จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 404 แสดงแสนยานุภาพ
การปรากฏตัวของหลี่มู่ สำหรับพรรคกระยาจกแล้วเปรียบเสมือนยาใจขนานใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเล่าลือกันว่าไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ก็เป็นยอดฝีมือสายธรรมะผู้หนึ่ง อีกทั้งยังได้ยินอีกว่าเขามีความแค้นกับพรรคจันทราโลหิต ดูจากภาพเมื่อครู่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า บุคคลเยี่ยมยอดขั้นเทวะในคำเล่าลือผู้นี้ยืนอยู่ข้างพรรคกระยาจก
หลู่ฉางฟู่ตอนนี้ยังดึงสติกลับมาไม่ได้
เด็กหนุ่มคนนั้นคือหลี่มู่ที่ชื่อเสียงสะท้านยุทธภพ?
ทำไมถึงมาอยู่กับท่านหญิงหวนจูได้?
อีกอย่าง ยอดคนในเรื่องเล่าที่สังหารองค์ชาย เด็ดหัวองค์รัชทายาท สังหารเทวะ และปลิดชีพดาบจักรพรรดิ ไม่นึกว่าความจริงจะเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน้อยเพียงนี้ สบายๆ ถึงเพียงนี้ ไม่มีท่าทางอย่างบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แม้แต่น้อย สวมชุดขอทานเก่าขาด ป้ายโคลนบนหน้า บางทีนี่ถึงจะเป็นผู้สูงส่งที่แท้จริงกระมัง
กลางท้องฟ้า การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว
หลี่มู่ใช้พลังของตัวเองคนเดียวรับมือปีศาจเพลิงดำและเหลียงจื้อร่างมาร
กลอภินิหารพราวพร่าง พลังน่าเหลือเชื่อ และเคล็ดการต่อสู้อันน่าอัศจรรย์ ถูกสำแดงออกมาจากมือของผู้แข็งแกร่งทั้งสาม ชวนให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มใหลหลง ยอดฝีมือพรรคกระยาจกต่างถอยหลังไปบริเวณชายขอบของเกาะขอทาน จากนั้นสร้างค่ายกลขึ้นต้านทานเศษเสี้ยวพลังจากการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งชั้นยอด
‘หมัดเทวะร้อยลี้’ กัวปู๋เอ้อร์และ ‘เคลื่อนกายไร้เงา’ ซุนฉางเฟิงก็ถอยไปจากวงต่อสู้เช่นกัน ป้องกันสุดกำลัง แต่ในขณะเดียวกันในดวงตาก็ฉายแววหลงใหล มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่มองเห็นพลังน่าหวาดหวั่นที่ซ่อนอยู่ข้างหลังภาพการต่อสู้อันงดงามจนถึงที่สุดเช่นนี้ พวกเขาทั้งสองติดอยู่ขั้นเทวะมานาน ทะลวงขั้นมหาเทวะมาหลายปีไม่มีหวัง ทว่าบัดนี้ ศึกใหญ่ตรงหน้าทำให้พวกเขามองเห็นแสงแห่งความหวังอันเลือนรางได้เลาๆ แล้ว
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก
