จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 401 หลี่มู่ออกโรง
‘ยาจกเทพ’ ตายไปแล้ว?
ในพริบตานี้ ไม่เพียงแค่หลี่มู่กับสองยอดผู้อาวุโสที่เข้าใจ ยอดฝีมือพรรคกระยาจกคนอื่นๆ ก็เข้าใจแล้วเช่นกัน
สายตาของคนบางส่วนมองไปยังเหลียงจื้อ
ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา เหลียงจื้อคนนี้ได้รับหน้าที่สำคัญและการเลื่อนตำแหน่งจากยาจกเทพ ก่อนนี้ยิ่งคิดจะมอบตำแหน่งประมุขพรรคต่อให้เหลียงจื้อ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่เหลียงจื้อยังอาศัยช่วงขับคันลอบโจมตีหมิงเยวี่ยอีก...ทั้งหมดในทั้งหมดนี้ อธิบายได้ว่าเหลียงจื้อก็ไม่ใช่คนดีอะไร
“หึๆๆๆ…” เหลียงจื้อก้มศีรษะ หัวเราะร่าขึ้นมา
เสียงหัวเราะราวกับสัตว์ป่าคำรามก่อนตาย เปลวไฟสีแดงเข้มกระจายออกมาจากใต้อาภรณ์ จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ ประกายสีแดงเลือดแผ่ออกมาจากเบ้าตา ประหนึ่งเลือดรินไหลก็ไม่ปาน กลิ่นอายแห่งการสังหาร ความดุร้าย และความชั่วร้ายขั้นสูงสุดฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวเขา
เขาวัวสีแดงสดที่โค้งงอดุจดาบโค้งคมกริบคู่หนึ่งงอกออกมาจากใต้ผิวหนังบนศีรษะของเขา
ไม่ใช่มนุษย์อย่างที่คิดไว้
หลี่มู่อยู่ในฝูงชน สีหน้าท่าทีไม่ได้เปลี่ยนไปนัก
นี่แตกต่างจากสถานการณ์ที่เขาเคยเจอมา ครั้งนี้ไม่นึกว่าจะเป็นร่างจริงของปีศาจร้ายนอกพิภพลงมาเอง พวกหวงเซิ่งอี้และองค์ชายสองก่อนหน้า ความจริงแล้วแค่รับพลังของปีศาจร้ายนอกพิภพมา จึงได้รับพลังพิเศษเท่านั้น แต่ครั้งนี้…ปีศาจร้ายนอกพิภพตัวจริงลงมาเยือนแล้ว
นี่เป็นการบุกโจมตีอย่างหนึ่ง
สำหรับโลกใบนี้แล้วถือเป็นข่าวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย
“คืนนี้ พี่น้องพรรคกระยาจกของข้าจะล่ามารร้าย” ‘หมัดเทวะร้อยลี้’ กัวปู๋เอ้อร์ยิ้มเย็นชา พลังปีศาจในบาดแผลบนร่างถูกขับออกมา บาดแผลสมานตัว พลังคุกคามของขั้นเทวะม้วนตลบไปทั่วสารทิศ
เขาเคยใช้หมัดเดียวซัดทะลุทิวเขาร้อยลี้ ในอดีตก็เป็นคนเหี้ยมหาญที่พลังน่าเกรงขามและโดดเด่นคนหนึ่ง แล้วจะถอยหัวหดได้อย่างไร?
ส่วนร่างของ ‘เคลื่อนกายไร้เงา’ ฉุนซางเฟิงก็ค่อยๆ ผสานตัวกับความว่างเปล่า เสียงเหมือนภูตผีจากยมโลกดังขึ้นจากทุกทิศ “เป็นปีศาจร้ายนอกพิภพแล้วอย่างไร กล้าเข้ามาในพรรคกระยาจกข้าก็ต้องสังหารให้สิ้นซาก ศิษย์พี่น้องในพรรคข้าเคยกลัวเสียที่ไหน?”
