จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 373 ทำลายเป็นเสี่ยง
นี่เป็นฉากที่ไม่น่าเชื่อ
รัชทายาทฉินตะวันตกที่ถูกปกป้องอยู่ด้านในโดยยอดฝีมือมากมาย ยามเห็นหลี่มู่ซัดหมัดใส่หน้าอิ้งซานเสวี่ยอิงก็สูดลมหายใจลึก รู้สึกเพียงปวดหัวไปหมด ราวกับหมัดนี้ซัดเข้าใส่หน้าตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
บรรดายอดฝีมือฉินตะวันตกรวมถึงเหยียนหรูอวิ๋นตาถลนจนแทบหลุดลงพื้น
นี่ไม่ใช่ภาพที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้
นั่นเป็นถึงเทพสังหาร ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิงเชียวนะ หากบอกว่าตอนเพิ่งเริ่มล้อมโจมตีสำนักขุนคีรียังมีคนไม่รู้ว่ากงกงผมเคราขาวท่าทางงกๆ เงิ่นๆ คนนี้เป็นใคร ในตอนนี้ ไม่ว่าจะก้งเฟิ่งของราชวงศ์หรือยอดฝีมือจากสำนักต่างๆ เมื่อเห็นร่างของอิ้งซานเสวี่ยอิงก็ล้วนอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้
เทพสังหารที่ปลิดชีพมากว่าร้อยหมื่นชีวิต
ในสถานการณ์ปกติ ไม่ใช่ว่าควรจะเป็นหลี่มู่ที่ถูกอิ้งซานเสวี่ยอิงเล่นสนุก บดขยี้ ไล่สังหารอยู่ฝ่ายเดียวหรือ?
ทว่าตอนนี้?
ร่างของอิ้งซานเสวี่ยอิงเหมือนกับเสาไม้ ถูกซัดเสียกระเด็น
ร่างหลี่มู่ไหววูบไปปรากฏตรงซ้ายขวาหน้าหลังของอิ้งซานเสวี่ยอิงไม่หยุด ซัดหมัดแล้วหมัดเล่า จับห้อยแล้วโจมตีไม่ยั้ง ต่อยกลับไปกลับมา แต่ละหมัดประเคนใส่บนร่างอิ้งซานเสวี่ยอิงเสมือนอัดกระสอบทราย
“หึๆ…” อิ้งซานเสวี่ยอิงดิ้นรนอย่างเดือดดาล
เขายิ้มหยันอย่างติดปาก ดิ้นรนสุดชีวิต สุดท้ายจึงหลุดพ้นจากการถูกแขวนอัดของหลี่มู่มาได้
ร่างของเขาถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
หลี่มู่ก็ราวกับมังกรคลั่ง ตามกัดไม่ปล่อย
อิ้งซานเสวี่ยอิงเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง จมูกเขียวหน้าบวม ทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยหมัด เขาพุ่งตรงเข้าไปกลางกลุ่มกองทหารรักษาวัง ทั่วร่างมีละอองสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกมา พันรัดร่างของทหารรักษาวังทีละคนๆ ดุจหนวดสัมผัส…
“อ๊าก…”
“ไม่ ไว้ชีวิตข้าด้วย”
“ช่วยด้วย”
เสียงกรีดร้องดิ้นรนดังขึ้นมา
จากนั้นจึงเห็นเหล่าทหารรักษาวังที่ถูกรัดไว้โดนหนวดสัมผัสสีแดงบีบรัดแน่น ถูกสูบจนร่างแห้งในพริบตา พละกำลังและส่วนที่ดีที่สุดของเลือดเนื้อทั้งหมดในร่างกายล้วนถูกสูบจนเกลี้ยง
