จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 105
“ถอยไป!”
เมื่อเห็นถังหมิงกวงก้าวขึ้นมามาพร้อมกับเหล่าลูกศิษย์ โล่เฉินก็ออกคำเตือนทันที
ฉึก
ทุกคนหยุดลงทันที ไม่มีใครกล้าขยับต่อเลยสักนิด
เมื่อเห็นสีหน้าตั้งป้อมของโล่เฉิน ถังหมิงกวงก็ยิ้มอย่างขมขื่น “นายท่าน พวกเราล้วนเป็นคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้ จะลงมือกับคุณได้ยังไง ต่อให้คุณบาดเจ็บแล้ว พวกเราก็ยังไม่กล้า ผมแค่มาขอบคุณเท่านั้น”
“ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะช่วยพวกนาย ก็แค่บังเอิญเท่านั้น”
“ผมเข้าใจ”
โล่เฉินไม่ต้องการรั้งอยู่ต่อ ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ตอนนี้เขาต้องหลบซ่อนตัว
เขาเดินไปที่ประตู.
“หึ่ม”
รถเบนท์ลีย์ปรากฏขึ้นและตามด้วยแลนด์โรเวอร์อีกหลายสิบคัน ชายร่างใหญ่ในชุดดำสี่ถึงห้าคนกระโดดออกมาจากแลนด์โรเวอร์แต่ละคัน
ภาพเงาดำปรากฏขึ้นมาและเข้าปิดล้อมหน้าจัตุรัสประตูของตระกูลป๋าย
ฟ่านหงชางรีบลงจากรถและรีบเข้ามา ก่อนจะแตะที่ตัวของโล่เฉินและถามด้วยความห่วงใย
“อาจารย์ คุณเป็นยังไงบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
“ฉันไม่เป็นไร หงชาง นายมาพอดี เรื่องต่อจากนี้ฝากไว้ที่นายแล้ว รีบคิดหาวิธีเก็บข่าวเรื่องนี้”
ฟ่างหงชางมองไปยังซากปรักหักพังของบ้านตระกูลป๋าย ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยเศษซากกระดูก ในใจตื่นตะลึง
แต่ประโยคถัดมาของโล่เฉินกลับยิ่งทำให้เขาแทบอยากจะเป็นลม
“ไม่ต้องดูแล้ว ไม่ใช่แค่นี้ ฉันใช้วิชาสาปฆ่าโดยเชื้อสายไป”
“อะไรนะ!”
ฟ่านหงชางเซไปชั่วครู่
เขารับใช้โล่เฉินมาเป็นเวลาหลายปี ย่อมรู้ว่าอะไรคือ “วิชาสาปฆ่าโดยเชื้อสาย” วิชานี้น่ากลัวถึงขีดสุด
ดูเหมือนว่า ลูกหลายสามรุ่นของตระกูลป๋าย จะถูกทำลายไปแล้ว
ผลกระทบไม่อาจประเมินได้
ฟ่านหงชางเหงื่อออกทั่วตัว รู้สึกกดดันเล็กน้อย เขาเอายเสียงเคร่ง “อาจารย์ คุณควรออกจากมณฑลซีหนันทันที เรื่องใหญ่ขนาดนี้คงไม่สามารถเก็บข่าวลงไปได้หมด ทางหลิงสุ่ยผมกับรัฐบาลยังสามารถช่วยเก็บเรื่องนี้ได้ แต่ที่อื่นๆล่ะ”
“ฉู่โจว จีนหลิงแม้กระทั่งนอกมณฑลล้วนมีคนตระกูลป๋าย พวกเขามาตายไปอย่างไร้สาเหตุแบบนี้ อีกทั้งยังถูกเผาสลายเป็นจุลไปต่อหน้าผู้คนมากมาย จะต้องเกิดข่าวใหญ่แน่”
