จอมเวทย์แห่งการเลียนแบบ (The copy mage) - ตอนที่ 1
“ออกไปให้พ้น ๆ ไอ้อ้วนอืดอาด”
ชายหนุ่มตะโกนขณะที่เขาดันร่างอ้วนท้วนของฉันที่อยู่ตรงหน้าเขาไปตรงโถงทางเดิน
“ฮ่า ๆ ๆ ดูไขมันที่กระเพื่อมนั่นสิ”
“น่าเกลียดจัง ฉันจะไม่มีวันไปเดทกับเขา”
“อี๋ เขาดูเหมือนทาก”
นักเรียนที่เหลือในทางเดินกำลังหัวเราะเยาะเย้ยฉันต่อหน้าพวกเขา
ฉันยักไหล่ และก้มหน้าด้วยความอับอายขณะที่เดินต่อไปตามทางเดิน
ใช่ นั่นคือฉัน เด็กอ้วนที่ทุกคนรังแกด้วยเหตุผลเดียวคือฉันน่าเกลียด
ตั้งแต่อายุยังน้อยฉันถูกเรียกหลายชื่อ ด้วยจมูกที่ใหญ่และผิดรูป ริมฝีปากบางมากและดวงตาที่เล็กตี่ บางคนเรียกฉันว่าสัตว์ประหลาดน่ารังเกียจ
มันมาถึงจุดที่ฉันถูกเรียกชื่อมากมายจนไม่มีใครรู้จักชื่อจริงของฉันเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ไม่สนใจอยู่ดี และชื่อของฉันคือ “เดเมียน” เป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้หลังจากที่ทิ้งฉันไว้ลำพัง ดังนั้นฉันจึงไม่ใช้ชื่อนี้ด้วย
ชีวิตของฉันคือความอัปยศ พ่อแม่ไม่อยากเจอฉันด้วยซ้ำ เขาแค่ส่งเงินมาให้ฉันและปล่อยให้ฉันทำสิ่งต่างๆ ที่ฉันต้องการโดยที่พวกเขาไม่สนใจฉันเลย หลักจากการละเลยและถูกรังแกผ่านไปหลายปี ฉันตัดสินใจว่าถ้าผู้คนหันหลังให้ฉัน ฉันจะหันหลังให้กับตัวเองและโลก
ฉันยอมแพ้กับทุกอย่าง ร่างกายของฉันเทอะทะและอ้วนขึ้น หลังจากที่ฉันไม่ได้ดูแลและไม่ออกกำลังกายเลยแม้แต่น้อย เกรดของฉันต่ำที่สุดในทุกชั้นเรียนเพราะฉันจะหลับในทุกคาบเรียน และไม่สนใจเรื่องการศึกษาอีกเลย
ฉันกลายเป็นคนที่ถูกเมินและไม่มีใครสนใจฉันเลยแม้แต่น้อย ครอบครัวของฉันคิดว่าฉันเป็นคนที่น่าขายหน้า และพวกนักเรียนคนอื่นๆ ใช้ฉันเป็นแหล่งความบันเทิงเหมือนตัวตลกและครูก็ไม่สนใจฉันและเลิกสนใจในสิ่งที่ฉันทำ
ทั้งพ่อและแม่ของฉันมุ่งเน้นไปที่อาชีพที่มีรายได้สูง และไม่ได้เจอฉันมาสองปีแล้ว ตั้งแต่อายุ 16 ปี พ่อแม่ของฉันได้เช่าที่อยู่ที่ใกล้โรงเรียน และส่งเงินจำนวนหนึ่งมาให้ฉันเพื่อใช้จ่ายค่าอาหารและเสื้อผ้า
ในขณะที่ฉันยอมแพ้กับชีวิต เงินทั้งหมดที่ฉันมีจะใช้ไปกับการ์ตูน นิยายและเกม สำหรับอาหารของฉันส่วนใหญ่ฉันกินของว่าง และโซดา นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิตที่น่าเศร้าของฉัน
ชีวิตของฉันคือนรกบนดิน แต่หลังจากนั้นหลายปีที่เก็บตัวอยู่กับตัวเองและไม่สื่อสารกับใครฉันก็กลายเป็นคนที่เข้าสังคมยาก ซึ่งในที่สุดมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะกลับสู่สังคม หรือพูดคุยกับคนที่ไม่รังเกียจฉัน
เมื่อออกจากโรงเรียนฉันก็เพิกเฉยต่อคำด่าทอและคำดูถูกต่างๆ ฉันเดินออกมาโดยที่ไม่สนใจคำพูดอื่นๆ หลังจากการถูกรังแกและเหยียดหยามที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานมันก็กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับฉัน และฉันก็จะไม่สนใจต่อมัน ในที่สุดมันก็ลดลงเนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบโต้จากฉัน และในที่สุดมันก็น่าเบื่อสำหรับพวกเขา