พลังที่ปีศาจร้ายนอกพิภพทั้งสองสำแดงออกมาไม่ใช่ของโลกนี้ วิชามากมายล้วนเป็นพลังธรรมชาติ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่นี่ก็สมเหตุผลแล้ว ในเมื่อเป็นศัตรูซึ่งมาจากโลกด้านนอก ทว่าหลี่มู่เชี่ยวชาญจิตดาบขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป วิชาหมัดและวิชาดาบสลับสับเปลี่ยนไม่หยุด ระหว่างโจมตีแต่ละกระบวนท่าก็ปะทุพลังที่ไม่ใช่ของโลกนี้ออกมา เป็นพลังที่ต่างจากพลังปีศาจของสองปีศาจร้ายนอกพิภพ แต่กลับดูมั่นคงไม่เป็นรองใคร
ไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่คนนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่
ช่างลึกลับนัก
หวางซืออวี่ที่อยู่ภายใต้การปกป้องจากหยวนโห่วก็ถอยไปยังริมหาดหินไกลๆ เงยหน้ามองเงาร่างหลี่มู่ที่ต่อสู้กลางอากาศอย่างเหม่อลอย
สำหรับเธอ เนื่องจากหลี่มู่ลงมือเด็ดศีรษะจิ้นอ๋องทันที ศึกที่ค่ายทหารวันนั้นจึงไม่ได้เห็นเหตุการณ์การต่อสู้ที่ดุเดือดเท่าใด หากบอกว่ายุทธภพระดับต่ำที่ไต่กำแพงเดินบนหลังคาเหมือนในละครโทรทัศน์ เธอยังพอจะรับได้ละก็ เช่นนั้นตอนนี้เห็นหลี่มู่ลงมือสะเทือนฟ้าดิน แหวกทำลายเมฆ ฉีกห้วงอากาศ แสงจิตดาบมากมายวูบวาบ ประกายดาบสายหนึ่งวูบผ่านก็ตัดยอดเขา ผ่าปฐพีได้ พลังและฤทธิ์เดชที่เหมือนเทพเปิดฟ้าผ่าแผ่นดินในเทพนิยายเช่นนี้ ทำให้หวางซืออวี่ตกตะลึงสุดขีด
และตอนนี้ เธอพลันเข้าใจความหมายและพลังที่แท้จริงของคำว่าหลี่มู่แห่งเมืองขาวพิสุทธิ์แล้ว
มิน่า หลังจากที่ได้ยินชื่อของหลี่มู่ พรรคกระยาจกทั้งหลายต่างโห่ร้องยินดีอย่างอดไม่ได้ ท่าทางตื่นเต้นฮึกเหิมเช่นนั้นเหมือนว่าขอเพียงหลี่มู่ปรากฏกาย แม้แต่เคราะห์ภัยครั้งใหญ่ก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้…นี่ก็คือพลัง เสน่ห์ และอำนาจบารมีของผู้แข็งแกร่งชั้นยอด
ข้างกายของเธอ หมิงเยวี่ยน้อยมองชิงเฟิงด้วยสีหน้าโมโห “เจ้าจะบอกหรือไม่บอก ขาของเจ้าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ชิงเฟิงยิ้มเล็กน้อย “คุณชายช่วยข้าแก้แค้นแล้ว”
หมิงเยวี่ยตอบ “ข้าไม่สน คุณชายช่วยเจ้าแก้แค้นแล้ว แต่ข้ายังไม่ได้ทำ เจ้าบอกมานะ ใครเป็นคนทำ ข้าจะขุดมันขึ้นจากสุสานมาฆ่าทิ้งอีกรอบ...”
ชิงเฟิงบอก “กระดูกสลายกลายเป็นผุยผงไปแล้ว ยังจะมีสุสานอะไรที่ไหนเล่า”
“เจ้า…” ความโกรธบนใบหน้าหมิงเยวี่ยจางหายไปแล้ว แต่ขอบตาแดงก่ำ “คนโง่นี่ ทำไมถึงไม่รู้จักปกป้องตัวเองขนาดนี้…ดูเจ้าสิ หนึ่งปีแล้วก็ยังอ่อนแอแบบนี้อีก ศึกษาของบ้าบอพวกนั้นทำไม กินได้หรืออย่างไร?”