ท่าทีของยอดผู้อาวุโสทั้งสองทำให้คนพรรคกระยาจกทั้งหมดรู้สึกถึงความเป็นศัตรูร่วมกัน ขวัญกำลังใจปะทุขึ้นมา
หลี่มู่ก็แอบพยักหน้า ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นปีศาจร้ายเพลิงดำที่ยึดครองร่างของยาจกเทพหรือเหลียงจื้อ กลิ่นอายก็แข็งแกร่งมาก ทว่าความแข็งแกร่งมีขีดจำกัดอยู่เช่นกัน หากจะสู้กับคนทั้งพรรคนั้นเป็นไปไม่ได้
ทว่าตอนนี้เอง ในชั่วพริบตา โดยรอบเกาะขอทานมีเสียงกลองศึกดังขึ้น ต่อมาเสียงร้องแปลกประหลาดก็ดังมาจากรอบทิศทาง
“พรรคจันทราโลหิต” หัวหน้าสาขาย่อยคนหนึ่งของพรรคตะโกนเสียงแหลม
จากนั้น ธนูโลหิตดอกหนึ่งพุ่งลงมาจากฟากฟ้า แทงทะลุหน้าอกของเขา แสงจันทร์สีเลือดที่แปลกพิลึกสาดออกมากลืนกินทั้งร่างเขาไป จนกลายเป็นโคลนเลือดกองหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน จันทร์คู่ที่เดิมลอยอยู่บนท้องฟ้ามืดดำเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด ระหว่างที่สีเลือดคลุ้งกระจาย จันทร์คู่ที่เหมือนจานสีขาวหยกกลับกลายเป็นสีแดงเลือด สาดแสงเลือดลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ปกคลุมเกาะขอทานทั้งเกาะเอาไว้
ภายในจันทร์โลหิต ร่างเงาสีเลือดที่ประหนึ่งแมงมุมยักษ์หลายตัววนเวียนอยู่บนท้องฟ้า ส่งเสียงร้องประหลาดออกมา
“ฮ่าๆ วันนี้พรรคกระยาจกต้องพินาศสิ้น”
“สังหาร!”
“ใช้เลือดของพรรคกระยาจกสังเวยให้ท่านเจ้าวัง”
“ยุคสมัยของพวกเรามาถึงแล้ว”
เหล่าปีศาจมารลุกฮือ เสียงร้องประหลาดที่ชั่วร้ายแต่ละประเภทดังมาจากผืนฟ้ารอบทิศ ขณะเดียวกันยังมีร่างเงาทะยานมาดั่งกระแสน้ำขึ้น ร่างคน สัตว์ป่า อสุรกาย รวมถึงสัตว์ร้ายใต้น้ำมากมายจากเขตน้ำรอบเกาะ ก็พุ่งทะยานออกมาจากอุโมงค์ใต้เขาและหุบผายอดเขาอย่างมืดฟ้ามัวดินไม่ขาดสาย
สถานการณ์พลิกกลับในทันที
“ฮ่าๆๆ จันทราโลหิตส่องสว่างท่ามกลางการเข่นฆ่าสังหาร ค่ำคืนนี้ เป็นการเฉลิมฉลองของพวกเรา” เทพปีศาจเพลิงดำหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง คลื่นเสียงม้วนซัดออกไปสี่ทิศ
เขาลงมือทันที
เขาที่ถอดหนังของ ‘ยาจกเทพ’ ออกไปไม่ต้องพยายามข่มพลังไว้อีกแล้ว กลิ่นอายพลังไม่รู้ปะทุเพิ่มขึ้นกี่เท่าตัว แค่คนเดียวก็สามารถสกัด ‘เคลื่อนกายไร้เงา’ ซุนฉางเฟิงและ ‘หมัดเทวะร้อยลี้’ กัวปู๋เอ้อร์เทวะทั้งสองไว้ได้อยู่หมัด
“เปิดค่ายกล สังหารปีศาจร้าย”
เสียงของ ‘เคลื่อนกายไร้เงา’ ซุนฉางเฟิงดังขึ้นมา
เกาะขอทานเป็นถึงฐานหลักของพรรคกระยาจกที่ดำเนินการมากว่าพันปี มีค่ายกลและค่ายสังหารต่างๆ จัดวางไว้มากมาย ทั้งยังมีกลไกกับดักไม่รู้จบสิ้น ทั้งหมดเริ่มพัวพันสังหารศัตรูที่บุกเข้ามาเหล่านั้น