อิ้งซานเสวี่ยอิงดูดพลังชีวิตของคนเหล่านี้ไป
ต่อมาผิวหนังของเขาเปลี่ยนเป็นชุ่มชื้นขึ้นด้วยความเร็วที่ตาเห็น ขนคิ้วผมเพ้าสีขาวเปลี่ยนเป็นดำขลับและเป็นประกาย ราวกับหนุ่มขึ้นก็มิปาน กลายเป็นชายกลางคนร่างสูงใหญ่กำยำคนหนึ่ง
“เหอะๆ หลี่มู่ เจ้าจะได้รู้ว่าอะไรคือพละกำลังที่แท้จริง อะไรคือ…” เขาหัวเราะเสียงเย็น
ทว่า เสียงยังไม่ทันขาด
แสงสว่างวูบวาบ หลี่มู่พุ่งเข้ามาดั่งลำแสง หนึ่งหมัดกระแทกเข้าที่ปากจนเขาลอยปลิวออกไป
กลางอากาศ ซี่ฟันลอยกระจาย
“พลังบ้านย่าเจ้าสิ…” หลี่มู่สองตาแดงก่ำ ทั้งตัวเข้าสู่สภาวะระเบิดพลังที่น่าอัศจรรย์ พลังของหมัดยุทธ์แท้ราวกับแม่น้ำแยงซี พุ่งสาดซัดอยู่ระหว่างกล้ามเนื้อ ไขกระดูก และอวัยวะภายใน กระดูกสันหลังส่งเสียงปานมังกรร้องพยัคฆ์คำรามออกมาเป็นระลอก
อิ้งซานเสวี่ยอิงถูกหมัดนี้ซัดจนมึน
เขาฟื้นฟูกลับมาจุดที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว เพราะอะไร…
“ข้าจะให้เจ้าเหมือนตายทั้งเป็น” อิ้งซานเสวี่ยอิงคำรามด้วยความโกรธ หมอกสีดำโลหิตนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกมา ปกคลุมกองทหารรักษาวังไว้กว่าครึ่ง เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนามากมายของทหารรักษาวังดังขึ้น
ทุกจุดที่หมอกดำไปถึง ชีวิตขาดสะบั้นลง
ร่างไร้วิญญาณนอนกองบนพื้นทีละศพ กระทั่งยุทโธปกรณ์บนร่างกายยังถูกดูดเอาสติปัญญาไปด้วย บรรดาทหารรักษาวังกระทั่งตายไปก็ยังไม่อยากเชื่อว่าตนเองต้องมาจบชีวิตลงด้วยมือคนฝ่ายเดียวกัน ใบหน้าของพวกเขามีสีหน้าสิ้นหวังระคนโกรธแค้น
อิ้งซานเสวี่ยอิงดูดกลืนวิญญาณและเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตอย่างตะกละตะกลาม
นี่เป็นวิชามารที่ชั่วร้ายและน่ากลัวอย่างหนึ่ง
รูปโฉมของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง เปลี่ยนไปเหมือนคนหนุ่มอายุราวยี่สิบต้นๆ ผมปลิวไสวดุจม่านน้ำตก หน้าตาหล่อเหลาเรือนร่างสูงใหญ่ รูปลักษณ์ชั่วร้ายทรงเสน่ห์ ถือเป็นชายรูปงามที่หาได้ยากคนหนึ่ง
“เจ้าบีบบังคับข้าเอง หลี่มู่ ข้าจะ…” เขายิ้มอย่างโหดเหี้ยม พลังก่อตัวขึ้น
ทว่า…
ฟิ้ว!
ลำแสงไหววูบ
ตูม
อิ้งซานเสวี่ยอิงถูกหมัดซัดปลิวออกไปอีกครั้ง
ฟันหลุดกระเด็น ข้างแก้มเละเทะ
บนหน้าที่เปลี่ยนไปในพริบตาของเขามาพร้อมกับความตะลึงงันอย่างไม่อาจเชื่อได้
เพราะอะไร…ถึงได้ถูกโจมตีอีก?
ข้า…ฟื้นฟูกลับไปภาวะที่เลือดลมเต็มเปี่ยมที่สุดแล้วชัดๆ ข้า…
ตูม!
