จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 437 คนใช้
ชายชราร่างสูงที่สวมรัดเกล้าทองบนศีรษะ บนบ่ามีเด็กผู้หญิงนั่งอยู่หนึ่งคน ซัดหมัดออกทีละหมัดๆ คลื่นพลังสั่นกระเพื่อม พลานุภาพไร้เทียมทาน ส่วนคู่ต่อกรของเขาเป็นหญิงชราหลังค่อมคนหนึ่ง ไม้เท้ายาวสีดำในมือร่ายรำดุจสายลม สั่นสะท้านเสียงดังหึ่ง พลังแกร่งกล้าอาจหาญ ทุกท่าทุกกระบวนต้องการจะให้พินาศไปด้วยกัน และต้านทานชายชราสวมรัดเกล้าทองอย่างสุดกำลัง…
ส่วนอีกด้านเป็นพี่น้องสองสาวคู่หนึ่ง กำลังคุมเชิงกับชายหญิงเผ่าผู้วิเศษจากแผ่นดินสุดแดนใต้ แม้จะยังไม่ลงมือ ทว่ากลับมีพลังประหลาดบางอย่างลอยกระจายอยู่ระหว่างกันและกัน พลังงานราวกับเขื่อนที่เก็บน้ำฝนน้ำหลากจากภูเขาเอาไว้ ระเบิดทะลักออกไปกว่าพันลี้ได้ทุกเมื่อ
ในตำหนักเซียนเหิน สถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุด
และตรงกลางระหว่างคนสี่กลุ่มนี้ บนแท่นบูชาหยกขาวมีระฆังยักษ์สีทองเหลืองใบหนึ่ง
ระฆังใบนี้หลอมจากทองเหลือง สูงสามฉื่อ ด้านบนเล็กด้านล่างใหญ่ ดูราวไม่มีน้ำหนัก ลอยอยู่ท่ามกลางรัศมีของแท่นบูชาหยกขาวและหมุนวนอย่างเชื่องช้า ตัวระฆังมีอักขระประหลาดเต็มไปหมด ส่วนด้ามจับระฆังยาวกว่าตัวระฆัง ความยาวเจ็ดฉื่อเต็ม ด้านบนสลักรูปนูนที่ราบลุ่มแม่น้ำเอาไว้ รูปร่างไม่สอดคล้องกันเลย แปลกประหลาดยิ่งนัก!
“ระฆังสะท้านวิญญาณ?” ครั้นชายจมูกงุ้มเห็นก็อุทานอย่างตกใจ
ลมหายใจของชายคิ้วติดกันและศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าเปลี่ยนเป็นถี่กระชั้นทันที ดวงตาฉายประกายละโมบให้เห็น
“ใครกัน?”
ชายชราร่างกำยำสวมรัดเกล้าทองกับหญิงชราหลังค่อมที่กำลังต่อสู้กันตื่นตัวไวมาก ผละออกจากกันทันที และมองไปยังประตูทางเข้าตำหนัก
สองสาวพี่น้องกับคนจากเผ่าผู้วิเศษก็เก็บมือทันใด ป้องกันไม่ให้คนมาชุบมือเปิบ
หลี่มู่ที่แอบย่องเข้ามาจนถึงหน้าแท่นบูชาหินหยก ยื่นมือไปเกือบจะสัมผัส ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ได้แล้ว กลับรู้สึกได้ถึงกระแสปราณอันน่าสะพรึงกลัวสี่สายพุ่งเข้ามาประหนึ่งน้ำป่าไหลหลาก ยึดตัวเขาจนหยุดนิ่ง
หลี่มู่รู้สึกได้อย่างชัดเจนยิ่ง หากตนเองยื่นมือไปคว้า ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ละก็ จะต้องถูกสี่ยอดฝีมือรุมโจมตีในเวลาเดียวกันแน่
กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแท้
“ทุกท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าแค่อยากลองลูบๆ ดูเฉยๆ ดูว่านี่ใช่ทองเหลืองหรือไม่ แหะๆ…” หลี่มู่อึ้งๆ หัวเราะเสียงแห้ง จากนั้นค่อยๆ ดึงมือทั้งสองกลับมา หลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าโจมตีของทุกคน
