จอมเวทย์แห่งการเลียนแบบ (The copy mage) - ตอนที่ 59
ไม่ถึงหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมามีชายนิรนามมาถึงพื้นที่รอบนอกของประเทศโกเบ
เขาเป็นคนลึกลับและดูเหมือนจะมีพลังมาก แต่เขาปฏิบัติต่อคนยากจนที่อ่อนแออย่างอ่อนโยนและอยู่ในหมู่บ้านขณะที่รวบรวมความสามารถของเด็ก ๆ ที่เขาเจอ
ไม่มี่ใครทราบว่าเขาเป็นใครหรือมาจากไหน แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าเขาไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบ่งแยกอำนาจของประเทศและอุดมการณ์ของเขาคือการให้โอกาสที่เท่าเทียมกันกับทุกคนที่เต็มใจทำงานหนัก
เขามีทักษะและวิธีการที่เขาได้มอบพรสวรรค์ให้กับเด็กๆ ที่เขาพบและยังช่วยปลุกจิตวิญญาณของพวกเด็กๆ ซึ่งก่อนหน้านี้มีเป็นสิทธิ์เฉพาะชนชั้นสูงหรือราชวงศ์เท่านั้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอิทธิพลและอำนาจของชายลึกลับได้เพิ่มขึ้นพร้อมกับผู้คนที่อยู่ภายใต้ของชายลึกลับ และครอบครัวต้นกำเนิดกได้เห็นว่าเขาเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของตนเองและลำดับชั้นที่มีอยู่
ครอบครัวต้นกำเนิดพยายามหลายครั้งเพื่อจัดการกับเขา แต่ชายลึกลับมีพลังมากเกินไปและฆ่ามือสังหารที่ถูกส่งไปได้อย่างง่ายดาย
ชายลึกลับคนนี้ตั้งชื่อองค์กรของเขาว่าสถาบันการฝึกฝนแห่งอเคเกรียและจัดตั้งกฏของตนเอง โดยมีลำดับชั้นของการจัดประเภทภายในสถาบัน
อย่างไรก็ตามลำดับชั้นภายในสถาบันแตกต่างจากประเทศโกเบและอนุญาตให้ใครก็ตามที่มีความสามารถแม้ว่าจะอ่อนแอ ก็สามารถเข้าร่วมกับสถาบันได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
และเมื่อเวลาผ่านไปเขาได้จัดตั้งสาขาของสถาบันขึ้นหลายแห่งในแต่ละเมืองรวมถึงเมืองหลวงและด้วยผู้คนส่วนใหญ่ที่อยู่เคียงข้างเขา ชายลึกลับสามารถเติบโตได้ในอัตราที่น่าเหลือเชื่อ
ความแข็งแกร่งขององค์กรเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่สามารถแข่งขันกับตระกูลตำกำเนิดได้และดูเหมือนว่าตระกูลต้นกำเนิด จะต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่พวกเขาจะถูกโค่นล้ม
ถึงกระนั้นราชวงศ์ก็ยังคงมั่นใจในขีดความสามารถของราชสำนัก เนื่องจากแรงเสียดสีภายในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นทุกวัน
การอ่านของเดเมียนรู้สึกทึ่งกับความสามารถและหลักการของผู้ก่อตั้งสถาบันและอยากรู้อยากเห็นว่าเขามาจากไหนและแท้จริงแล้วเขาเป็นใครถึงได้ทะลุจุดมุ่งหมายได้ในเวลาอันสั้น
เดเมียนยังสงสัยว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะตอนนี้เขาไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้ว เพราะเขาน่าจะมีอายุราว ๆ 100 ปีซึ่งเป็นอายุขัยโดยเฉลี่ยของมนุษย์
