จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 424 เลือดล้างด้วยเลือด
ตอนนี้ต่อให้เป็นคนโง่ก็มองออก เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือหลี่มู่ที่พวกเขาโจมตีด้วยปากนั่นเอง
อันที่จริงคนมากมายรู้จักรูปลักษณ์ของหลี่มู่ เอกลักษณ์เด่นที่สุดสองอย่างคือผมสั้นและชุดขาว สำนักและตระกูลใหญ่ที่ปลีกวิเวกไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอกจริงๆ แต่แฝงตัวอยู่ในโลกอย่างเงียบงัน แอบควบคุมบางสิ่งอย่างลับๆ ก่อนที่จะมาจัดการหลี่มู่ จะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเขาแม้แต่น้อยได้อย่างไร?
เพียงแต่เมื่อครู่หลี่มู่อุ้มเด็กทารก ผมยุ่ง หนวดครึ้ม เสื้อขาวเต็มไปด้วยคราบสกปรกทั้งยังดูเหนื่อยล้า ไม่ตรงกับเทวะหนุ่มที่บุคลิกโดดเด่นตามจินตนาการและในรายงานเลยสักนิด ดังนั้นจึงไม่ได้เชื่อมโยงตัวจริงกับรายงานเข้าด้วยกันตั้งแต่ทีแรก
จนเมื่อพวกจางซานและมู่ชิงทำความเคารพหลี่มู่ ในที่สุดพวกเขาก็ตั้งสติกลับมาได้
คนทั้งหลายที่แต่เดิมตะโกนอย่างฮึกเหิมเดือดดาลเงียบกริบเหมือนเป็ดถูกบีบคอไปในชั่วพริบตา
สายตาของหลายคนเริ่มหลบเลี่ยง ไม่กล้าสบตาหลี่มู่
เหล่าคนที่เคืองแค้นต่อความอยุติธรรมเป็นที่สุดก่อนหน้านี้กลับถอยไปเร็วที่สุด
โจวอู่ผู้คุมกฎสูงสุดจากสำนักวิญญาณเหนือหดคอ ถอยไปข้างหลัง
เมื่อครู่เขาลงมือกับหลี่มู่?
นี่ไม่ใช่การโอ้อวดอายุขัยต่อหน้าเทพแห่งความตายหรือไร?
เขากลัวแล้ว
ทว่า กลัวสิ่งไหนสิ่งนั้นก็มา
“เป็นเขาที่วันนี้ลอบทำร้ายพี่ใหญ่จาง แล้วพาตัวไป…” ทหารต้าเยวี่ยที่ร่างอาบเลือดคนหนึ่งพุ่งออกมาจากประตูจวนเจ้าเมือง ชี้ไปยังโจวอู่พลางเอ่ยอย่างโกรธแค้น
สายตาของหลี่มู่หยุดที่ร่างของคนผู้นี้ทันที
“ข้า…ข้าก็แค่ถามอะไรเขานิดหน่อย ไม่ได้ฆ่าเขา” โจวอู่เมื่อครู่ตะโกนได้อารมณ์ที่สุด บอกจะให้หลี่มู่ส่งเคล็ดวิชาลับและสมบัติมา แต่ตอนนี้เมื่อหลี่มู่มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาจริงๆ กลับขี้ขลาดราวสุนัข ท่าทางว่าง่ายถ่อมตัว
เมื่อพลังจิตวิญญาณกวาดผ่าน หลี่มู่ก็รู้ว่าคนคนนี้กำลังโกหก ทหารต้าเยวี่ยคนนั้นน่ากลัวว่าคงเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดีแล้ว จากนั้นปราณดาบไร้รูปร่างสายหนึ่งฟันออกมา ตัดศีรษะของเขาทิ้งโดยพลัน
เลือดสดสาดกระจาย
ร่างของโจวอู่ล้มลง เลือดไหลพลั่กๆ ลงบนพื้นดิน
เสียงร้องแตกตื่นดังขึ้นทั่ว
บรรยากาศชวนให้คนหวาดผวา
“เจ้า…” เจ้าสำนักวิญญาณเหนือมองหลี่มู่ โมโหเป็นอย่างมาก