ยอดฝีมือทั้งสี่แข็งแกร่งนัก ไม่ใช่คนที่พวกอัปลักษณ์อย่างสำนักกำเนิดฟ้าสี่คนนั้นจะเทียบได้ ค่อนข้างตึงมือทีเดียว หนึ่งต่อหนึ่งหลี่มู่ไม่กลัว แต่ถ้าหนึ่งต่อสี่ก็อันตรายไปหน่อย
ขั้วอำนาจทั้งสี่กลุ่ม เมื่อเห็นก็ผ่อนลมหายใจลงได้บ้าง สลายพลังที่รวมไว้ออกไป
หากดูจากแค่การแต่งตัวของหลี่มู่ เหมือนกับขอทานที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มองถึงที่มาที่ไปอื่นไม่ออก และก็ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ความเร็วในการลอบเร้นเมื่อครู่ถือว่ารวดเร็วจริงๆ ถ้าไม่ใช่ว่าที่ประตูตำหนักมีเสียงตกใจของคนดังขึ้น พวกเขาคงไม่ถูกพบตัว หลี่มู่คงคว้ามาได้ไปแล้ว
“นายท่านทั้งสี่ ขอโทษด้วย ถูกพบตัวเสียแล้ว ข้าทำพลาด” หลี่มู่เดินกลับมาที่ประตูทางเข้า ผงกศีรษะให้กับพวกชายจมูกงุ้มสี่คน จากนั้นกลับไปยืนด้านหลังศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าทั้งสี่อย่างว่าง่าย
พวกชายจมูกงุ้มสี่คนมีสีหน้างงงวย
พี่ชายยอดฝีมือ เล่นอะไรล่ะนี่ มาเรียกว่านายท่านทำไมกัน?
“รีบแสดงให้เนียนหน่อยเร็ว เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่เพราะคนโง่เง่าอย่างพวกเจ้าสี่คนเอะอะ ก็คงแย่ง ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ มาได้แล้ว” หลี่มู่ส่งเสียงดุด่าทางจิต
พวกชายจมูกงุ้มสี่คนเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ได้รางๆ
ก็คือจะเอาพวกเขาสี่คนไปดึงดูดไฟสงครามสินะ
ทว่า พวกเขาต่อต้านได้หรือ? แน่นอนว่าไม่
“แค่กๆ…” ชายจมูกงุ้มไอเบาๆ เดินช้าๆ เข้าไปด้านในตำหนักใหญ่ก่อนเอ่ยว่า “สมบัติสุสานเทพ ผู้ที่พบถือว่ามีวาสนา ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ใบนี้พวกเราก็มีสิทธิ์จะแย่งชิงด้วยเช่นกัน”
“ถูกต้อง” ชายคิ้วติดกันยิ้มเย็นชาเอ่ยตาม
ศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าที่เหลืออีกสองคนแยกไปยืนเรียงแถว
“สำนักกำเนิดฟ้า?” หญิงชราไม้เท้าดำกวาดตามอง หัวเราะกล่าว “ส่งลิ่วล้อที่เพิ่งผ่านขั้นสะพานเป็นตายมาได้อย่างพวกเจ้าสี่คนมา? ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป” หญิงชราที่ดูเหมือนถูกลมพัดวูบเดียวก็ล้มลงเอ่ยข่มอย่างวางท่าใหญ่โต
“แม่เล้าเฒ่า พูดจาใหญ่โตไม่กลัวลิ้นตัวเองหายหรือ” ชายจมูกงุ้มหัวเราะหยัน “ดูท่าทางเจ้า ก็เป็นแค่พวกผู้ฝึกไร้สังกัดเท่านั้น แก่จวนจะลงโลงอยู่แล้ว อย่าเอาชีวิตมาทิ้งที่ดาวขยะดวงนี้เลย รีบไสหัวไปเถอะ”
“เจ้าเด็กปากบอนรนหาที่ตาย” หญิงชราสะบัดไม้เท้าดำ พุ่งตรงเข้ามาราวกับมารคลั่ง ใช้วิชาไม้เท้าลึกลับ พลังสุดแสนน่ากลัว
“กลัวเสียที่ไหน” ชายจมูกงุ้มฟาดฝ่ามือทั้งคู่ แสงสว่างส่องวิบวับ กลางฝ่ามือมีค้อนใหญ่สีทองดำสองอันปรากฏออกมา ร่ายรำดุจสายลมแล้วพุ่งเข้าไปปะทะ
ตูม!
