จอมเวทย์แห่งการเลียนแบบ (The copy mage) - ตอนที่ 15
“ฉันอยู่ที่ไหน”
เดเมียนกล่าว ขณะที่เขาตื่นขึ้น
เมื่อตื่นขึ้นเขาเห็นว่าเขาอยู่บนเตียงและแม่ของเขานั่งอยู่บนเก้าอี้และต้อนรับการตื่นของเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นตามปกติของเธอ
“ เรามาถึงแล้วหรอ !?”
เขาถามอย่างตื่นเต้นที่จะได้เข้าสถาบัน
“ใช่จ้ะ เรามาถึงกันแล้ว หลังจากที่ลูกสลบไปเมื่อวาน”
แม่ของเขาบอกกับเขา
[ฉันคงหมดสติแล้วสลบไปด้วยความกลัวเมื่อวานตอนที่อยู่บนฟ้า]
เดเมียนตระหนักได้
“ลุกขึ้นเร็วเราต้องเตรียมตัวสำหรับพิธีเข้าสถาบันที่มีทุกครึ่งปี แล้วพิธีเข้าของปีนี้กำลังจะเริ่มแล้ว”
เธอกล่าว
“ถ้าเราพลาดเราจะต้องรออีก 6 เดือนเชียวนะ”
เธอกล่าวขึ้น ขณะที่ลากเขาออกจากเตียง
แม้ว่าเขายังสามารถเข้าสถาบันนอกพิธีเข้าได้ แต่เดเมียนก็จะพลาดโอกาสที่จะได้พบกับคนที่มีอายุมากกว่าและพลาดประสบการณ์ในการเข้าสถาบันนี้และยังต้องการคำแนะนำจากพวกรุ่นพี่ที่เข้ามาก่อน
พวกเขาอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งและกำลังวิ่งออกจากห้องของพวกเขา
ขณะที่พวกเขารีบวิ่งลงบันไดและออกจากโรงแรม และเมื่อถึงสถาบันพวกเขาตกใจอย่างมากกับผู้คนที่มีมากมายกำลังรายล้อมสถาบันอยู่
สถาบันอเคเกรีย เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเมืองอาเรียและกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและและกินพื้นที่มากมายของเมือง
สถาบันมีขนาดใหญ่พอที่จะแข่งขันกับเมืองเล็ก ๆ และมีพื้นที่รอบนอกพื้นที่ชั้นในและพื้นที่ใจกลางสถาบัน
“ทุกคนที่มาที่นี่เพื่อที่จะเข้าสถาบันแห่งนี้ โปรดฟังคำแนะนำต่อไปนี้ผู้ที่ยังไม่ได้ปลุกพลังจิตวิญญาณ โปรดมุ่งหน้าไปยังสนามทดสอบทางทิศตะวันออกและผู้ที่ปลุกพลังจิตวิญญาณแล้ว โปรดไปที่สนามทดสอบทางตะวันตก “
เสียงประกาศดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่
เมื่อเดเมียนได้ยินเขาก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าสถาบัน
“ แม่ ผมต้องไปแล้วตอนนี้ แม่จะต้องมาดูผมในพิธีรับเข้าและผมจะพิสูจน์ให้โลกนี้เห็นว่าผมไม่ได้ไร้ค่า”
เดเมียนพูดกับเธออย่างไม่รู้เรื่องขณะที่เขาวิ่งออกไปยังสนามทดสอบฝั่งตะวันตก .
“โชคดีลูก แม่จะคอยเฝ้าดูและสนับสนุน”
เธอกล่าวออกมาเมื่อเห็นลูกชายของเธอวิ่งหนีไปไกล ๆ และเริ่มเดินไปยังสนามทดสอบ
เธอลังเลที่จะไปดูเดเมียนในการทดสอบ เมื่อเธอนึกได้ว่าเธอจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศต่อตระกูลแม็กเวลล์
แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่อยากทำให้ลูกชายของเธอผิดหวัง
ซาร่าห์ได้ถือกระเป๋ากลับไปที่โรงแรมแล้วจ่ายเงินเพื่ออยู่ต่อ เธอหยิบผ้าคลุมหน้าซึ่งเคยซื้อมาในขณะที่เดเมียนไม่ได้สติและเอาผ้าคลุมหน้าของเธอไว้
แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับการยอมรับเนื่องจากพี่น้องของเธอ แต่เธอยังคงเป็นผู้อาวุโสของครอบครัวแม็กซ์เวลล์และและถ้าหากผู้คนรู้ว่าเธอมาดูพิธีรับเข้าของเดเมียนที่สถาบันแห่งนี้ ต้องกลายเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ
การปกปิดใบหน้าของเธอเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่เธอมี ในการรักษาตัวตนของเธอและยังสามารถสนับสนุนลูกชายของเธอได้เมื่อเขาที่กำลังจะเข้าสถาบันแห่งนี้