โจวอู่เป็นผู้แข็งแกร่งคนสำคัญในสำนักวิญญาณเหนือ มีชื่อเสียงมานานนม ต่อหน้าสำนักและตระกูลที่ปลีกวิเวกมากมายเช่นนี้ บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่ากันเลย นี่จะให้สำนักวิญญาณเหนือเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“หลี่มู่ คนของสำนักวิญญาณเหนือ เจ้าบอกว่าจะฆ่าก็ฆ่ากันเลย กำเริบเสิบสานมากไปหน่อยกระมัง” เจ้าสำนักวิญญาณเหนือแค่นเสียงหยัน “วันนี้เจ้าต้องให้คำตอบกับข้า”
“คำตอบ?” หลี่มู่หัวเราะเสียงเรียบ “ได้ เช่นนั้นจะให้คำตอบหนึ่งกับเจ้า”
แสงดาบกลุ่มหนึ่งกะพริบผ่าน
ร่างของเจ้าสำนักวิญญาณเหนือค้างแข็ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
เขาเบิกตากว้างพลางมองหลี่มู่ รอยเลือดบางๆ เส้นหนึ่งปรากฏบนคอ จากนั้นศีรษะก็ร่วงลงมาจากตรงนั้นอย่างเงียบงัน เลือดพุ่งกระฉูดปานน้ำพุเลือด ร่างล้มลงไปเช่นกัน
จิตดาบแทรกซึมเข้าไปในกายของเขา ทำลายอวัยวะภายในและสมอง ทำลายพลังชีวิตทั้งหมด ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้ว
“อะไรกัน?”
“เจ้าสำนักวิญญาณเหนือถูกฆ่าแล้ว?”
“ตายได้อย่างไร?”
“ใช้แค่ดาบเดียว?”
“เจ้าสำนักวิญญาณเหนือเป็นถึงเทวะขั้นต้น นี่…”
ผู้คนรอบด้านตื่นตระหนกตกใจ ความเย็นยะเยือกปกคลุมพวกเขาเอาไว้อย่างควบคุมไม่ได้ ขั้นเทวะคนหนึ่งเชียว สังหารทิ้งราวกับเชือดไก่เช่นนี้ หลี่มู่กระทั่งว่าแม้แต่มือก็ไม่ได้ยกด้วยซ้ำ…นี่มันจะเหลวไหลเกินไปแล้วกระมัง?
“เจ้าสำนัก…”
“สู้แลกชีวิตกับมันแล้ว”
“สังหาร!”
ผู้แข็งแกร่งสำนักวิญญาณเหนือหลายคนที่เหลือตาแดงก่ำ ขับเคลื่อนวรยุทธ์อย่างบ้าคลั่ง จากนั้นโจมตีไปยังหลี่มู่ หวังให้ตายตกไปด้วยกัน
ทว่าพวกเขาเพิ่งจะขยับ กลางอากาศก็มีแสงดาบห้าหกทางส่องกะพริบ ก่อนฟันร่างพวกเขาเหมือนดายหญ้าในเสี้ยวพริบตา จิตดาบที่เหี้ยมโหดโจมตีเข้าไปในร่างกายพวกเขาจากทางปากแผลทันใด วิญญาณและจิตสำนึกทั้งหมดถูกทำลายเกลี้ยง
สำนักวิญญาณเหนือดับดิ้นกันทั้งหมด
“ไม่ว่าใคร หากฆ่าชาวต้าเยวี่ยของข้าไปหนึ่งคน จะต้องสำเหนียกว่าบัญชีเลือดก็ต้องล้างด้วยเลือด”
หลี่มู่ลงมืออย่างไร้ความปรานี บดขยี้สำนักวิญญาณเหนือจนหมดสิ้น
จางซานและมู่ชิงที่อยู่ข้างๆ เพียงรู้สึกว่าใต้เท้าในตอนนี้ต่างไปจากเมื่อก่อน บนร่างมีความรู้สึกว่าเผยคมเขี้ยวออกมาหมด ประดุจดาบเทพชั้นเลิศเล่มหนึ่งพลันลับคม ทั้งยังต่างจากยามสู้ศึกจักรพรรดิฉินหมิงก่อนหน้านี้ ยิ่งคมกริบขึ้น เหี้ยมโหดรุนแรงขึ้น คมประกายที่ยากจะบรรยายปะทะเข้ามาหา ราวกับว่าเปลี่ยนเป็นคนละคน