“ถึงตอนนั้น ทั้งประเทศจะต้องจับจ้องมาที่มณฑลซีหนัน คนอื่น ๆ ไม่รู้ แต่หลันโย่วเวยนางปีศาจนั่นรู้ที่ทักษะของอาจารย์จะต้องเชื่อมโยงกับวิชาสาปฆ่าโดยเชื้อสายได้และรู้ว่าคุณยังไม่ตาย”
โล่เฉินขบกรามแน่น รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
แต่ว่า เขาไม่เสียใจที่กระทำ
หากเลือกได้อีกครั้ง เขาก็ยังคงจะแสดงวิชาทำลายทุกคนในสามรุ่นของตระกูลป๋าย ไม่ให้เหลือต้นตอของปัญหา
“หึ่งหึ่ง”
ในเวลานี้ มีแสงสว่างปรากฏขึ้นอีกครั้งในระยะไกล
รถมาเซราติคันหนึ่งปรากฏขึ้น เป็นเสี้ยงฉ่ายเอ่อและเสี้ยงเหยาเหยาสองพี่น้องที่รีบเข้ามา
“พี่โล่”
“พวกเธอมาทำอะไรที่นี่?”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อเอ่ย “ฉันรู้ว่าคุณจะมาที่ตระกูลป๋าย ดังนั้นจึงล่วงหน้ามาดู ว่ามีอะไรที่อยากให้ช่วยเหลือ”
“กรี้ด!”
ด้านหนึ่ง เสี้ยงเหยาเหยากรีดร้อง เนื้อตัวอ้อนแอ้นสั่นเทาและชี้ไปที่บ้านตระกูลป๋าย
“ พี่สาว ตรงนั้น ตรงนั้น… ”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อหันหน้าไปดู ก่อนจะมีสีหน้าซีดขาวเช่นกัน
โล่เฉินไม่ได้ปิดบัง เขาพูดอย่างสงบ “คนตระกูลป๋ายถูกฉันทำลายลงอย่างราบคาบ ต่อให้อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ ภายใต้วิชาของฉันก็ล้วนต้องถูกเผาเป็นจุล หลิงสุ่ยสามารถปิดเรื่องได้ แต่จีนหลิง ฉู่โจวและที่อื่นๆกำลังมีเรื่องยุ่งยากอย่างยิ่ง ตระกูลเสี้ยงของเธอสามารถยื่นมือเข้าช่วยได้หรือไม่ มีความสามารถนี้รึเปล่า?”
“เป็นไปได้ยังไง นายฆ่าคนไปมากมาย รีบไปมอบตัวเถอะ”เสี้ยงเหยาเหยาอดไม่ได้ที่จะพูด
“หุบปาก!”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อหันกลับมาถลึงตาใส่ ก่อนจะตอบกลับ “พี่โล่ฉันจะติดต่อกับคุณปู่และช่วยคุณปิดเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่ว่าคุณจะต้องเตรียมตัวไว้ด้วย จู่ๆตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งล่มสลายไปในแค่คืนเดียวแบบนี้ หากมีคนเผยแพร่ออกไปแค่นิดเดียวก็จะกลายเป็นเรื่องตื่นตะลึงไปทั้งประเทศ”
“ฉันเข้าใจ”
โล่เฉินวางหานหยู่ถิงลงในรถบีเอ็มดับบลิว ก่อนจะหันไปเห็นตระกูลถัง สมองของเขามีความคิดวาบผ่าน และเอ่ยเรียก “พวกนายมานี่”
ถังหมิงกวงและคนอื่น ๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าเคารพนอบน้อม
“นายท่าน มีเรื่องอะไรกำชับหรือ”
“พวกนายคือใคร?”