ชิงเฟิงยิ้มบางๆ ไม่ได้โต้เถียงกับนาง
ในที่สุดก็ตามแม่เด็กโง่ทึ่มกลับมาได้ อีกทั้งนางยังใช้ชีวิตอย่างยอดเยี่ยม สดใสมีชีวิตชีวา เขาวางใจได้แล้ว สำหรับชิงเฟิงวันนี้เป็นวันที่ดีวันหนึ่ง ความรู้สึกโชคดีอัดแน่นอยู่เต็มอก
“รู้จักแต่ยิ้มทึ่มๆ” หมิงเยวี่ยเอ่ยอย่างโมโห “ช่างเถอะ ไม่ถือสาเจ้าแล้ว วันหลังให้ข้าเป็นคนดูแลคนทึ่มอย่างเจ้าก็แล้วกัน ข้าจะเป็นขาของเจ้า ใครกล้ารังแกเจ้าข้าจะฆ่ามัน ฆ่ามันให้หมดทั้งตระกูลเลย”
พูดแล้วนางก็เหลือบมองหยวนโห่วอย่างดุดัน “เจ้าลิงขนทอง มองอะไร ไม่รู้งานขนาดนี้เลยรึ เอาเจ้าทึ่มนี่มาไว้บนหลังข้าสิ”
หยวนโห่วค่อนข้างหวาดกลัวโลลิน้อยที่ดุร้ายคนนี้ เพราะก่อนหน้านี้มันเห็นความน่ากลัวของภาพเหตุการณ์ประหลาด ‘ดอกบัวขาวกลางฟ้าคราม’ อีกทั้งโลลิน้อยยังมองร่างที่แท้จริงของมันออกในพริบตา มันรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่มือของนาง เสียแต่ว่าเจ้านายให้มันดูแลชิงเฟิง นี่…
มันมองชิงเฟิงเล็กน้อย
ชิงเฟิงพยักหน้าให้
หยวนโห่วคิดๆ แล้วก็ย้ายชิงเฟิงไปไว้ที่หลังหมิงเยวี่ย
โลลิน้อยตัวไม่สูง ร่างผอมบาง ชิงเฟิงอยู่บนหลังของนางดูแล้วไม่สมดุลเอาเสียเลย แต่ก็มั่นคงเป็นอย่างมาก
“ฮิๆ ชิงเฟิงหมิงเยวี่ยกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้ว” โลลิน้อยดีใจมาก
ชิงเฟิงนั้นกลับกำลังคิดว่า กลับไปแล้วจะใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุหลอมรถเข็นถอดได้ประกอบได้ที่คุณชายเคยบอก ถึงตอนนั้นไม่ว่าหมิงเยวี่ยจะเข็นหรือแบกขึ้นหลังก็ทำได้ทั้งนั้น
นางแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว แบกได้แน่นอน
เขาไม่คิดจะปฏิเสธอะไรพวกนั้นเลย อย่างไรเสีย ชิงเฟิงหมิงเยวี่ย เมื่ออยู่ข้างกายคุณชายก็เป็นหนึ่งเดียวกัน
ตอนนี้เอง ฉับพลันนั้นกลางท้องฟ้ามีเสียงร้องน่าสังเวชดังมา
หลี่มู่เสมือนเทพสังหาร จิตดาบไร้ลักษณ์ฟ้าประทานหมุนวนรอบกาย เสื้อผ้าบนร่างกลายเป็นเศษปลิวกระจายไปนานแล้ว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อสีหยกแข็งแรงราวแกะสลักขึ้นมา มือซ้ายของเขาหิ้วศีรษะที่มีไฟสีแดงลุกไหม้ ศีรษะนั้นถึงแม้ถูกตัดขาดก็ยังมีชีวิต ส่งเสียงคำรามโหยหวน และยังคงดิ้นรน…
นั่นคือศีรษะของเหลียงจื้อร่างมาร
ห่างออกไปสามจั้ง ร่างไร้ศีรษะของเหลียงจื้อกำลังดิ้นรนสะเปะสะปะอยู่กลางอากาศ ประหนึ่งอยากจะหาศีรษะกลับคืนมา ทว่าไม่อาจมองเห็นได้ จึงเที่ยวชนไปทั่วปานแมลงวันไร้หัว
พลังชีวิตของปีศาจนอกพิภพช่างน่ากลัวจริงๆ
หลี่มู่ก็ค่อนข้างแปลกใจ เขาใช้ไฟแท้แห่งเต๋าเผาศีรษะของเหลียงจื้อแต่ก็เผาไม่ได้ ต่อให้ส่งไฟเข้าไปด้านศีรษะก็ไม่อาจสังหารได้
ตอนนี้เอง ปีศาจเพลิงดำโจมตีเข้ามาอีก
หลี่มู่ใช้ศีรษะของเหลียงจื้อต่างค้อนไฟ เข้าต่อสู้อีกครั้ง
ไม่นานนักก็เห็นร่างเหลียงจื้อใช้มือลูบผ่านหัวนมทั้งสองข้างของตัวเอง จุดนั้นเปลี่ยนเป็นตา ในขณะเดียวกันก็ลูบสะดือเปลี่ยนเป็นปาก ก่อนคำรามลั่นว่า “คืนหัวข้ามา” พลางพุ่งสังหารไปยังหลี่มู่
“เอ๋? เป็นสิงเทียนรึเจ้า…” หลี่มู่ตกใจ
ในตำนานของโลก หลังจากเทพสงครามสิงเทียนถูกตัดศีรษะก็ใช้หัวนมแทนตา ใช้สะดือแทนปาก แล้วบุกไปยังสวรรค์ คนรุ่นหลังขนานนามว่าเทพสงคราม เหลียงจื้อที่กลายเป็นมารคนนี้มีพลังของเทพสงครามด้วย?