คนจากตระกูลและสำนักใหญ่ที่ปลีกวิเวกก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน
ความแข็งแกร่งของหลี่มู่ชวนให้พวกเขาหวาดผวา
ชั่วเวลานั้น ในใจของหลายคนแอบตีกลองถอยทัพอยู่เงียบๆ แล้ว
หมิงซานอ๋องแห่งฉินตะวันตกหัวเราะเสียงเย็นอยู่ท่ามกลางฝูงชน เอ่ยยุยงคนอื่นๆ “ทุกคนไม่ต้องกลัว…เหอะๆ หลี่มู่ มีปัญญาเจ้าก็ฆ่าพวกเราให้หมดเสียสิ ฮึ ความยุติธรรมอยู่ที่ใจคน เจ้าคิดเห็นต่างเอะอะก็ฆ่าคนล้างสำนัก สวรรค์ไม่ละเว้นเจ้าแน่…ทุกคน ไม่ต้องกลัว อย่างดีก็สู้ตายกันไปข้างหนึ่ง”
“นี่คือหมิงซานอ๋องแห่งฉินตะวันตก แฝงตัวเข้ามาในเมืองได้สามวันแล้ว พี่น้องพวกเราหลายสิบคนหายตัวไปเหมือนว่าจะเกี่ยวกับหมิงซานอ๋องผู้นี้” จางซานเอ่ยแนะนำเสียงเบากับหลี่มู่
เขากับมู่ชิงสองคนไม่ใช่ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ทำอะไรไปบ้าง แต่เพราะสถานะของหลี่มู่พิเศษ พวกเขากลัวจะส่งผลกระทบกับหลี่มู่ และทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย จึงทำได้แค่อดทน ทำได้แค่เสียสละ
หลี่มู่มองหมิงซานอ๋อง “คนล่ะ?”
หมิงซานอ๋องหัวเราะเจ้าเล่ห์ “คนของพวกเจ้าหายไป ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร บางทีอาจจะรู้สึกว่าราชวงส์ต้าเยวี่ยตกต่ำ ยืนหยัดต่อไปได้อีกไม่นานเท่าไร เลยแอบหนีไปเองกระมัง อีกอย่าง ในโลกที่วุ่นวายนี้มดปลวกทรยศตายไปไม่กี่ตัวก็เป็นเรื่องปกตินักไม่ใช่หรือ?”
ท่าทางเขามั่นอกมั่นใจเหลือประมาณ ซ้ำยังไม่หวาดกลัวอะไร
น้ำเสียงแบบนี้เป็นการท้าทายกันชัดๆ
ทุกคนต่างแปลกใจ หมิงซานอ๋องมีพลังฝึกแค่ครึ่งขั้นเทวะเท่านั้น ห่างชั้นจากเจ้าสำนักวิญญาณเหนืออีกไกลนัก หรือว่าเขาจะมีไพ่ตายอะไรอีก?
ทว่านี่ก็ดูสมเหตุสมผล จักรพรรดิฉินหมิงตายแล้ว แต่หมิงซานอ๋องยังกล้ามา จะต้องมีที่พึ่งอะไรแน่นอน
“โง่เง่า” หลี่มู่หัวเราะเสียงเย็น
กลางอากาศมีแสงดาบกะพริบวาบ จิตดาบพุ่งตัดสลับไปทั่ว เมื่อเสียงฉัวะๆ แปลกพิลึกดังมา ก็เห็นเงาร่างดำที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นกลางระลอกคลื่นอากาศ จากนั้นถูกฟันแหลกลาญทันที
เศษเกราะสีดำร่วงกราวลงมา
องครักษ์มารเกราะดำพลังฝึกขั้นเทวะสิบคนที่ซ่อนอยู่ในความว่างเปล่าถูกจิตดาบฟันแหลกแทบจะภายในเสี้ยวพริบตา ไม่มีพลังตั้งรับเลย เหมือนกับต้นหญ้าข้างทางสิบต้น ถูกหลี่มู่ถอนทิ้งแค่ชั่วเวลาที่ขยับตัว
“นี่ก็คือที่พึ่งที่เจ้ากล้าท้าทายข้า?”
