จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 417 ตายเสียเถิด
หลี่มู่ร่ายในใจ กระตุ้นวิชาดาบเหินหาว ดาบบินสิบเล่มสั่นคว้าง สร้างระลอกคลื่นอากาศชั้นหนึ่งบนท้องฟ้ากระเพื่อมออกไปราวคลื่นน้ำ ส่วนดาบบินพุ่งทะลวงเป็นสายรุ้งในพริบตา เส้นโค้งคล้ายเขาแพะตีวงโคจรจากมุมที่แตกต่างกัน ฟาดฟันสังหารไปยังจักรพรรดิฉินหมิง
ไม่จำเป็นต้องพูดมาก
เพียงสู้ศึกเท่านั้น
ด้วยวิชาดาบเหินหาวและจิตดาบ การกระตุ้นพลังของมิติเก็บดาบ ตัวดาบได้รับพลังไฟจักรพรรดิ ความแข็งแกร่งของอานุภาพโจมตีเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง องครักษ์มารเกราะดำสิบคนที่เฝ้าสิบทิศทางก่อนหน้านี้รวมตัวกันเป็นค่ายกลมารฟ้า แต่ยังถูกหลี่มู่โจมตีแตกพ่ายในคราเดียว นี่นับเป็นอภินิหารที่จัดการมหาเทวะได้ในพริบตา
“มีพลังฝึกเช่นนี้ได้ หายากจริงๆ สมแล้วที่กำเริบเสิบสานเช่นนี้” จักรพรรดิฉินหมิงยิ้มเรียบๆ เอ่ยต่อว่า “ถ้าหากในศึกที่ขุนคีรีเมื่อครั้งนั้นเจ้ามีพลังแบบนี้ ข้าต้องยอมถอยให้เป็นแน่ นี่เป็นเรื่องแรกที่คุ้มค่าให้เจ้าเสียใจภายหลัง”
เขาพูดพลางงอนิ้วดีดเบาๆ
เคร้งๆๆ!
พลังดัชนีมารฟ้าไร้ลักษณ์พลันดีดดาบบินซึ่งตีวงโค้งเป็นมุมอันน่าเหลือเชื่อกระเด็นออกไป พลังไฟจักรพรรดิที่เสริมอยู่บนตัวดาบก็สลายหายไปเช่นกัน
ดาบยาวหมุนคว้างกลับมาทางหลี่มู่
สีหน้าหลี่มู่ไม่แปรเปลี่ยน กระตุ้นมิติเก็บดาบเต็มกำลัง
ฟิ้วๆๆ
ดาบบินหนึ่งร้อยแปดเล่มพุ่งออกไปรวดเร็วยิ่ง เพียงพริบตาทั่วฟ้าก็เต็มไปด้วยจิตดาบที่ดุดัน แสงดาบระยิบระยับเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือนหลายสายประดุจสายฟ้า พลังปีศาจสีหมึกที่ไหลเวียนถูกตัดแยกเป็นร่องๆ ในพื้นที่รัศมีสองลี้เสมือนโดนคมดาบฟันผ่าในฉับพลัน
จักรพรรดิฉินหมิงตกอยู่ในตาข่ายเขตแดนดาบอันไร้รูปร่างทันที
แสงดาบวูบวาบ วัตถุทั้งหมดรอบตัวเขาพลันกลายเป็นฝุ่น เปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า
“สิ่งที่เจ้าพลาดลำดับที่สอง คือไม่ยอมบุกโจมตีจวนเจ้าเมืองตั้งแต่แรก มัวเสียเวลาอยู่นานสองนาน ข้าประมาทเลินเล่อจึงบาดเจ็บเพราะจิตกระบี่เทพที่เหลืออยู่ในร่างของอวี๋ฮว่าหลง ใช้เวลารักษาครึ่งชั่วยามเต็มถึงสามารถขับจิตกระบี่นั้นออกมาได้ หากเป็นช่วงหนึ่งถ้วยชาก่อนหน้า ขณะที่รักษาอาการบาดเจ็บอยู่ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ น่าเสียดาย ตอนนี้ข้าฟื้นฟูกลับมาเต็มที่แล้ว…”