อีกหนึ่งหมัดตามมา
ร่างของอิ้งซานเสวี่ยอิงถูกซัดจนกระจุย
ละอองเลือดตลบกระจาย กระดูกหักกระเด็นว่อน
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นมหาเทวะ ภายใต้การทำงานของกฎเกณฑ์ ละอองเลือดที่ตลบทั่วฟ้าและกระดูกที่หักประสานกันอีกครั้ง กลับมาประกอบเป็นร่างเดิมใหม่ เพียงแต่มีรอยหมัดช่วงท้อง มุมปากยังมีเลือดไหลอยู่
เป็นเลือดสดสีดำ
“เป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้เจ้าซ่อนฝีมือเอาไว้หรือ?” ครานี้อิ้งซานเสวี่ยอิงเริ่มลนลานแล้วจริงๆ
กลอุบายมากมายของเขา พลังที่แท้จริง ท้ายสุดกระทั่งวิชาต้องห้ามอย่าง ‘ยอดวิชาฟ้าพยับกลืนสวรรค์’ ก็งัดออกมาใช้ดูดกลืนชีวิต วิญญาณ และเลือดเนื้อของทหารรักษาวังนับหมื่นแล้ว แต่กลับต้านทานการโจมตีแค่ครั้งเดียวของหลี่มู่ไม่ได้?
เจ้าคนต่ำช้านี่ ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ได้
หรือว่าเขาได้สมบัติลับที่ซ่อนอยู่ในสำนักขุนคีรีมาแล้ว?
สิ่งที่คนผู้นั้นทิ้งไว้เมื่อครานั้น
ความทรงจำบางส่วนที่ทั้งเลือนรางและยาวนานแต่กลับทั้งชัดเจนและน่ากลัวม้วนตีขึ้นมาอย่างไม่อาจสกัดกั้น จากนั้นความกลัวก็ถาโถมกลบเขาจนจมหายไปปานคลื่นซัดสาด
ถ้าหากเป็นผู้สืบทอดของคนผู้นั้นจริงละก็…
อิ้งซานเสวี่ยอิงพลันร้องเสียงประหลาด หมุนตัวหนีไป
เขากลับหนีเสียแล้ว
หลังจากหลี่มู่ตกใจเล็กน้อย ก็เอียงไหล่ลงทำท่าตีลังกา ใช้วิชา ‘ขี่เมฆเหินฟ้า’ เพียงพริบตาก็เข้าไปอยู่ด้านหน้าอิ้งซานเสวี่ยอิง
ตูม!
พละกำลังที่ส่งเสียงสนั่นในร่างกายระบายออกมาจากกระดูกสันหลัง กระดูกแขน และกำปั้น
“อึก…” อิ้งซานเสวี่ยอิงถูกซัดลอยกลับไป
ร่างของเขาเหมือนกับดาวตก เสียดสีกับอากาศจนไฟลุก จากนั้นกระแทกเข้ากับกำแพงด้านข้างดาดฟ้าเรือของหนึ่งในสามเรือวาฬทะยานฟ้าอย่างจัง เสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้น เรือวาฬทะยานฟ้าลำยักษ์ประดุจถูกปืนใหญ่ยิง สั่นสะเทือนพร้อมแตกทลายออก…
ค่ายกลดาราแต่ละประเภทด้านในเรือวาฬทะยานฟ้าระเบิด
บนดาดฟ้าเรือ ผู้แข็งแกร่งในเรือและเหล่าทหารร้องเสียงแหลม กระโดดหนีตายออกจากเรือไป มีคนกางสิ่งของอย่างหนึ่งคล้ายร่มชูชีพ ลอยกวาดลงไปด้านล่าง
ร่างของหลี่มู่ประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่ พุ่งเข้าไปกลางกลุ่มระเบิดตรงๆ
ตูม!