แต่ว่า หลังจากเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ พละกำลังของเหลียงจื้อก็ลดลงไปขั้นหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ยามเขาอยู่ในร่างสมบูรณ์ หลี่มู่สู้หนึ่งต่อสองยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ นับประสาอะไรกับตอนนี้?
ไม่นาน เขาคนเดียวก็ควบคุมปีศาจร้ายนอกพิภพทั้งสองได้
ทว่าหลี่มู่ไม่ได้เผยความเหนือกว่าออกมา กลับกำลังค่อยๆ ฝึกฝน ใช้เนตรสวรรค์สำรวจไม่หยุด
หนึ่งเพื่อสำรวจจุดอ่อนของพวกมันจะได้โจมตีทีเดียวถึงตาย เลี่ยงไม่ให้หนีไปได้ อีกด้านหนึ่งก็เพื่อศึกษาสิ่งมีชีวิตที่มาจากห้วงดาราสมุทรเสียหน่อย ทำความเข้าใจล่วงหน้า ถึงอย่างไรภายหลังตนก็ต้องก้าวไปสู่ห้วงดาราสมุทร และต่อกรกับขั้วอำนาจที่จะทำลายโลก...
ด้านปีศาจเพลิงดำและเหลียงจื้อร่างมารตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ก็สู้ตายไม่ถอย บ้าคลั่งเป็นอย่างมาก ดุดันเป็นอย่างยิ่ง
‘หรือไอ้สองตัวนี้จะมีแผนสำรองอะไร?’
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของหลี่มู่
……
“ฮ่าๆ วันนี้จะเป็นวันตายของหลี่มู่”
ห่างออกไปสิบลี้ บนเมฆสีโลหิต ‘จอมมารจันทราโลหิต’ และสองคนสนิทอ้วนผอมยืนอยู่ในชั้นเมฆ เฝ้าดูการต่อสู้ที่ห่างออกไปไกลๆ ใบหน้าฉายรอยยิ้มย่ามใจ
คนสนิทอ้วนเอ่ยขึ้น “ประมุขหลักแหลมนัก ท่านฝึกฝน ‘คัมภีร์ทะเลโลหิตฉือหังตู้’ สามขั้นแรกสำเร็จแล้ว รอให้หลี่มู่สู้กับลิ่วล้อเสียไห่สองคนนี้จนบาดเจ็บไปทั้งคู่ ก็จะสังหารหลี่มู่ได้”
คนสนิทผอมก็กล่าวอย่างนอบน้อม “ประมุขหยั่งรู้ฟ้าดิน หลี่มู่จะสู้อะไรได้ เราได้ดูเสือสู้กันบนเขา นั่งรอรับประโยชน์ได้พอดี”
‘จอมมารจันทราโลหิต’ พยักหน้าอย่างได้ใจ “ใช่แล้ว ความอัปยศเพียงชั่วประเดี๋ยวนับเป็นอะไรได้ ขอแค่ฆ่าหลี่มู่ได้ ชื่อเสียงข้าก็จะสะท้านภพ ฮ่าๆ หลี่มู่ก็แค่เด็กคนหนึ่ง วันนี้ คือวันที่ข้าจะได้ล้างความอัปยศ”
……
“เวลาพอสมควรแล้ว”