หมิงซานอ๋องหน้าเปลี่ยนสี
เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?
องครักษ์มารเกราะดำสิบคนคือความมั่นใจในการมาด่านเมืองมังกรครั้งนี้ของเขา เป็นหนึ่งในไพ่ตายก้นหีบของเชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตก กำลังรบของทุกคนเป็นขั้นเทวะทั้งสิ้น ร่างกายราวเหล็ก ไม่รู้จักความหวาดกลัว ไร้ซึ่งความเจ็บปวด และเป็นอาวุธสงครามที่น่ากลัวที่สุด
แต่กลับถูกหลี่มู่ทำลายในพริบตา?
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
เมื่อรู้สึกไม่สู้ดี หมิงซานอ๋องตะโกนเสียงดัง “เจ้าสังหารจักรพรรดิ หรือยังคิดจะฆ่าข้าอีกคน? ครั้งนี้ข้าผิดไปแล้ว พวกเราล้วนเป็นคนฉินตะวันตกเหมือนกัน มีอะไรก็พูดจากันดีๆ…”
ฉัวะ
แสงดาบพรากเอาศีรษะคนไปด้วย
องครักษ์สิบกว่าคนข้างกายเขาถูกสังหารสิ้น
“จักรพรรดิฉินหมิงยังไม่ใช่คู่มือของข้าเลย นับประสาอะไรกับอ๋องเล็กๆ อย่างเจ้า แค่พลังฝึกครึ่งขั้นเทวะก็กล้ามาวางแผนเล่นงานต้าเยวี่ยของข้าที่ด่านเมืองมังกร?” หลี่มู่เอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา
ศีรษะของหมิงซานอ๋องส่งเสียงโหยหวน ยังคงดิ้นรน
จนกระทั่งตายก็ยังไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะตายไปทั้งอย่างนี้
เขาเจ็บใจนัก ไม่ได้บอกว่าหลี่มู่บาดเจ็บหนักใกล้ตายแล้วหรอกหรือ? ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ ลงมือสังหารต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้โดยตรง ไม่กังวลอะไรสักนิดเลยจริงๆ หรือ?
ในช่วงสุดท้ายของชีวิต หมิงซานอ๋องสำนึกเสียใจเป็นที่สุด
เขาพลันเข้าใจแล้วว่า ตัวเองเหมือนจะถูกคนคนนั้นในเมืองหลวงฉินใช้เป็นหอก โดนหลอกใช้เสียแล้ว
“ทุกคนยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
สายตาหลี่มู่กวาดมองทุกคนที่อยู่ที่นั่นประดุจดาบ
ผู้แข็งแกร่งยอดฝีมือจากสำนักที่ปลีกวิเวกและตระกูลสายยุทธ์เงียบงันราวจักจั่นยามเหมันต์ ต่างรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
ก่อนหน้านี้ต่างพูดไม่ขาดปากให้หลี่มู่ออกมาแล้วผนึกวรยุทธ์ แต่ตอนนี้หลี่มู่ออกมาแล้ว ปรากฏตัวขึ้นแล้ว พวกเขาหลายคนกลับเสียใจเหลือเกิน หวังว่าอยากจะหลับตาลง ตัวเองไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างเป็นแค่ฝันเท่านั้น
แปะๆๆๆ…
เสียงปรบมือเบาๆ ดังมาจากหอที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ฉีหวายผู้แข็งแกร่งอันดับสองของฉู่ใต้ที่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ มาตลอดลุกขึ้นยืนอย่างช้าเนิบ ปรบมือ ก่อนเอ่ย “สมกับที่เป็นผู้สังหารจักรพรรดิฉินหมิงได้ วิชาดาบเลิศล้ำ จิตดาบรวดเร็วรุนแรง ชวนให้คนเห็นแล้วไม่มองไปที่ใดอีก”
หลี่มู่หรี่ตาเล็กน้อย
มีคนออกมาวางท่าอีกแล้ว?