ไม้เท้าดำกับค้อนเหล็กปะทะกัน แสงทองสาดไปรอบทิศ
ชายจมูกงุ้มถอยออกมา สีหน้าซีดเล็กน้อย ตะโกนขึ้นว่า “ยายแก่บ้าคนนี้ร้ายกาจนัก พี่น้องเรา ลุยเข้าไปด้วยกัน”
ชายคิ้วติดกันเรียกกระบองยาวสีเหลืองที่มีอักขระสลักออกมา จากนั้นเข้าไปช่วยล้อมโจมตี
ในตำหนักใหญ่มีเสียงเคร้งคร้างดุจตีเหล็กดังสนั่น
สำนักกำเนิดฟ้าฝึกสายกายาทองกำเนิดฟ้า ฝึกฝนกายเนื้อ ศิษย์ในสำนักทุกคนมีพลังกายสูง ผิวหนังทนทาน อาวุธที่เลือกใช้ล้วนเป็นอาวุธหนักจำพวกค้อนกระบอง โจมตีแข็งแกร่งดุดัน เปิดเผยไม่อ้อมค้อม
ชายจมูกงุ้มและชายคิ้วติดกันร่วมมือกัน ครู่เดียวก็ต้านทานหญิงชราผมขาวหลังค่อมได้อยู่หมัด
ทว่าหลี่มู่มองออก รอนานอีกหน่อยทั้งสองจะแพ้แน่นอน
หญิงชราผมขาวคนนี้เป็นพวกดุร้าย ดูผิวเผินผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูก นิ้วทั้งห้าเหมือนกรงเล็บนก เดินเหินโงนเงนไปมา เหมือนแค่ลมวูบหนึ่งก็พัดนางล้มลงได้แล้ว ทว่านางกลับมีเรี่ยวแรงมหาศาล ไม้เท้าสีดำที่ไม่รู้ว่าสร้างมาจากอะไร ทุกครั้งที่ฟาดออกมาสามารถทุบความว่างเปล่าจนพังทลาย ประดุจมารคลั่งอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อทางนี้เริ่มต่อกร ความสงบก็ถูกทำลาย ชายชราร่างกำยำสวมรัดเกล้าทองก้าวยาวตรงไปคว้า ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’
“เจ้าลิงเฒ่า เจ้ากล้าหรือ” ในกลุ่มเผ่าผู้วิเศษ เด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนของสาวงามร้อนรนทันที
เห็นเพียงเมื่อเสียงคำรามใสดังขึ้นมา ถาดหยกในมือก็สาดแสงขาวสายหนึ่งส่งไปบนชายร่างใหญ่เผ่าผู้วิเศษ ร่างของชายที่มีพลังธรรมดาคนนี้มีแสงขาวพันรอบทันควัน ราวกับมีวิญญาณเทพมาประทับ ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น พลังระเบิดออกมา จากนั้นสาวเท้าก้าวใหญ่เข้าประชิดและชกหมัดเข้าใส่ชายชราร่างใหญ่สวมรัดเกล้าทองคนนั้น
เปรี้ยง!