ทว่า ยามที่เทพปีศาจเพลิงดำแปลงเป็นยาจกเทพได้ลอบกระทำการต่างๆ ไปไม่น้อยแล้ว ค่ายกลลวงตากับค่ายกลสังหารกว่าเจ็ดแปดส่วนในนี้ถูกทำลายไปก่อนหน้า ทั้งเกาะขอทานแทบกลายเป็นศูนย์กลางที่ไร้การป้องกัน พริบตาที่ศึกใหญ่เปิดฉาก พรรคกระยาจกก็เสียหายอย่างหนัก
ยังดีที่คืนนี้พรรคกระยาจกมียอดฝีมือมากมายอยู่บนเกาะ
ศึกใหญ่เปิดม่านขึ้นด้วยประการนี้
หลี่มู่ก็ตื่นตกใจนัก ไม่คิดว่าเรื่องที่วกไปวนมานี้ สุดท้ายจะบานปลายกลายเป็นศึกวุ่นวายของพรรค เทียบได้กับการสังหารของสองกองทัพ กระทั่งโหดร้ายทารุณเสียยิ่งกว่า ศึกใหญ่ระหว่างผู้แข็งแกร่งสายยุทธ์เช่นนี้ เพียงพริบตาก็ทำให้เกาะขอทานโกลาหลวุ่นวาย เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนเดือดดาล เสียงคำราม เสียงโหยหวน และเสียงร้องบ้าคลั่งดังขึ้นจากทุกทาง
ลวดลายเต๋าหลายเส้นหมุนวนรอบตัวหลี่มู่ ราวกับตัดขาดจากสนามรบนี้ ไม่มีใครพบตัวพวกเขา
ศิษย์พี่น้องที่หลู่ฉางฟู่ทิ้งไว้ปกป้องพวกหลี่มู่ก่อนหน้านี้ ก็ล้วนตาแดงก่ำพุ่งเข้าสังหารศัตรู
เหลียงจื้อที่เปลี่ยนร่างมาร ทั่วร่างมีประกายของเหลวราวเลือดสดไหลทะลักออกมา ในเบ้าตาดุจน้ำพุเลือดที่ไหลต่อเนื่องสองสาย มีสีแดงสดหลั่งไหลไม่หยุด เมื่อศึกเริ่มขึ้น เขาพุ่งเข้าหาหมิงเยวี่ยอีกครั้ง เปิดฉากจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง
ชัดเจนยิ่งว่านี่คือปีศาจร้ายนอกพิภพที่อาฆาตและเหี้ยมโหด ก่อนนี้ที่ประลองยุทธ์กัน เขาไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงเพื่อไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย ดังนั้นจึงพ่ายให้แก่หมิงเยวี่ย สิ่งนี้ทำให้เขากระวนกระวายในอก ตอนนี้เผยร่างมารแล้ว พลังเพิ่มขึ้นมาก จึงคิดที่จะแก้แค้น
หมิงเยวี่ยสำแดงภาพปรากฏการณ์ ‘ดอกบัวขาวฟ้าคราม’ ขึ้นรับมือ
หลี่มู่เห็นว่าหมิงเยวี่ยไม่น่าจะแพ้โดยเร็ว จึงไม่ได้รีบร้อนสอดมือเข้ายุ่ง ให้นางสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้ไว้ให้มากก็ดีเหมือนกัน
ส่วนหลู่ฉางฟู่คนซื่อกลับนำคนสนิทออกไปอย่างมุ่งมั่น พุ่งเข้าไปข้างกาย ‘ฝ่ามือมังกร’ หลี่อวิ๋นเทา ปกป้องหลี่อวิ๋นเทาที่ถูกทำลายวรยุทธ์ไปแล้วไว้
หลี่มู่สังเกตดูรอบด้าน
ไม่ต้องสงสัยเลย ศึกตรงหน้านี้เป็นการต่อสู้ที่เลวร้ายและมีขนาดใหญ่ที่สุดหลังจากเขามาถึงโลกนี้ ศึกใหญ่หลายครั้งที่เคยเกิดขึ้นในฉินตะวันตก อย่างเช่นศึกที่หลี่กังพร้อมทหารพันธมิตรห้าเมืองล้อมโจมตีเจิ้นซีอ๋อง ศึกสิบเมืองเก้าพื้นที่ชายแดน ถึงจะเป็นศึกใหญ่เช่นกัน แต่หลี่มู่ไม่เคยเห็น ยิ่งไปกว่านั้นนั่นเป็นศึกของกองทัพ แต่ที่เห็นตรงหน้านี้คือศึกครั้งใหญ่ของพรรค เป็นการเข่นฆ่ากันระหว่างผู้แข็งแกร่งในยุทธจักร พลังทำลายล้างน่าตกใจกว่า ไม่มีลำดับขั้นตอนยิ่งกว่า