เสียงหมัดแหวกอากาศ
เห็นแต่ร่างพิกลพิการของอิ้งซานเสวี่ยอิงกระเด็นออกมาจากวงระเบิด พุ่งไปกระแทกเรือวาฬทะยานฟ้าอีกลำจนทะลุเข้าไปด้านใน ไม่รู้ว่าพังดาดฟ้าไปแล้วกี่ชั้น
เรือวาฬทะยานฟ้าลำนี้ก็ระเบิดแหลกเป็นชิ้นเช่นกัน
หลี่มู่ใช้วิชาขี่เมฆาเหินฟ้า ร่างไปโผล่ด้านหน้าอิ้งซานเสวี่ยอิงที่กระเด็นออกไปก่อนซัดอีกหนึ่งหมัด จนร่างของฝ่ายตรงข้ามลอยกลับมาอีกครั้ง
การต่อสู้ดำเนินมาถึงตรงนี้ เป็นการทารุณทรมานอยู่ฝ่ายเดียวแล้ว
จักรวรรดิฉินตะวันตกส่งเรือวาฬทะยานฟ้ามาสามลำ เรือธงเสียหายอย่างหนัก ส่วนอีกสองลำถูกทำลายตรงๆ ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการที่โจมตีทำลายยังป่าเถื่อนแปลกประหลาดเพียงนี้
บนท้องฟ้า ‘ดอกไม้’ เป็นกลุ่มๆ เบ่งบาน
นั่นคือร่มชูชีพที่เหล่าทหารรักษาวังผู้กระโดดเรือกางออกมา
เห็นได้ชัดว่าในด้านนี้ทหารรักษาวังใช่ว่าจะไม่มีประสบการณ์ ในศึกใหญ่ที่ผ่านมาก็เคยเกิดตัวอย่างเรือวาฬทะยานฟ้าถูกโจมตีมาแล้ว ดังนั้นนักเล่นแร่แปรธาตุของจักรวรรดิจึงสร้างอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือจอมยุทธ์ที่ไม่สามารถเดินเหินอากาศได้ยามต้องร่วงลงสู่พื้นดินขึ้นมา
เวลาเดียวกัน กองกำลังเหยี่ยวถลาลมบินวนกลับมาช่วยเหลือพวกพ้อง
กลางอากาศ อิ้งซานเสวี่ยอิงกระเสือกระสนอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามจะสวนกลับ
เขามีร่างมหาเทวะ ในกายมีกฎแห่งเต๋า ก่อนนี้ถูกไฟจักรพรรดิระเบิดภายในร่างกาย ทำลายพื้นฐานเต๋าเขาไปครึ่งหนึ่ง แต่ยังคงรักษาฟื้นฟูไม่หยุด หลายครั้งที่ถูกโจมตีอย่างหนักล้วนฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้ ในเวลาหลายปีที่ยาวนาน ไม่รู้ว่าตัวเขาโจมตีทำลายสำนักไปมากเท่าไร สังหารผู้แข็งแกร่งไปมากเพียงใด รับวิชาลับมานับไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะเป็นวิชาลับแค่ไหน เมื่อใช้ออกมาก็ถูกหลี่มู่ทำลายเป็นเสี่ยง บดขยี้ลงด้วยหมัดเดียว
นี่ทำให้อิ้งซานเสวี่ยอิงโกรธแค้นจนแทบคลั่ง
วิชาลับใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้ากำปั้นของหลี่มู่ก็ต้านทานไม่ไหว
เขามองเห็นจิตแห่งมรรคอันยิ่งใหญ่ได้ลางๆ จากวิชาหมัดของหลี่มู่ หนึ่งหมัดทลายสรรพสิ่ง
ในที่สุด อิ้งซานเสวี่ยอิงก็งัดออกมาจนหมดกรุแล้ว
ทั้งเลือดลมในร่างของเขา กฎแห่งเต๋า พลังชีวิตที่ดูดมาจากทหารรักษาวังนับหมื่นนาย ก็แทบจะใช้งานจนเกลี้ยงแล้ว เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้ ถูกตีจนไม่มีแรงสวนกลับแม้แต่น้อย อีกทั้งจะหนีก็หนีไม่ได้ ทำได้เพียงถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ร่างของหลี่มู่วูบวาบบนท้องฟ้า
