างเหมือน…
“เสียงของเจ้าทำไมจึงเหมือนคนเลวเมื่อครู่นี้เล่า?” ซ่างกวนอวี่ถิงถาม นางพบว่าเสียงของสุนัขประหลาดคล้ายกับผู้ใช้คลื่นวารีแห่งสำนักมหาวารีทุกกระเบียดนิ้ว นี่ไม่ใช่เลียนแบบ แต่เป็นการเล่นเสียงซ้ำแล้ว
สุนัขประหลาดวิ่งตุบตุบมาข้างกายซ่างกวนอวี่ถิง และตอบว่า “โฮ่งๆ! เพิ่งพูดได้เมื่อกี้เอง ไม่น่าฟังหรือ? เช่นนั้นข้าเปลี่ยนใหม่…เสียงนี้เป็นอย่างไร?” มันเปลี่ยนเสียงจริงๆ แต่ว่าเสียงนี้…
“นี่ไม่ใช่เสียงของ ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ กู้ป้านเซิงหรอกหรือ?” ซ่างกวนอวี่ถิงยกมือกุมหน้าผากอย่างอดไม่ได้
เลียนแบบใครไม่เลียนแบบ
“ยังไม่ดีอีกหรือ เช่นนั้นข้าเปลี่ยนใหม่อีก” สุนัขประหลาดตาสองสีเอียงคอ หัวดุกดิกไปมา คิดอยู่ครู่หนึ่งก็มองไปยังเจียงชิวไป๋
เจียงชิวไป๋แค่นเสียงหยัน เขารู้ สุนัขตัวนี้น่าจะเลียนเสียงของเขาด้วยแล้ว
ทว่าสุนัขประหลาดกลับเอียงคอขบคิด ใบหน้าฉายแววรังเกียจ ก่อนจะเอ่ยปาก “เสียงนี้เป็นอย่างไร?” มันกลับเลียนเสียงของซ่างกวนอวี่ถิง เลียนแบบได้เหมือนมาก ไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่นิดเดียว
ซ่างกวนอวี่ถิงเบิกตากว้าง
เลียนแบบเสียงใครก็ได้จริงๆ ด้วย เสียงผู้หญิงก็ยังทำได้
ส่วนเจียงชิวไป๋ที่อยู่อีกด้านหนึ่งโมโหจนแทบกระอักเลือด เจ้าก็แค่สุนัขที่เลียนเสียงได้ตัวหนึ่ง แสดงสีหน้าแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกันหา ยังจะมารังเกียจกันอีก…ไม่รู้ทำไม ขอแค่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสุนัขตัวนี้ ก็ล้วนทำให้เขาเสียภาพลักษณ์ไปได้ในทันที
ครั้นเห็นท่าทางของทั้งสอง สุนัขประหลาดก็พูดขึ้นอีก “ยังไม่พอใจอีกรึ เช่นนั้นข้าเปลี่ยนเป็นอีกเสียงหนึ่งก็ได้…” ครึ่งประโยคหลังมันเปลี่ยนเป็นอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงผู้ชายที่ฟังสบายหูมาก
ซ่างกวนอวี่ถิงอึ้งไปทันใด
ดวงตาของนางฉายแววไม่อยากจะเชื่อวาบผ่าน
เจียงชิวไป๋ที่อยู่ข้างๆ อึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูนัก เหมือนว่าเคยได้ยินที่ไหนมาแล้ว
“เจ้า…เจ้าทำไม…เสียงของพี่มู่ เจ้าเคยเจอเขาหรือ?” ซ่างกวนอวี่ถิงตาเบิกกว้างด้วยความดีใจ ย่อตัวลงจ้องสุนัขประหลาดตาสองสี
สุนัขประหลาดสะดุ้งตกใจ “พี่มู่ เจ้าหมายถึงหลี่มู่? เจ้ารู้จักไอ้หนูนั่นด้วย?”