ระหว่างที่จักรพรรดิฉินหมิงยิ้มราบเรียบ นิ้วยังคงดีดออกมาไม่หยุด
กลางอากาศ ประกายไฟแสบตาระเบิดติดต่อกันประหนึ่งดอกไม้ไฟ จากนั้นเสียงโลหะกระทบกันโครมครามดังขึ้นมา ดาบบินหลายเล่มถูกดีดกลางอากาศ พลิกกลับพุ่งตรงกลับมา
ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งใต้หล้า เพียงขยับแขนขาก็ทำลายวิชาดาบเหินหาวอาบไฟจักรพรรดิของหลี่มู่ได้
“พูดมากจริง รีบๆ ลงนรกไปเสีย” กลางหว่างคิ้วของหลี่มู่ เนตรสวรรค์เปิดออก สายฟ้าสีม่วงก่อตัวขึ้นในเนตรสวรรค์ ก่อนแสงอัสนีเทพสีม่วงสายหนึ่งจะถูกยิงออกไป
เนตรอัสนีม่วง
พลังอัสนีที่น่าสะพรึงกลัวหลอมละลายพลังปีศาจสีดำหนาหนัก ไหลเข้าไปด้านหน้าจักรพรรดิฉินหมิงในพริบตา เขาตะโกนลั่นภายใต้ความอึ้งงัน “กลยุทธ์มารฟ้า หมื่นเวทไร้พรมแดน”
พลังแห่งมารฟ้าซึ่งเข้มข้นราวน้ำหมึกระเบิดออกทันใด พริบตาเดียวในทั่วทั้งด่านเมืองมังกรมีมารฟ้าออกเริงระบำ ไอมารสีดำกลายเป็นร่างเงามารซ้อนทับกัน ทหารฉินตะวันตกนับแสนที่ตั้งมั่นอยู่ในเมืองถูกพลังปีศาจนี้ช่วงชิงชีวิตไปในพริบตา เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่หวงเซิ่งอี้และดาบจักรพรรดิอิ้งซานเสวี่ยอิงดูดกลืนชีวิตของทหารรักษาวังแล้วไม่มีอะไรต่างกันเลย พลังน่ากลัวเข้ามารวมกันที่ร่างของจักรพรรดิฉินหมิงในพริบตา ทั้งร่างของเขาจมหายไปกับหมอกสีดำข้นหนักราวหมึกนี้ แววตาทั้งสองสั่นไหว เปล่งแสงน่ากลัวปานเลือดสดออกมา
ตูม!
ร่างของจักรพรรดิฉินหมิงถูกอัสนีเทพสีม่วงกระแทก ไอมารหลอมละลาย ต้องถอยหลังไม่หยุด แต่ท้ายสุดก็ยังต้านทานการรุกรานของพลังอัสนีนี้ไว้ได้ ทั่วร่างมีไอมารสีหมึกพันรอบ ยืนนิ่งอยู่อย่างมั่นคง
“ไม่มีประโยชน์ ขั้นพลังของเจ้ายังไม่เพียงพอ แค่ก้าวที่สองขั้นเหนือมนุษย์เท่านั้น ถึงแม้จะสังหารมหาเทวะได้ในพริบตา แต่ขั้นพลังแตกต่างกันเกินไป คิดจะทำให้ข้าพ่ายแพ้คือเรื่องเพ้อฝัน” จักรพรรดิฉินหมิงยืนมั่นคง หัวเราะเยาะอย่างหยิ่งยโสและดูแคลน
เมื่อครู่เขาอาศัยพลังฝึกที่ลึกล้ำสูงส่ง แทบจะเป็นพลังที่เทียบเท่ากับขั้นทะลวงสวรรค์ สกัดกั้นเนตรอัสนีม่วงของหลี่มู่ไว้ หากหลี่มู่ฝึกจนเข้าขั้นทะลวงสวรรค์ ไม่สิ ต่อให้เข้าขั้นมหาเทวะ พลังเนตรอัสนีม่วงนี้ก็เพียงพอที่จะบดขยี้เขาให้พินาศกลายเป็นฝุ่นผงได้ ทว่าพลังฝึกหลี่มู่ไม่มากพอ มีแต่ต้องพลาดไปในขั้นสุดท้ายเท่านั้น
หลี่มู่ไม่ได้พูดอะไร