เหล่าสัตว์ป่าและสัตว์ร้ายใต้น้ำทะยานออกมาจากทางลับใต้เขาและยอดเขาอย่างต่อเนื่อง พวกมันมีลักษณะพิเศษเดียวกัน ดวงตาสูญเสียคลื่นอารมณ์ตามปกติไปแล้ว แต่กลับระยับด้วยประกายบ้าคลั่งที่แดงฉาน เมื่อเห็นมนุษย์ก็โจมตีแบบฆ่าตัวตาย
“สูญเสียสติปัญญาไป เหมือนได้รับผลกระทบจากพลังของจันทร์โลหิต แต่ก่อนนี้เจอวิชาลับไปแล้ว…” หลี่มู่เหมือนกำลังขบคิดบางอย่าง
นอกจากนั้น เขายังพบปรากฏการณ์ประหลาดอีกอย่างหนึ่ง
เหล่ายอดฝีมือและศิษย์พรรคจันทราโลหิตก็มีอาการคลุ้มคลั่งทั้งสิ้น ในดวงตาฉายประกายบ้าคลั่งสีแดงฉาน คนจำนวนมหาศาลบุกเข้ามาอย่างต่อเนื่องราวฝูงสัตว์ป่า พลังฝึกกำลังภายในอาจไม่สูง ส่วนใหญ่อยู่ที่ขั้นรวมจิต ขั้นปรมาจารย์ มีเพียงบางคนที่เป็นขั้นยอดปรมาจารย์หรือฟ้าประทาน แต่ระดับความแข็งแกร่งทรหดของกายเนื้อพวกเขาน่าตกใจมาก ดาบกระบี่ของยอดฝีมือพรรคกระยาจกฟันลงไปบนตัวพวกเขาก็ดุจฟันลงบนไม้ผุหรือหนังสัตว์ ต่อให้ฟันแขนขาศิษย์พรรคจันทราโลหิตจนขาด ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด กลับบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม กระทั่งใช้ฟันกัดก็ยังมี…
ท่ามกลางการเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง พรรคกระยาจกค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เทพปีศาจเพลิงดำเพียงคนเดียวต้านทานสองยอดผู้อาวุโสได้ ก็เหมือนได้เปรียบไปลางๆ แล้ว ส่วนเหลียงจื้อร่างมารสู้กับหมิงเยวี่ยได้สูสี ในเบ้าตาของเหลียงจื้อ น้ำพุเลือดที่ทะลักออกมามีพลานุภาพประหลาด สามารถต่อกรกับวิชาภาพวิถีฟ้า ‘ดอกบัวขาวฟ้าคราม’ ได้
เลือดสดของยอดฝีมือและศิษย์พรรคกระยาจกที่ตายลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ประดุจสูญเสียแรงโน้มถ่วงไป และยิ่งเหมือนฝนตกกลับด้านจากพื้นดินสู่ผืนฟ้า ทั้งลึกลับและน่ากลัว
ขั้นตอนนี้ดำเนินไปไม่ขาดตอน สีของจันทร์คู่แดงฉานขึ้นเรื่อยๆ เสมือนซึมซาบเลือดสดเข้าไป
ทันใดนั้น แสงเลือดสายหนึ่งพุ่งลงมาจากจันทร์โลหิตดวงหนึ่ง ตกลงบนกายของเหลียงจื้อร่างมาร ฉับพลันนั้น รอบกายเขามีแสงเลือดที่น่าสะพรึงกลัวพันรอบดั่งเปลวไฟเผาไหม้ ร่างเขาขยายใหญ่ขึ้นถึงหนึ่งรอบ กล้ามเนื้อปูดขึ้นมา ใบหน้าน่าเกลียด เปลี่ยนจากคุณชายหน้าขาวสะอาดเป็นยักษ์สีเลือด ขณะเดียวกัน กลิ่นอายพลังก็ปะทุเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ตูม!