ในขณะเดียวกันเดเมียน กำลังติดตามฝูงชนจำนวนมากไปยังสนามทดสอบทางตะวันตกและตระหนักว่ามีกี่คนที่ต้องการเข้าร่วมในสถาบัน
ตอนนี้เดเมียนเห็นได้ชัดว่าทำไมพวกเขาถึงได้มีอำนาจมากขนาดนี้
{เดเมียน นายคงรู้ว่าแม่ของนายไม่สะดวกที่จะเข้าร่วมหรือจะแสดงตัวตนต่อหน้าผู้อื่นที่สถาบันนี้ได้ ถึงแม้ว่านางจะสนับสนุนนายก็ตาม}
อุทสึสึบอกกับเดเมียน
เมื่อได้ยินอุสึสึจู่ๆเดเมียนก็หยุดเดินตามฝูงชนและยืนนิ่งด้วยความงุนงง
“หลบไป เจ้าหนู”
ร่างสูงกำยำ กล่าวขณะเดินผ่านเดเมียนไป
เดเมียนถูกดันไปตามทางด้านหน้าโดยผู้คนที่กำลังเดินทางไปยังสนามทดสอบเพื่อที่จะเข้าสถาบัน
{ตั้งสติให้ดี แล้วมุ่งเน้นไปที่การเข้าสถาบันดีกว่า รู้ว่านายเป็นห่วงแม่ของนายแต่ตอนนี้สิ่งที่นายต้องทำคือการเข้าสถาบันแห่งนี้นะ}
อุตสึสึกล่าวเพื่อนเตือนสติเดเมียน
เดเมียนฟังคำพูดของอุทสึสึขณะที่เขาก็มีความกังวลในการเข้าสถาบันแห่งนี้
ในขณะที่ถึงทางแยกสำหรับทางไปสนามทดสอบ เดเมียนสังเกตเห็นว่าผู้คนที่ยังไม่ได้ปลุกพลังจิตวิญญาณมีมากกว่าร้อยคนในขณะที่ คนที่ได้รับการปลุกพลังแล้วนั้นมีน้อยกว่าอย่างมาก โดยมีเพียงแค่ 50 คน
เดเมียนได้เห็นว่าคนที่ถูกปลุกพลังแล้วจะได้รับความเคารพจากผู้อื่นและผู้อื่นจะระวังพวกเขาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็เริ่มตระหนักได้ว่าความเย่อหยิ่งแล้วการดูถูกนั้นมีทุกที่ทุกแห้งไม่เว้นแต่สถาบันแห่งนี้เขาจึงตั้งมั่นว่าเขาจะปกป้องแม่ของเขาให้ดีที่สุด
เมื่อพวกเขาทั้งหมดเข้าสู้สนามทดสอบ พวกเขาแต่ละคนได้ทำการวิเคราะห์และสังเกตุความสามารถของแต่ละคน
ซึ่งเดเมียนนั้นอยู่ในฐานะคนที่ตัวเล็กที่สุดและได้รับถูกคนอื่นดูถูกและว่า ว่าเขานั้นคงอ่อนแอเหมือนร่างกายที่เล็กจิ๋ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนที่ดูเป็นมิตรอยู่หลายคน
“สวัสดีครับ ผมชื่อไมโลกรีน แต่คุณเรียกผมว่าเจ้าอ้วนก็ได้”
ร่างท้วมยื่นมือออกไปเพื่อกล่าวทักทาย
“สวัสดีไมโลกรียน ผมชื่อเดเมียน”
เดเมียนตอบค่อนข้างเชื่องช้าเนื่องจากยังไม่ชินกับการเข้าสังคมขณะที่เขาจับมืออย่างประหม่า
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ไอ้อ้วนคนนี้จะคอยดูแลนายเอง”
เขาพูดอย่างมั่นใจในขณะที่เขาวางมืออ้วนบนไหล่ของเดเมียน
เดเมียนรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ดีจากไมโลและนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดีต่อเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน
“ขอบคุณนะ”
เขาตอบอย่างเชื่องช้า เพราะยังไม่สามารถทำตัวเข้าสังคมได้อย่างเต็มที่ เมื่อเห็นการตอบสนองของเดเมียน ไมโลก็ยิ้มแก้มปริ
“ นายอายุเท่าไหร่”
เดเมียนถามเมื่อเห็นว่าไมโลสูงกว่าเขามากและตัวใหญ่กว่าด้วย
“ ตอนนี้ฉันอายุ 10 ขวบ แต่เกือบ 11 แล้วนายล่ะ”
เขาตอบ
ด้วยพลังงานในชั้นบรรยากาศ เด็ก ๆ จะเติบโตด้วยความเร็วที่เร็วกว่ามากและมนุษย์สามารถขยายขนาดใหญ่ขึ้นได้เนื่องจากการกลายพันธุ์
เดเมียนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเพราะคิดว่าไมโลน่าจะแก่กว่าเขาอย่างน้อยสองสามปี
ก่อนที่เดเมียนจะตอบ ประตูขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขาก็ได้เปิดออกเผยให้เห็นชายหนุ่มรูปหล่อ
“ตามฉันมา เพื่อที่จะได้รับการทดสอบและเข้าร่วม สถาบันอเคเกรียที่ยิ่งใหญ่”