วิชาดาบเหินหาวอาบไฟจักรพรรดิบวกกับเนตรอัสนี โจมตีต่อเนื่องไม่หยุด
จักรพรรดิฉินหมิงสำแดงวิชาที่ไม่ใช่พลังของโลกใบนี้ วิชาเต๋ากับพลังจากไอมารสีดำเข้มกวาดปกคลุมทั่วเมือง และแปรเปลี่ยนเป็นอักขระนอกพิภพหลายตัวอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนย้ายไปมาไม่หยุด แต่กลับสามารถเหนี่ยวนำพลังฟ้าดิน ขานรับดวงดารา สกัดกั้นดาบบินไฟจักรพรรดิและเนตรอัสนีของหลี่มู่ได้ทั้งหมด
หลี่มู่ใช้ไพ่ตายไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่อาจทำลายการป้องกันของจักรพรรดิฉินหมิงได้
“พอแค่นี้เถอะ เจ้าสังหารข้าไม่ได้หรอก” จักรพรรดิฉินหมิงยิ้มเย็น จ้องมองหลี่มู่ด้วยความเย้ยหยันและเวทนา “หากเจ้าฝึกมาอีกสักสิบปี อาจจะสามารถต่อกรข้าได้ ทว่าตอนนี้…นี่คือไพ่ตายของเจ้าทั้งหมดแล้วสินะ? ก็พอๆ กับอวี๋ฮว่าหลงเท่านั้น คิดจะสังหารข้ายังห่างไกลอีกหลายขุม”
แสงสว่างวาบขึ้นในมือเขา แสงทรงกลมสีดำสนิทลูกหนึ่งปรากฏ ด้านในมีร่างคนเล็กๆ ขยับวูบวาบ พยายามชนผนังของแสงทรงกลมไม่หยุดหย่อน เมื่อมองอย่างละเอียดกลับเป็นภาพคล้ายของอวี๋ฮว่าหลง “เห็นแล้วหรือยัง? อวี๋ฮว่าหลงถูกข้าดึงสามจิตเจ็ดวิญญาณออกมาจากร่าง หลอมเข้ามาอยู่ในตราประทับมารฟ้าลแล้ว ข้าจะหลอมเขาทั้งคืนวัน หลอมไปเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันก็จะช่วงชิงดวงวิญญาณมาได้ และรู้ที่อยู่ของพวกกากเดนต้าเยวี่ยทั้งหมด รวมไปถึงแก่นแท้ของวิชากระบี่เทพนั่นด้วย!”
นี่คือการจงใจยั่วโมโหและยั่วยุหลี่มู่
“สังหาร!” หลี่มู่ยกมือขึ้น คว้าดาบบินเล่มหนึ่งออกมาจากจำนวนหนึ่งร้อยแปดเล่ม แทงตรงไปยังจักรพรรดิฉินหมิงราวสายฟ้าแลบ ขณะแสงดาบเปล่งประกาย ดาบวายุเมฆาหกเล่มม้วนออกมาประดุจคนหกคนโจมตีพร้อมกัน มุ่งเป้าไปที่แขนซ้ายของจักรพรรดิฉินหมิงโดยเฉพาะ คิดที่จะแย่งแสงทรงกลมนั้นมา
จักรพรรดิฉินหมิงยิ้มเย็นชา “อย่างไรก็ยังมดปลวก…เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าจะนำความประหลาดใจมาให้ข้าได้ แต่นี่ยังสู้กับเพลงกระบี่ของอวี๋ฮว่าหลงไม่ได้เลย หายไปเสีย!” เขาพลิกมือชักกระบี่โอรสสวรรค์ ประกายสีแดงในดวงตาพรั่งพรู จิตกระบี่ซัดโหมขึ้นมาในพริบตา พลังมารฟ้าโถมกวาดมาอย่างบ้าคลั่ง หลี่มู่ถูกพลังนี้ซัดออกไป
ยังคงเป็นเพราะความเหนือกว่าด้านขั้นพลังฝึก
หลี่มู่ย่อไหล่ลง ใช้วิชาขี่เมฆาเหินฟ้าเทพแห่งความเร็ว สองมือจับดาบบินสองเล่มฟันทำลายการป้องกันจักรพรรดิฉินหมิงแตกในพริบตา แสงดาบดุจดาวตก ฟันไปยังช่วงเอวของจักรพรรดิฉินหมิง