ชายชรารัดเกล้าทองปะทะหมัดกับชายเผ่าผู้วิเศษ สูสีกันครึ่งต่อครึ่ง
“คิกๆ…สนุกจัง” เด็กหญิงใส่ตู้โตว[1]สีแดงที่นั่งอยู่บนบ่าชายชราร่างใหญ่สวมรัดเกล้าทองหัวเราะคิกคัก สะบัดผ้าแพรแดงในมือม้วนตรงไปพัน ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ อย่างคล่องแคล่วปานงูเหลือมสีแดง
“กล้าแย่งสมบัติต่อหน้าข้ารึ?” คนน้องในหมู่สองสาวพี่น้องเอ่ยด้วยน้ำเสียงอย่างผู้ใหญ่ แล้วพลันชักดาบยาวตรงข้างเอวออกมา แสงดาบสว่างวาบ ตัดแพรแดงแถบนั้นขาดเป็นท่อนๆ
ส่วนที่ถูกตัดขาดของแพรแดงลอยพลิ้วร่ายรำกลางอากาศก่อนบินกลับมาประกอบผูกกันใหม่ พันรัดรอบแขนขาวราวรากบัวของเด็กหญิงตู้โตวแดง
“เจ้าเป็นคนเลว” เด็กน้อยชุดตู้โตวแดงขยี้จมูกพลางพูดอย่างน้อยใจ “นันนัน[2]จะตีเจ้า”
ขณะพูด นางกระโดดลงจากบ่าของชายชราร่างใหญ่สวมรัดเกล้าทอง กลายเป็นแสงสีแดงสายหนึ่งที่รวดเร็วดุจสายฟ้าพุ่งไปโจมตีสองสาวพี่น้อง
“วิญญาณปลายดาบรนหาที่ตายอีกหนึ่ง”
ใบหน้าน้องสาวไร้ความรู้สึกและเย็นชาไม่สมกับอายุ สองมือกุมดาบโค้งที่สูงยิ่งกว่าศีรษะของนาง ยกมือกวาดไปมาหลายครั้ง
แสงดาบประดุจแถบผ้าไหม
วิชาดาบร้ายกาจยิ่ง
หลี่มู่ที่อยู่อีกด้านตกตะลึง
สาวน้อยคนนี้ตัวเล็กแต่ฝีมือไม่เล็กเลย ความลึกซึ้งในวิชาดาบสูงถึงขนาดนี้ พอสำแดงออกมาราวกับหิมะเต็มฟ้าถาโถมเข้าใส่ แค่พูดถึงวิชาดาบอย่างเดียว ก็ทำให้หลี่มู่เกิดความรู้สึกอับอายที่สู้ไม่ได้ขึ้นมาแล้ว
นี่คือวิชาดาบจากสำนักนอกพิภพ
ส่วนท่าร่างของเด็กหญิงชุดตู้โตวแดงก็แคล่วคล่องถึงขีดสุด พุ่งผ่านแสงดาบไปมาและโต้กลับไม่หยุด เสมือนไร้รูปร่างก็ไม่ปาน
หลี่มู่กับกัวอวี่ชิงมองตากัน ล้วนตกตะลึงพอควร
เด็กน้อยจากสำนักนอกพิภพเก่งกาจกันไวขนาดนี้หมดเลยหรือไม่?
เวลานี้ ทั่วทั้งตำหนักเซียนเหินโกลาหลวุ่นวายไปหมดแล้ว
มีเพียงพี่สาวรูปร่างสะโอดสะองคนนั้นที่ยังไม่ได้ลงมือ นางเดินตรงไปยังแท่นบูชาหินหยก คิดจะหยิบระฆังสะท้านวิญญาณมา ทว่าหลี่มู่ส่งสายตาให้ศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าอีกสองคน พวกเขาจึงหยิบกระบองยาวออกมาสองอันแล้วเข้าไปล้อมไว้
การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง
หลี่มู่และกัวอวี่ชิงสองคนทั่วร่างมีเสื้อเกราะผสมปนเป บนล่างแขวนอาวุธเอาไว้เต็ม เหมือนขอทานสองคนยืนอยู่ที่หน้าประตูตำหนักพลางมองอย่างเป็นระเบียบ คล้ายว่าถ้าไม่มีคำสั่งจากเจ้านาย พวกเขาทั้งสองก็จะไม่ขยับตัวมั่วซั่วทั้งสิ้น
“ผัวะ!”