หลังจากอ่านบันทึกทางประวัติศาสตร์ทั้งสาม อย่างครบถ้วนและจับคู่ข้อมูลในแต่ละรายการกับสิ่งที่เขารู้ ตอนนี้เดเมียนมีความรู้โดยละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศโกเบ
แต่สิ่งที่เดเมียนได้รับจากข้อมูลนั้นก็คือประเทศนี้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับส่วนที่เหลือของทวีปที่พวกเขาอยู่และและการหาต่อไปนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
เดเมียนมีความสุขกับสิ่งที่เขารวบรวมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศโกเบ ตระกูลต้นกำเนิดและสถาบันอเคเกรีย
แต่ก่อนที่จะออกไปจากห้องสมุด เดเีมยนได้นั่งทำสมาธิและเข้าไปในจิตใจของตน และพบว่ายังมีที่ว่างเหลืออยู่ของอุทสึสึที่สามารถเก็บหนังสือได้อีก 2-3 เล่ม
“นี่คือความสามารถในปัจจุบันของฉัน ฉันสามารถคักลอกจิตวิญญาณและความรู้เข้ามาโดยตรง และนายสามารถเข้ามาอ่านด้วยตัวขอนายเองได้ทุกเมื่อ”
อุทสึสึกล่าว
เดเมียนรู้สึกประหลาดใจกับจิตวิญญาณของตนเองอีกครั้งและตระหนักว่า เขามีข้อได้เปรียบมากเพียงใดกับวิญญาณที่ที่ถูกปลุกของเขา
“ ตอนนี้เธอก็รู้เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ร้ากมาแล้ว ตอนนี้ฉันพร้อมสำหรับทำภารกิจแล้ว”
เดเมียนพึมพำกับตัวเองขณะที่เขากลับเข้าร่างและออกไปจากห้องสมุด
ระหว่างทางเดเมียนสังเกตุเห็นท่าทางของบรรณารักษ์แปลกๆ ไป ขณะที่เขากำลังหมกหมุ่นอยู่กับหนังสืออะไรซักอย่าง แต่จะว่าไปเดเมียนก็สังเกตุอีกว่าในบันทึกไม่มีการบันทึกข้อมูลของบรรณารักษ์ไว้เลย
เดเมียนกำลังชั่งใจกับตัวเองว่าจะถามบรรณารักษ์โดยตรงหรือไม่ แต่ตัดสินใจที่จะไม่ทำและออกจากห้องสมุด
‘ดูเหมือนว่าสถาบันการศึกษาของฉันจะมีความสามารถที่น่าสนใจไม่น้อยในปีนี้ในแต่ละสาขา พวกเขาจะได้รับการฝึกฝนและเลี้ยงดู ก่อนการต่อสู้เพื่อประเทศจะเริ่มขึ้น แต่นั่นคือทั้งหมดที่เราทำได้ ‘
บรรณารักษ์พูดกับตัวเองขณะที่เขากลับไปที่ห้องด้านหลังเคาน์เตอร์
ในขณะเดียวกันเดเมียนกำลังวิ่งจ็อกกิ้งไปยังห้องโถงภารกิจ ที่ต้องการเลือกภารกิจและกลับไปที่บ้านก่อนที่มันจะมืด
เมื่อจดจำแผนที่ไว้ในหัว เดเมียนจึงสามารถเดินดูได้อย่างแม่นยำโดยไม่หลงทาง
อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่ผ่านมาเดเมียนก็เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่ง หลังจากที่อุทสึสึบอกว่าเขาถูกจับตาดูอยู่จากใครสักคน
หลังจากกลับไปที่ส่วนนอกของสถาบันซึ่งมีห้องโถงภารกิจอยู่ ในที่สุดเดเมียนก็รู้สึกราวกับว่าเขาสามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อยและไม่ตื่นตัวอีกต่อไป
แม้ว่าจะมีคนแข็งแกร่งกว่ามากในส่วนนอกของสถาบัน แต่เดเมียนก็รู้สึกดีกว่าส่วนในของสถาบัน เนื่องจากแรงกดต่างๆ ในส่วนนอกนั้นเบาบางกว่าส่วนในเป็นอย่างมาก
เดเมียนเลือกที่จะไปห้องโถงภารกิจในส่วนที่ใกล้กับที่พักของเขามากที่สุด และแล้วเขาก็มาถึง
“ ถึงเวลาเลือกภารกิจ”