เขาไม่รู้จักฉีหวายคนนี้ และก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของอีกฝ่ายเช่นกัน แต่กลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในกายของมู่ชิงมีแผลภายในที่กลิ่นอายเหมือนกับฉีหวายทุกประการ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ฉีหวายลงมือทำร้ายมู่ชิง
“เทวะหลี่ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว ทุกฝ่ายต่างเคารพเลื่อมใส ข้าคือฉีหวายบัณฑิตอาวุโสจากสำนักบัณฑิตถามเต๋าแห่งฉู่ใต้ ตั้งใจเดินทางมาไกลเพื่อขอคำชี้แนะปัญหาด้านการฝึกฝนกับเทวะหลี่สักสองสามคำถาม ขอเทวะหลี่ช่วยชี้แนะด้วย” ยามฉีหวายพูด ใบหน้าอมยิ้ม รูปโฉมดุจหยก กลิ่นอายอบอุ่น ประสานมืออย่างมีมารยาทยิ่ง มีท่าทีสุภาพเรียบร้อยอบอุ่นอ่อนโยนอย่างสัตบุรุษ
แต่เขายืนอยู่บนชั้นสองของหอ สายตามองต่ำลงมาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้
“ไสหัวลงมา”
หลี่มู่ขี้เกียจพูดมาก ความคิดเพียงขยับ จิตดาบพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ แสงดาบกะพริบก่อตัวกันดุจตาข่ายสวรรค์ จากนั้นฟันตรงไปยังฉีหวาย
“เจ้า…” ฉีหวายโมโห
เขาคิดไม่ถึงว่าเผชิญหน้ากับเขาแล้ว หลี่มู่ก็ยังไม่เกรงใจ ลงมือมาเลยเช่นนี้ นี่ต่างไปจากบทที่เขาคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง ตัวเขาไม่ใช่ตัวประกอบไก่อ่อนพวกนั้นสักหน่อย
“เทพสวรรค์ร้อยศึกสวมเกราะทอง…ป้องกัน”
ฉีหวายตะโกนลั่น หยิบหนังสือโบราณเย็บเล่มด้วยเชือกเล่มหนึ่งออกมา เปิดออกในฉับพลันแล้วอ่านกลอนประโยคแรก เห็นเพียงตัวอักษรแต่ละตัวลอยออกมาจากในหนังสือ กลายเป็นอักขระหมุนวน ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเกราะทองล้อมรอบกายไว้
เคร้งๆๆ!
ท่ามกลางเสียงกังวานดั่งพายุฝน จิตดาบรวดเร็วยิ่ง ทั้งหอกลายเป็นเศษผง บนเกราะทองเกิดระลอกคลื่นโปร่งแสงอย่างบ้าคลั่งเหมือนฝนตกกระทบผิวทะเลสาบ สีทองของเกราะหม่นแสงลงไปด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
“อะไรกัน?”
ฉีหวายตกใจยกใหญ่ รีบท่องประโยคที่สองออกมา “ทะเลทรายสุดขอบฟ้า น้ำแข็งร้อยจั้ง” อักขระแต่ละตัวลอยออกมาจากหนังสือโบราณอีกครั้ง แล้วจึงก่อตัวเป็นลวดลายน้ำแข็ง ตั้งเป็นกำแพงเหมันต์เทพทมิฬหลายแถวอยู่ข้างกาย ปกป้องเขาเอาไว้ข้างใน
แทบจะในเสี้ยวขณะเดียวกัน กำแพงเหมันต์เทพทมิฬมีรอยดาบฟันเต็มไปหมด
แต่อย่างน้อยกำแพงเหมันต์ก็ยังไม่พังทลาย
เขาเพิ่งถอนหายใจโล่งอก
ตูม!
หมัดหนึ่งก็เจาะทะลุกำแพงเหมันต์ที่แข็งแกร่งจนไม่อาจทำลายได้เข้ามา และคว้าคอของเขาเอาไว้ทันที