จักรพรรดิฉินหมิงหัวเราะลั่น กระบี่โอรสสวรรค์ฟาดฟัน พลังมารฟ้าระเบิดปะทุ ขวางดาบของหลี่มู่ไว้อยู่หมัด ก่อนเอ่ยว่า “เหมือนสัตว์ที่ถูกล่ามดิ้นรน หลี่มู่ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ถ้าหากเจ้ามีพลังและไพ่ตายเพียงแค่นี้ ก็ไม่ควรจะมารนหาที่ตาย…ข้าฝึกฝนวิชาเต๋าของโลกนอกพิภพ พลังมารฟ้าบรรลุขั้นสมบูรณ์ ต่อให้เป็นพลังขั้นทะลวงสวรรค์ก็ไม่อยู่ในสายตาข้า เจ้ามันอ่อนแอเกินไป อยู่ก้าวที่สองขั้นเหนือมนุษย์เท่านั้น ต่อให้สังหารมหาเทวะได้ แต่ก็ไม่ใช่คู่มือของข้า!”
ระหว่างที่พูด กระบี่โอรสสวรรค์ระเบิดพลังมารฟ้าออกมาเป็นชั้นๆ หลี่มู่ถูกกระแทกกระเด็นออกไป
กลยุทธ์ของจักรพรรดิฉินหมิงนั้นง่ายมาก เขาใช้ความได้เปรียบของขั้นพลังที่เหนือกว่าทำลายไพ่ตายแต่ละอย่างของหลี่มู่ หลี่มู่สามารถทำศึกข้ามขั้น ย้อนศรสังหารขั้นเทวะ แต่อย่างไรเสียก็เป็นเพียงการสังหารมหาเทวะโดยฉับพลัน นี่คือที่สุดแล้ว เทียบกับจักรพรรดิฉินหมิงที่เทียบเท่าขั้นทะลวงสวรรค์ กลับยังห่างชั้นกันอยู่มาก
หลี่มู่ยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ ดาบบินร้อยแปดเล่มลอยวนเวียนอยู่รอบกายด้วยความเร็วสูงสุด กลายเป็นเขตแดนดาบสังหาร
เขามองไปที่จักรพรรดิฉินหมิง แววตาเดือดดาล
ลองใช้กลวิธีมากมายเพื่อแย่งชิงตราประทับมารฟ้าในมือจักรพรรดิฉินหมิงมา หากสามารถชิงวิญญาณของอวี๋ฮว่าหลงกลับมาจากมือจักรพรรดิฉินหมิงได้ ไม่แน่ว่าอาจมีความหวังในการช่วยชีวิตเขา ทว่า…ขั้นพลังต่างกันเกินไปจริงๆ ต้องเป็นทักษะต่อสู้และจิตต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเท่านั้นจึงจะชดเชยได้
หลักสำคัญที่สุดคือจักรพรรดิฉินหมิงฝึกฝนวิชานอกพิภพมา แฝงด้วยแก่นแท้แห่งมรรคอันยิ่งใหญ่ ซึ่งไปไกลกว่าโลกใบนี้ ทำให้ข้อได้เปรียบด้านวิชาของหลี่มู่ลดลงด้วย
หลี่มู่ออกกระบวนท่าไม่หยุด
ทว่าล้วนถูกจักรพรรดิฉินหมิงขยับกายทำลายไป
“ข้ามองวิชาของเจ้าออกหมดแล้ว หลี่มู่ เจ้าไม่มีวันพลิกแพ้เป็นชนะได้” จักรพรรดิฉินหมิงที่ได้เปรียบกว่ากล่าว “ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ ข้าฝึกฝนวิชาของสำนักมารอันดับหนึ่งแห่งเขตดาราเทพวีรชน ห่างชั้นจากโลกใบนี้มาก เหยียบย่ำอยู่เหนือสวรรค์ทั้งมวล เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก”