นี่นับว่าคุยกันรู้เรื่องแล้ว
ซ่างกวนอวี่ถิงกำลังจะกล่าวอะไร จู่ๆ สีหน้าของเจียงชิวไป๋ก็เปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยว่า “ไล่ตามมาแล้ว ไปที่อื่นกันก่อน”
“นี่เป็นถิ่นของเจ้าไม่ใช่รึไง?” สุนัขประหลาดถามอย่างไม่พอใจ
มุมปากเจียงชิวไป๋กระตุกเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำ
สองคนหนึ่งสุนัขไปจากที่นี่ทันที มุ่งไปข้างหน้าภายใต้การนำของเจียงชิวไป๋
“พวกเรากำลังจะไปที่ไห0นผ” เสียงของซ่างกวนอวี่ถิงดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เจียงชิวไป๋ตอบ “ไปฟ้านิจนิรันดร์”
“ฟ้านิจนิรันดร์? นั่นคือที่ใด?” ซ่างกวนอวี่ถิงถามอีก
“ดินแดนนอกพิภพ” เจียงชิวไป๋ตอบ “ที่ที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของเจ้าได้ ข้าก็อยากรู้มมากเหมือนกันว่าคุณสมบัติกายอย่างเจ้า เมื่อเข้าไปในฟ้านิจนิรันดร์แล้วจะมีปาฏิหาริย์แบบใดเกิดขึ้น”
“เจ้าจะหวังดีขนาดนั้นเลย?” ซ่างกวนอวี่ถิงเอ่ยอีกครั้ง
เจียงชิวไป๋กล่าว “ข้า…” พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็พลันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ซ่างกวนอวี่ถิงดงามอ่อนโยน ทำไมจึงใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับตนได้ ยามเขาหันกลับมาดวงตาก็เกือบถลนหลุดออกจากเบ้า
เขาเห็นสุนัขประหลาดตัวนั้นใช้สองขาหลังเดินเหมือนอย่างคน เลียนแบบเสียงซ่างกวนอวี่ถิง สุนัขตัวนี้เมื่อยืนสองขาแล้วตัวสูงกว่าซ่างกวนอวี่ถิงเล็กน้อย เสียงสูงต่ำที่เปล่งออกมาเหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ฟังแล้วไม่ต่างอะไรเลยแม้แต่น้อย ถึงกับสามารถหลอกเจียงชิวไป๋ได้
สุนัขที่ใช้สองขาเดิน?
มารดามันสิ นี่มันตัวประหลาดอะไรกัน
เจียงชิวไป๋รู้สึกเหมือนศีรษะของตัวเองจะระเบิดแล้ว
“จู่ๆ ทำไมหันกลับมา?” สุนัขประหลาดบ่นออดแอด “โฮ่ง ตกใจหมดเลย”
ซ่างกวนอวี่ถิงปิดปากหัวเราะคิกคักอยู่ข้างหลัง
มุมปากเจียงชิวไป๋เกร็งกระตุก
“รีบไปเร็ว อีกฝ่ายไล่ตามมาแล้ว” เขาสัมผัสอะไรได้ สีหน้าเปลี่ยนไป รีบเร่งฝีเท้าขึ้นทันที กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นสองสายข้างหลังไล่ตามมา ผู้ใช้คลื่นวารีและ ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ ตามมาแล้ว
“เจ้าโง่สองคนนั้นทำไมถึงได้คุ้นชินกับบ้านของเจ้านัก ตกลงใครเป็นนายของที่นี่กันแน่?” สุนัขประหลาดตาสองสีเอียงคอมองเจียงชิวไป๋ด้วยสีหน้าท่าทางดูถูก
เจียงชิวไป๋โมโหนัก แต่ก็จนคำพูด
ตอนนี้ กลิ่นอายจากที่ไกลๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ เร็วขึ้นทุกทีๆ
จะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
เจียงชิวไป๋กางฝ่ามือออก ประกายแสงทางหนึ่งหมุนวนออกมาครอบปกป้องซ่างกวนอวี่ถิงและจิ้งจอกน้อยต๋าจี่เอาไว้ข้างใน แล้วซ่อนเอาไว้ ณ ตรงนั้น เสมือนอำพรางกายแล้วครึ่งหนึ่ง จากนั้นจึงหมุนตัวก้าวไปรับหน้ากลิ่นอายน่ากลัวที่พัดโหมมาอย่างบ้าคลั่งสองสายนั้น
“ซ่อนตัวให้ดี ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ห้ามออกมาเด็ดขาด”
เจียงชิวไป๋เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
……
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม
“ที่นี่เกิดการต่อสู้ขึ้นอีกแล้ว รุนแรงกว่าครั้งที่แล้วด้วย”
ชิวอิ่นสำรวจสภาพรอบๆ อย่างละเอียด ก็ได้ข้อสรุปมาเช่นนี้ “ดูจากกลิ่นอาย คนที่บุกรุกวิหารเทพหมาป่าคือผู้ใช้คลื่นวารีจากสำนักมหาวารีสุดแดนใต้และกู้ป้านเซิง ทั้งสองเป็นบุคคลในเก้ายอดคน เดิมเป็นปฏิปักษ์คู่แค้น แต่นี่กลับมาร่วมมือกัน”
ตอนที่พูด ชิวอิ่นท่าทางตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
หากเรื่องแบบนี้แพร่งพรายออกไปก็มากพอที่จะสะท้านโลกาได้เลย
ปรมาจารย์นักพรตท้าสู้ปรมาจารย์วิถียุทธ์ก็เป็นศึกระดับเก้ายอดคนที่สะท้านไปทั้งแดนแล้ว และตอนนี้ เก้ายอดคนทั้งสองจากสุดแดนใต้ยังแอบจับมือกันไล่สังหารจ้าววิหารเทพหมาป่าหนึ่งในเก้ายอดคนอีกหนึ่ง…โลกนี้เป็นบ้าไปแล้วหรือไร? หรือว่าเก้ายอดคนเสียสติไปแล้ว พวกเขาที่ไม่ได้รบรามาหลายพันปี ตอนนี้จะสู้กันจนโลกถล่มฟ้าทลายเลยหรือ?