เขาชกออกมาหนึ่งหมัด แสงจันทร์โลหิตปานคลื่นพายุซัดสาด เปลวไฟจากหมัดสะเทือนฟ้า
เด็กสาวหมิงเยวี่ยส่งเสียงร้องในลำคอ ถูกซัดกระเด็นออกไป ภาพวิถีฟ้า ‘ดอกบัวขาวฟ้าคราม’ ด้านหลังเลือนรางราวกับกำลังจะแตกสลาย
อีกด้าน ยอดผู้อาวุโส ‘เคลื่อนกายไร้เงา’ และ ‘หมัดเทวะร้อยลี้’ ก็เสียท่าติดต่อกัน เกือบจะถูกเทพปีศาจเพลิงดำกดบดขยี้กับพื้น เมื่อสีเลือดของจันทร์โลหิตเข้มขึ้น พลังแท้จริงของปีศาจร้ายก็เพิ่มขึ้นตาม…
ทิวเขาบนเกาะขอทานพังถล่ม พื้นดินทรุดลง น้ำทะเลไหลทะลักเข้ามา ไม่ต่างจากวันสิ้นโลก
“เสี่ยวหยวน ปกป้องชิงเฟิงกับท่านหญิงด้วย”
หลี่มู่กำชับไว้ประโยคหนึ่ง ก่อนร่างไหววูบมาบนเวทีหินตรงใจกลาง
เขาเพียงขยับความคิด จิตดาบไร้รูปร่างหลายสายก็ฟาดฟันอากาศออกไป
“หือ? ใครกัน” เทพปีศาจเพลิงดำที่กำลังจะสังหาร ‘หมัดเทวะร้อยลี้’ กัวปู๋เอ้อร์สัมผัสได้โดยพลัน ในอากาศมีจิตสังหารน่าพรั่นพรึงหลายสายปกคลุมเข้ามา ความรู้สึกอันตรายถึงขีดสุดนั้นทำเอาเขาอกสั่นขวัญหายอย่างควบคุมไม่ได้ ในใจตกตะลึง เขาหันตัวกลับกะทันหัน ลวดลายเต๋าบนสองแขนเคลื่อนไหว พลังปีศาจไหลวน โน้มกายไปด้านหน้าเพื่อต้านไว้
ตูม!
เรือนร่างใหญ่โตของเขาถูกซัดกระเด็น
กลางอากาศ แสงดาบระยิบระยับระเบิดขึ้นทันทีทันใด
เลือดที่เหมือนกับไฟแดงฉานรินไหล เทพปีศาจเพลิงดำมองแขนของตัวเอง ในใจตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด “ใครกัน ไม่นึกว่าจะมาลอบโจมตีข้า? มาฟันกายเต๋าของข้าเช่นนี้?”
“ตายซะ”
หลี่มู่ไม่พูดพร่ำอะไร ลงมือทันที จิตดาบปรากฏอีกครั้ง
ท่ามกลางความว่างเปล่า อากาศกระเพื่อมไหว จิตสังหารไร้ขีดจำกัด
ใบหน้าอัปลักษณ์ของเทพปีศาจเพลิงดำเปลี่ยนสีอีกครั้ง
เขาไม่คิดเลยว่า ในพรรคกระยาจกจะมียอดฝีมือที่น่ากลัวเพียงนี้หลบซ่อนอยู่ หนุ่มน้อยที่ดูอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี เพียงแค่ลงมือก็ส่งความรู้สึกกดดันมหาศาลให้กับเขา ทำไมยามเขาแปลงเป็นประมุขพรรคกระยาจก จึงไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนนี้?
หรือว่าจะเป็นบรรพชนพรรคกระยาจก?
………………………………