ถังหมิงกวงแนะนำตัวเองและถังหวั่นเอ๋อ จากนั้นจึงเอ่ยถึงหนี้แค้นที่มีกับตระกูลป๋ายออกมารอบหนึ่ง
“นายท่านวางใจได้ ตระกูลป๋ายล่มสลายสำหรับพวกเราแล้วถือเป็นเรื่องมงคลครั้งยิ่งใหญ่ พวกเราจะไม่มีทางเปิดเผยออกไปเป็นอันขาด และทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปิดปากเงียบสนิท”
“ปิดปากเงียบสนิท”
เหล่าลูกศิษย์ตระกูลถังตะโกนขึ้น
โล่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขากวาดตามองถังหวั่นเอ๋อที่หมดสติไปแล้วกล่าวว่า “ลูกสาวของนายได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่มีพลังฝึกฝนไม่เลว ไม่งั้นคงตายไปนานแล้ว”
“นายท่าน จากความหมายของคุณ คุณสามารถช่วยลูกสาวของผมได้?”
ถังหมิงกวงมีสีหน้าคาดหวังเต็มเปี่ยม
อาการบาดเจ็บของลูกสาวเขานั้นรู้ดีอย่างยิ่ง มันร้ายแรงเกินไป ต่อให้ถูกส่งไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอย่างฉุกเฉิน โอกาสที่จะกลับมาปลอดภัยก็ยังคงมีน้อยมาก
อวัยวะภายในทั้งห้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง วิธีทางการแพทย์สมัยใหม่ไม่มีทางรักษาให้หายได้เลย หากไม่ใช่เพราะกำลังภายในปกป้องอวัยวะภายใน รักษาลมหายใจสุดท้ายเอาไว้อย่างสุดชีวิต ถังหวั่นเอ๋อคงหมดลมไปนานแล้ว
“ฉันสามารถรักษาได้ แต่นายต้องตกลงกับฉันข้อหนึ่ง”
ถังหมิงกวงไม่แม้แต่จะคิด เขาคุกเข่าคำนับทันที “นายท่าน ต่อให้ผมต้องตายไปก็ไม่มีปัญหา ขอแค่สามารถช่วยลูกสาวของผมได้”
“ได้โปรดนายท่านช่วยรักษาคุณหนูของเรา”
ลูกศิษย์ตระกูลถังคุกเข่าลง
โล่เฉินมีสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงปราศจากความลังเลใดๆ เขาเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “หากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ฉันต้องการให้พวกนายเป็นแพะรับบาปและรับโทษทั้งหมดนี้ไป เป็นพวกนายที่ฆ่าล้างตระกูลป๋ายทั้งหมด”
วูบ
ถังหมิงกวงและคนอื่น ๆ ในใจหดเกร็ง ขณะที่ดวงตาของโล่เฉินเย็นชาและลึกล้ำ
หลังผ่านความเงียบในช่วงสั้น ๆ ถังหมิงกวงก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “หากไม่ใช่เพราะนายท่านปรากฏตัว พวกเราก็คงเป็นศพไปนานแล้ว เป็นนายท่านที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ การฆ่าล้างตระกูลป๋ายก็ถือเป็นการแก้แค้นของพวกเราเช่นกัน”
“นายท่าน หวั่นเอ๋อมอบให้คุณแล้ว”
“คุณวางใจได้ หากปิดไม่อยู่แล้วจริงๆ พวกเราจะออกมายอมรับเอง อีกทั้งพวกเราเองก็มีเหตุผลในการแก้แค้นตระกูลป๋าย ทุกอย่างมีเหตุผลน่าเชื่อถือ จะไม่มีใครสงสัยเลย”
ในที่สุดหินก้อนใหญ่ในใจของโล่เฉินก็ค่อยหล่นลงมา
เมื่อครู่ฟ่านหงชางขอให้เขาออกจากมณฑลซีหนัน เขาทำใจไม่ได้จริงๆ นั่นเพราะแบบนี้เท่ากับต้องจากหานหยู่เยนไป