ชายจมูกงุ้มถูกหญิงชราผมขาวซัดลอยเข้ามา ค้อนใหญ่ในมือถูกทุบจนแบน พลังไม่มีเหลือแล้ว คุณภาพของอาวุธห่างชั้นกับไม้เท้าดำนั่นเกินไป
“นายท่านรับอาวุธไปขอรับ” หลี่มู่ทำท่าทีจงรักภักดีเหลือคณา รีบโยนดาบยาวในมือออกไปอย่างไม่ลังเล นี่คืออาวุธเต๋าชั้นยอดที่เก็บมาจากในเมือง คุณภาพไม่ต่างจากค้อนยักษ์ของชายจมูกงุ้มมากนัก
“เยี่ยม ทำได้ไม่เลว พวกเจ้าสองคนดูการต่อสู้อยู่ด้านข้างดีๆ ไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามเหยียบเข้ามาในตำหนัก” ชายจมูกงุ้มรับดาบยาวไว้ ครั้งหนึ่งฟาดฟันออกไปได้สิบกว่าดาบ พร้อมตะโกนขึ้นด้วยพลังเต็มเปี่ยม “พลังของพวกเจ้าต่ำต้อยเกินไป แค่คลื่นพลังสะเปะสะปะก็สังหารพวกเจ้าได้แล้ว รู้แล้วใช่หรือไม่?”
หลี่มู่อุทานอย่างชื่นชม เจ้าจมูกงุ้มคนนี้เป็นผู้มีพรสวรรค์จริงๆ นักแสดงอาวุโสชัดๆ เขารีบร้อนตอบกลับ “รับทราบขอรับ นายท่าน” พูดพลางเดินถอยออกมาสองสามก้าว สีหน้าหวาดกลัวว่าจะโดนลูกหลง
กัวอวี่ชิงก็รีบถอยตามมา
การสู้รบในตำหนักเซียนเหินระเบิดขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ นี้เป็นของดีอย่างเห็นได้ชัด ต้องล้ำค่ายิ่งกว่า ‘ตะบองจู่โจมใจ’ ที่หลี่มู่เพิ่งชิงมาจาก ‘วังเมฆา’ ก่อนหน้านี้เป็นแน่ จุดนี้ตอนที่ชายจมูกงุ้มร้องตกใจตรงหน้าประตูตำหนัก หลี่มู่ก็ยืนยันแน่ชัดแล้ว
พึงรู้ไว้ว่าตอนเจอ ‘ตะบองจู่โจมใจ’ พวกชายจมูกงุ้มไม่ได้มีแววตาละโมบอย่างบ้าคลั่งแบบนั้น
ทว่าฉากเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้คนอื่นในการสู้รบของตำหนักใหญ่นี้ล้วนหมดความระแวดระวังสงสัยในตัวหลี่มู่และกัวอวี่ชิงจนสิ้น
ดูไปแล้ว ลิ่วล้อในชุดเกราะผุผังเต็มตัวสองคนนี้ต้องเป็นคนรับใช้ของศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าแน่นอน มิหนำซ้ำยังเป็นคนใช้ชาวพื้นเมืองที่ได้หลังจากมาถึงดาวดวงนี้ด้วย
……………………………………….
[1] ตู้โตว คือเอี๊ยมหรือชุดชั้นในสำหรับเด็กน้อย ทำจากผ้า เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือจัตุรัส ปิดตั้งแต่ช่วงอกจนถึงท้อง
[2] นันนัน คือคำใช้เรียกเด็กเล็กน่ารักด้วยความรักใคร่และเมตตา