หลี่มู่เปิดเนตรสวรรค์ มองทะลุแก่นแท้เคล็ดวิชาของปีศาจร้ายทั้งสอง พลังของปีศาจเพลิงดำอยู่ที่ไฟหินหลอมเหลวในกายและค่ายกลลายเต๋านอกกาย น่าจะเป็นปีศาจนรกที่บรรลุบางประเภท ส่วนเหลียงจื้อที่กลายเป็นมารคือร่างที่ลงมาเยือนไม่สมบูรณ์
เขาลงมือทันที ใช้เพลิงจักรพรรดิกระตุ้นจิตดาบ จิตดาบกลุ่มหนึ่งฟันออกไป ร่างไร้หัวของเหลียงจื้อขาดเป็นส่วนๆ ในพริบตา ประกายไฟวูบวาบ จากนั้นชิ้นส่วนร่างก็ร่วงลงสู่พื้นเหมือนท่อนไม้ไหม้เกรียม…
“อะไรกัน?” ม่านตาของเทพปีศาจเพลิงดำหดเล็กลง ตกใจยิ่งนัก
เขาสัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างที่คุ้นเคยจากไฟในมือหลี่มู่ นั่นเป็นพลังแห่งความตายที่มากพอจะทำให้ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนในห้วงดาราสมุทรหวาดกลัวทีเดียว ทำไมถึงไปอยู่ในมือของเด็กหนุ่มบนดาวพื้นเมืองแห่งนี้ได้?
“เจ้าเป็นใคร?” เทพปีศาจเพลิงดำถามอย่างตกใจ “เจ้าต้องเป็นผู้มาเยือนเหมือนกันแน่ เจ้ามาจากดาราจักรใดสำนักใด? ข้าเป็นศิษย์ของเสียไห่ อย่าได้เข้าใจผิด…”
“เข้าใจผิดมารดาเจ้าสิ” หลี่มู่ลงมืออีกครั้ง
ไฟจักรพรรดิประดุจดาบ ฟันร่างของปีศาจเพลิงดำแหลกเป็นชิ้นทันที
ลวดลายเต๋าแน่นขนัดเป็นชั้นๆ หมุนวน หินหลอมเหลวแปลกประหลาดพุ่งกระฉูดกลายเป็นสะเก็ดไฟทั่วฟ้า ก่อนกลับมารวมเป็นร่างจริงของปีศาจเพลิงดำอีกครั้ง “ข้าคือร่างมารที่ลงมาเยือนสมบูรณ์ ต่างจากเหลียงจื้อ เจ้าคิดจะฆ่าข้านั้นเป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นอมตะ ข้า…”
ยังพูดไม่ทันจบ ร่างของมันก็ถูกแสงจิตดาบไร้รูปร่างฟันเป็นสะเก็ดไฟกระจายทั่วอีกครั้ง
“คิดจะลดพลังของข้า? ข้าเกิดใหม่ได้เป็นล้านรอบ...” เสียงกำเริบเสิบสานของเทพปีศาจเพลิงดำลอยออกมาจากสะเก็ดไฟ “ขอแค่ไฟดาริกาไม่มอดไหม้ ข้าก็จะไม่ตาย เจ้า…”
ทว่าตอนนี้ จู่ๆ หลี่มู่ก็อ้าปากสูดลมหายใจ
ประหนึ่งวาฬสูบน้ำ พลังที่ไร้รูปร่างตลบกระจายออกมา สะเก็ดไฟระยิบระยับนั้นถูกสูบเข้าไปในปากเขา ไม่หลุดรอดไปแม้แต่น้อย
“เจ้า…” ในที่สุดเทพปีศาจเพลิงดำก็ลนลานแล้ว
…
“ประมุข เหมือนหลี่มู่จะชนะแล้วเลย”
“ประมุข ท่านจะลงมือหรือไม่ เอ๋? ปะ ปะ ปะ ปะ…ประมุข?”