อิ้งซานเสวี่ยอิงเหมือนลูกหนังลูกหนึ่ง ถูกตีกระเด็นไปมา
“หนี รีบหนี…” รัชทายาทฉินตะวันตกสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาก็นับเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ถูกชุบเลี้ยงมาหลายปีในราชวงศ์ การไม่ลนลานต่อภยันอันตรายคือคุณสมบัติที่ควรมี แต่ในตอนนี้ การบ่มเพาะฝึกฝนมาหลายปีไม่มีประโยชน์อันใดอีก
หลี่มู่ที่คล้ายบ้าคลั่งไปแล้วทำเอาทุกคนขวัญหาย
“หนี รีบหนี” เหยียนหรูอวิ๋นก็ตะโกนเช่นกัน “ทหาร เตรียมเหยี่ยวถลาลม พาองค์รัชทายาทออกไป”
“หนี? จะหนีไปไหน?” เสียงเย็นเยียบดังขึ้น
เหยียนหรูอวิ๋นกับรัชทายาทมองอย่างตกตะลึง ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว มือข้างหนึ่งของหลี่มู่ คว้าขาข้างหนึ่งของอวี้ซานเสวี่ยอิง ลากเทพสังหารแห่งจักรวรรดิคนนี้ลงมาจากกลางอากาศเหมือนลากสุนัขตายตัวหนึ่ง จากนั้นจึงลงมาบนดาดฟ้าเรือตรงหน้า
พริบตานั้น ราวกับความหนาวยามเหมันต์มาเยือน
เหยียนหรูอวิ๋น รัชทายาท และยังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่น ทุกคนถูกสายตาหลี่มู่กวาดมอง ประหนึ่งถูกแช่แข็งอยู่กับที่ แม้แต่ขยับก็ไม่กล้า
‘ดาบจักรพรรดิ’ ที่ชื่อลือนาม ตอนนี้ร่างกายขาดรุ่งริ่ง ลมหายใจรวยริน ยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับสูญสิ้นเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรน ถูกหลี่มู่คว้าข้อเท้าเอาไว้แล้วลากมาบนดาดฟ้าเรือ ด้านหลังยังมีรอยเลือดสีดำทิ้งไว้เป็นทาง
เขาในตอนนี้กลับมาอยู่ในสภาพชราผมขาว ผิวหนังเหี่ยวย่น อายุขัยใกล้หมดอีกครั้ง ลมหายใจสับสนวุ่นวาย ในแววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต โกรธแค้น อับอาย และหวาดกลัว
ตุบ
หลี่มู่สะบัดมือ อิ้งซานเสวี่ยอิงถูกทิ้งลงตรงหน้า
หลี่มู่ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนหน้าอกเขา เอ่ยขึ้นว่า “ข้าบอกแล้วว่าจะให้พวกเขามองดูเจ้าตาย สัตว์เดรัจฉานอย่างเจ้า ไม่คู่ควรที่จะใช้ชีวิตบนโลกนี้ แต่ว่าก่อนจะตาย เจ้าต้องขอโทษต่อหน้าพวกเขาเสียก่อน”
หลี่มู่เตะอิ้งซานเสวี่ยอิงไปอยู่ด้านหน้าศพของสามีภรรยาหนิงจิ้ง
“คุกเข่าลง” หลี่มู่สั่ง
“เหอะๆ เจ้า…เจ้าให้ข้าคุกเข่าต่อหน้ามดปลวกสองคนนี้…เจ้า…เจ้ากำลังหมิ่นเกียรติข้า เจ้า…” อิ้งซานเสวี่ยอิงนอนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่ถูกตีจนหลังหัก หอบหายใจพลางยิ้มหยัน
……………………………………….