ชิวอิ่นนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาอดทนอยู่นาน จนสุดท้ายทนไม่ไหว เอ่ยขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ ข้ารู้สึกว่าที่นี่อาจมีสุนัขอีกตัวหนึ่งอยู่ด้วย” พูดแล้วเขาก็อยากจะอาเจียน
เพราะเขานึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้ลองชิมเมื่อก่อนหน้านี้
“ไม่ใช่อาจจะ แต่ว่ามีสุนัขอยู่ตัวหนึ่งจริงๆ”
กัวอวี่ชิงเดินกลับมาจากที่ไกล
มือของเขาถือชิ้นส่วนแขนท่อนหนึ่ง เป็นมือขาดครึ่งซีกที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด แต่ประกายแสงบนมือนั้นราวกับหยกขาว เต็มไปด้วยคลื่นพลังน่าหวาดกลัว เลือดก็ราวปรอท ไหลลงมาเป็นหยดๆ ดั่งไข่มุกล้ำค่า ข้างมือที่ขาดมีรอยเขี้ยวของสุนัขเต็มไปหมด
กัวอวี่ชิงเอ่ย “รอยกัดของสัตว์ป่า จากประสบการณ์ของข้า รอยฟันแบบนี้ไม่ใช่ของหมาป่า แต่เป็นสุนัขเทพตัวหนึ่งที่กัดมือของเทวะจนขาดได้ ช่างเหลือเชื่อจริงๆ หากข้าทายไม่ผิดแล้วละก็ นี่เป็นแขนของผู้ใช้คลื่นวารีแห่งสำนักมหาวารีสุดแดนใต้…”
ตอนที่เขาพูด สีหน้าตะลึงยิ่งกว่าชิวอิ่นเสียอีก
พูดออกไปเช่นนี้ใครจะเชื่อกันเล่า
ผู้ใช้คลื่นวารีแห่งสำนักมหาวารี หนึ่งในเก้ายอดคนใต้หล้า บุคคลที่ก้มมองสรรพชีวิตทั้งหลาย สุดท้ายกลับถูกสุนัขตัวหนึ่งกัดมือขาดครึ่ง…นี่เหมือนกับมดยื่นขาสกัดช้างจนล้มอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่มีร่องรอยของถิงเอ๋อร์?” หลี่มู่ใช้เนตรสวรรค์และพลังจิตวิญญาณกวาดมองรอบหนึ่ง แต่ก็สัมผัสไม่เจอ
เขาไม่สนใจสุนัขนี่นา
เมื่อก่อนนี้เขาเคยเลี้ยงสุนัข จึงรู้ดีว่าสัตว์ประเภทนี้หากพึ่งพาไม่ได้นั้นน่ากลัวขนาดไหน
ชิวอิ่นส่ายหน้า
กัวอวี่ชิงก็ส่ายหน้าเหมือนกัน
ไม่พบ
เทพธิดาสงครามเห็นหลี่มู่เป็นห่วงกังวลสตรีคนหนึ่งถึงเพียงนี้ ในใจก็ไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไร นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่อีกด้านหนึ่ง
กัวอวี่ชิงพูดขึ้น “ดูจากสถานที่ต่อสู้ทั้งสองครั้ง เจียงชิวไป๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก แขนขาขาดข้างหนึ่ง แต่ว่าเขามีสุนัขตัวหนึ่งเป็นผู้ช่วย ทำร้ายผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็น่าจะอาศัยชัยภูมิของวิหารเทพหมาป่าพาถิงเอ๋อร์กับสุนัขหนีไปแล้ว…พวกเราต้องรีบตามไปโดยเร็ว มิฉะนั้นเจียงชิวไป๋คงรับมือได้อีกไม่นาน ในเมื่อคนที่ไล่สังหารเขาคือเก้ายอดคนใต้หล้าถึงสองคน”
ชิวอิ่นพยักหน้าเช่นกัน
บุคคลในเก้ายอดคนล้วนเป็นผู้ที่ยืนอยู่ในจุดเหนือสุด คนคนเดียวรับมือกับศัตรูสองคน ไม่มีทางเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นได้
คำถามก็คือ ทำไมผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงถึงได้เข้ามาในวิหารเทพได้ ทั้งยังเคยคุ้นกับโครงสร้างภายในของวิหารเทพหมาป่าเช่นนี้?