คนสนิทผอมมองภาพการต่อสู้ที่อยู่ไกลๆ อย่างงงงัน สถานการณ์พลันพลิกผัน ทำให้พวกเขาอึ้งจนพูดไม่ออก หลี่มู่แสดงพลังที่เกินกว่าระดับมาตรฐานออกมา จับซัดและฟันสังหารเทพมารเพลิงดำกับเหลียงจื้อราวกับบิดาตีบุตรชาย
เมื่อคนสนิทผอมอ้วนตั้งสติกลับมาได้ กลับเห็นว่าข้างกายไร้เงาของจอมมารจันทราโลหิตแล้ว
ครั้นดูอีกครั้ง ประมุขพรรคแปลงเป็นสายรุ้ง หนีหัวซุกหัวซุนไปไกลลิบดุจหมาบ้า
“ประมุขสมกับเป็นประมุข หนีเร็วกว่าพวกเราเสียอีก”
“ประมุขฉลาดล้ำนัก พอเห็นสถานการณ์เปลี่ยนก็รีบหนีทันทีโดยไม่ต้องยั้งคิด นี่หรือคือคุณสมบัติของจอมฉวยโอกาส?”
ตัวขี้ประจบหนึ่งผอมหนึ่งอ้วนตั้งตัวกลับมา รีบไล่ตามไป
“ประมุข รอพวกเราด้วยขอรับ”
ทั้งสองรีบไล่ตามสุดกำลัง
“สมควรตาย หลี่มู่จู่ๆ ทำไมถึงแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้?” จอมมารจันทราโลหิตโมโหเดือดดาล กระทืบเท้าพลางกัดฟันกรอด “ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ต้องหนี…ฝึกฝน ‘คัมภีร์ทะเลโลหิตฉือหังตู้’ ขั้นที่สี่สมบูรณ์ถึงจะเป็นคู่ต่อสู้ของคนผู้นี้ได้”
ร่างทั้งสามหนีไปทีเดียวไกลหมื่นลี้ถึงจะหยุดลง
“ประมุข…” คนสนิทอ้วนเข้าไปใกล้
จอมมารจันทราโลหิตเอ่ยขัด “อย่าพูด”
“ประมุขอย่าได้โทษตัวเองเลย สัตบุรุษมิควรอยู่ในที่อโคจร คีรีเขียวกว้างใหญ่ เหตุใดกลัวไร้ฟืนเผา…ยืดได้งอได้ ถึงจะ…” คนสนิทผอมกล่าวประจบ
จอมมารจันทราโลหิตบอก “หุบปาก...เรื่องวันนี้ หากใครกล้าพูดออกไป ข้าจะฆ่ามันซะ”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ประมุขกล้ำกลืนความอัปยศ พวกเราจะปิดปากเงียบแน่” คนสนิทอ้วนผอมเหงื่อไหลซ่ก รีบเอ่ยปากรับประกัน
“ไป กลับฐานที่มั่นหลัก พบท่านอาจารย์เซียน ข้าจะปิดด่านฝึกฝน” ‘จอมมารจันทราโลหิต’ เอ่ย
“ประมุข…” คนสนิทผอมอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดเอาไว้
‘จอมมารจันทราโลหิต’ พูดอย่างโมโห “บอกว่าให้หุบปากไม่ใช่รึ?”
ทั้งสามแปลงเป็นลำแสงบินไปข้างหน้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง คนสนิทอ้วนก็อดไม่ไหวอีกต่อไป “ประมุข เหมือนว่าพวกเราจะมาผิดทางแล้วขอรับ นี่ไม่ใช่ทางกลับฐานที่มั่นหลัก…”
จอมมารจันทราโลหิตว่า “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?”
เมื่อครู่หลี่มู่ทำให้เขาตกใจอกสั่นขวัญแขวน ถึงกับลนลานไม่เลือกทิศ หนีไปผิดทาง
……
บนเกาะขอทาน
“ปล่อยข้า ข้าคือศิษย์ของเสียไห่ เทวะเสียไห่ใกล้จะลงมาเยือนแล้ว เขาไม่ปล่อยเจ้าไปแน่…” เสียงโกรธเกรี้ยวดังมาจากไฟสีดำกลางฝ่ามือของหลี่มู่
การต่อสู้จบลงแล้ว
เหลียงจื้อร่างมารสู้ตายไป ส่วนเทพปีศาจเพลิงดำถูกหลี่มู่ผนึกเอาไว้ในไฟลูกนี้
………………………………………………