ร่างของเขาสูงใหญ่ขึ้นทันใด ขยายออกอย่างต่อเนื่อง เผยร่างเวทออกมา ราวกับมารฟ้าลงมาเยือนก็มิปาน ภายใต้หมอกสีหมึกดำวนเป็นเกลียว อักขระสีดำหลายสายหมุนเกลียวตาม ส่องแสงระยิบระยับ ร่างเวทที่สูงถึงร้อยจั้ง เปรียบดั่งเทพมารที่แท้จริงจุติลงมายืนตระหง่านใต้แผ่นฟ้าอย่างไรอย่างนั้น เสียงปานฟ้าดินสั่นสะเทือนร่วมกันดังสะท้อนในอากาศ
“ข้ามีจักรวรรดิกว้างใหญ่ เขตแคว้นอื่นอย่างซ่งเหนือและหนานฉู่ จะช้าหรือเร็วก็ต้องมาอยู่ใต้คมกระบี่ข้า” ร่างเวทของจักรพรรดิฉินหมิงก้มลงมองหลี่มู่ สายตาราวกระบี่เทพผ่าฟ้าปกคลุมหลี่มู่ไว้ เอ่ยว่า “เจ้ามองดูตัวเจ้า ราวกับสุนัขเร่ร่อน ฉินตะวันตกไม่ยอมรับเจ้า ซ่งเหนือไม่ยอมรับเจ้า หนานฉู่ก็เช่นกัน วันที่ข้ารวมใต้หล้าเป็นหนึ่ง บนแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ ก็จะไม่มีที่ยืนสำหรับเจ้าอีก จะไม่มีคนคอยติดตามเจ้า และทั้งหมดนี้จะเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
หลี่มู่ไม่พูดอะไร
ตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงกลองศึกดังขึ้นจากที่ไกลๆ เสียงกู่ร้องตะโกนสังหาร จากไกลเข้ามาใกล้ ค่อยๆ โถมทะลักเข้ามา เป็นกองทัพต้าเยวี่ยที่ควรจะหนีไปแล้วในตอนแรก แต่บุกฝ่ากลับมาภายใต้การนำของจางซานและชิงมู่…
“ข้ายอมสู้ตายเคียงบ่าเทวะหลี่”
“หากเทวะหลี่กับองค์รัชทายาทสู้จนตัวตาย ต่อให้พวกข้าต้องใช้ชีวิตไปวันๆ จะมีความหมายใด?”
“เปลวเพลิงต้องลุกไหม้ เชื้อเพลิงจึงจะลุกลามต่อไป หากไม่กล้าต่อสู้ แล้วจะลุกไหม้ได้ที่ไหน?”
“สู้ตาย!”
“ไม่หนีอีกแล้ว”
เสียงตะโกนกู่ก้องของทหารต้าเยวี่ยที่เหลือดังผ่านหมอกมารเป็นชั้นๆ เข้ามาถึงในสนามรบ
หลี่มู่ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “คนเปี่ยมคุณธรรมมีผู้ค้ำจุน คนไร้คุณธรรมผู้สนับสนุนย่อมน้อยตาม ถึงแม้เจ้าจะควบคุมใต้ฟ้า แต่ก็แค่หัวเดียวกระเทียมลีบ มีอะไรควรค่าให้เอ่ยชม? ตัวเป็นถึงจักรพรรดิแห่งฉินตะวันตก กลับก้มศีรษะให้คนจากนอกพิภพ แล้วจะไปมีเกียรติแห่งจักรพรรดิได้อย่างไร? ครองแผ่นดินด้วยอำนาจบาตรใหญ่ ก็แค่ม่านหมอกผ่านตาเท่านั้น…จักรพรรดิฉิน ข้ามีกระบวนท่าหนึ่งจะส่งเจ้าสู่ความตาย!”
ระหว่างพูด เขางอตัวลงเล็กน้อย ทำท่าทางประหลาดออกมา
นี่คือท่าเริ่มของหมัดเต๋า ‘พันคลื่นวารี’
ในที่สุด วิชาหมัดซึ่งแฝงด้วยพลังแห่งเซียนก็ปรากฏขึ้นบนโลกนี้แล้วจากในวิชาหมัดยุทธ์แท้
……………………………………….