บ้านของฉันอยู่ห่างจากโรงเรียนโดยใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีซึ่งเป็นระยะทางที่ฉันสามารถเดินได้ในแต่ละวัน ระหว่างทางฉันมักจะไปที่ร้านขายของที่อยู่ใกล้บ้านของฉัน
ฉันมีเงินเหลือมากพอหลังจากจ่ายค่าอาหาร ดังนั้นฉันจึงไปที่โรงรับจำนำมือสองที่เต็มไปด้วยเกมเก่าๆ นิยาย และการ์ตูนที่ฉันมักจะมาซื้อเสมอ
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ฉันได้รับรอยยิ้มจากผู้จัดการร้านที่รู้จักฉันในฐานะลูกค้าประจำ ฉันมองและเดินตรงไปที่โซนเกม
“อืม…มีเกมใหม่ๆ บ้างไหมนะ”
ฉันพึมพำขณะค้นหาเกมจากทั้งหมด
เมื่อมองผ่านแถวยาวของเกมฉันพบเกมที่ฉันไม่รู้จักอยู่เกมหนึ่ง
ฉันยกกล่องดิสก์เกมขึ้น ฉันพบว่ามันไม่มีชื่อและเป็นสีดำทั้งหมด แต่มันกลับน่าสนใจ
“นี่มันเกมอะไร”
ฉันถามอย่างสงสัย
ดูเหมือนจะไม่ใช่เกมและเป็นเพียงกล่องดิสก์เกมสีดำทั้งหมด ที่ดูเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถเปิดได้ แต่ฉันก็ซื้อมันอยู่ดี
ช่างมันเถอะราคาแค่ 5 เหรียญ และฉันก็ถือมันไปที่แคชเชียร์
ฉันวางกล่องดิสก์เกมไว้ตรงหน้าแคชเชียร์ที่ยิ้มให้ฉัน และสแกนมัน
“5 เหรียญ ค่ะ”
เธอกล่าว
ฉันควานหาเงินอย่างเชื่องช้า และวางบิล 10 ดอลลาร์ไว้ตรงหน้าเธอ แล้วหยิบกล่องดิสก์เกมและรีบเดินออกจากร้านโดยไม่สนใจใคร
“คุณคะ คุณลืมเงินทอนของคุณค่ะ”
เธออุทาน แต่ฉันก็เพิกเฉยและเดินโซเซออกจากร้านและวิ่งกลับบ้าน
วิ่งไปประมาณ 30 วินาทีฉันก็มาถึงที่ที่ฉันพักอยู่ ฉันก็หายใจไม่ออกและรู้สึกเหมือนว่าหัวใจของฉันจะพุ่งออกมาจากอก และรู้สึกราวกับว่าปอดของฉันถูกบดขยี้
ฉันหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าด้วยมืออ้วนๆเงอะงะ และไขประตูเข้าอาคารแล้วเดินเข้าไปข้างใน ฉันอาศัยอยู่บนชั้นสาม และสามารถขึ้นบันไดได้ แต่ฉันเกลียดการออกกำลังกาย และรอกดลิฟท์
ดิ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดออก ขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งกับลูกของเธอเดินออกมา เมื่อเห็นใบหน้าของฉัน เธอทำเหมือนรู้สึกรักเกียจจึงรีบพาลูกของเธอออกจากลิฟท์ และออกห่างจากฉัน
แม้ว่าฉันจะเจ็บปวดที่ต้องถูกมองเหมือนสัตว์ประหลาด แต่ฉันก็เคยชินกับมันและเดินเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับกล่องใส่ดิสก์สีดำในมือ
เมื่อฉันขึ้นลิฟต์ฉันกดปุ่มหมายเลข 3 และลิฟต์เริ่มสั่นและเคลื่อนตัวขึ้นช้ากว่าปกติ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีลิฟท์ก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ขณะที่ฉันจับที่จับด้านข้างด้วยความกลัวและกรีดร้องขอความช่วยเหลือ
ดิสก์เกมสีดำในมือของฉันละลายหายไป ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะดูดซึมมันเข้าไปและฉันรู้สึกได้ว่ามันลอยวนอยู่รอบ ๆ ตัวฉัน
“อะไรกันเนี่ย” ฉันร้องลั่นเมื่อเห็นเกมที่ แสดงผลจอภาพ ลอยอยู่ตรงหน้าฉัน
‘คุณกำลังถูกส่งไปยังโลกอื่นที่มุ่งเน้นไปที่เวทมนตร์และฝึกฝน’
เมื่อข้อความนี้ปรากฏต่อหน้าฉันลิฟต์ก็สั่นอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น ไฟเริ่มกะพริบเร็วขึ้น
“ม่ายยยยย”
ฉันกรีดร้องเมื่อรู้สึกว่าร่างกายของฉันถูกดูดออกจากลิฟต์และลิฟต์ก็เกิดการระเบิดออกทันที