จากนี้ไป เขาก็จะไร้บ้าน และเร่ร่อนไปอีกครั้งไร้หลักแหล่งและต้องหนีจากการตามล่า
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
“เอาเถอะ พวกนายรีบไปจัดการเร็วเข้าเถอะ”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อสองพี่น้องจากไปแล้ว ฟ่างหงชางพาบอดี้การ์ดสองสามคนมุ่งหน้าไปที่หลิงสุ่ยตลอดทั้งคืนเพื่อพูดคุยกับผู้นำสูงสุด
ถังหวั่นเอ๋อถูกพาตัวไปส่งที่โรงพยาบาลประชาชนหลิงสุ่ยชั่วคราว เธอยังคงไม่ตายและต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเอาไว้ก่อน รอจนโล่เฉินผ่านระยะอ่อนแอไปถึงจะลงมือรักษาให้หายได้
ระหว่างทางกลับเจียงเฉิง
โล่เฉินนั่งอยู่ในรถ หลับตาปรับลมหายใจ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาในหู
“ ไม่ อย่าเข้ามา ฮือฮืออฮืออ……ถอยไป … ”
หานหยู่ถิงโบกกวาดสองมือไปมา สีหน้าหวาดกลัว ดวงตาทั้งสองปิดแน่น ราวกับกำลังฝันถึงเรื่องน่ากลัว
“หยู่ถิง”
โล่เฉินกอดเธอเอาไว้แน่น แล้วคอยกระซิบปลอบโยนอยู่ข้างหูของเธอ
จากนั้นหานหยู่ถิงก็ค่อยหยุดดิ้นรน
“ฮือฮืออฮืออ … ”
ในอ้อมอก เกิดเสียงสะอื้นดังขึ้นเล็กน้อย
โล่เฉินคลายอ้อมแขน หานหยู่ถิงค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปรอบ ๆ ด้าน สีหน้ายังคงเหม่อลอย
“หยู่ถิง ไม่เป็นแล้ว อีกเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”
“พี่เขย”
หานหยู่ถิงร้องไห้ดังลั่น มือไม้จับโล่เฉินเอาไว้ราวกับปลาหมึก “พี่เขย ฉันกลัวมาก พวกมันจับฉัน จะข่มขืนฉัน ฉันใช่ไม่ใช่ถูก….”
“พูดไร้สาระอะไร เธอสบายดี”
โล่เฉินเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย “อย่าเพิ่งร้องไห้ ลองตรวจดูสภาพร่างกายของตัวเอง ทุกอย่างปกติใช่ไหม”
หานหยู่ถิงหลับตาลงและลองตรวจสอบดู อีกทั้งยังจับไปตามร่างกายราวกับไม่มีใครอยู่ด้วย ก่อนจะดีใจขึ้นมาสุดขีด “ไม่มีอะไรผิดปกติจริงด้วย พี่เขย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“จะเกิดอะไรขึ้นได้อีก”
เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศ โล่เฉินหันมากลอกตาใส่อย่างขบขันและโบกกำปั้นไปมาสองสามที ก่อนจะพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ฉันมาถึงทันเวลาพอดี แสดงพละกำลังเอาชนะไอ้พวกสารเลวนั่นได้และช่วยเธอออกมา”
“จริงหรือ?”
“นอกจากฉันแล้วยังเป็นใครได้อีก ไม่เห็นจะมีใครอยู่ข้างเธออีกนี่”
“ พี่เขย บนหน้าคุณมีเลือด”
หานหยู่ถิงร้องไห้อีกครั้ง คราวนี้เธอกอดแน่นขึ้น
“ พี่เขย ฉันขอโทษ ก่อนหน้านี้เป็นฉันที่ไม่ดีเอง ฉันจะไม่ตั้งแง่ให้คุณแล้ว คุณยกโทษให้ฉันนะ คุณเป็นพี่เขยที่ดีของฉัน จากนี้ไป ฉันจะดูแลคุณดีๆ”
“ เอ่อ … ”
โล่เฉินพูดไม่ออกทำตัวไม่ถูก
คำพูดนี้พอออกมาจากปากของน้องเมียตน เหตุใดถึงได้ฟังดูแล้วพิกลขนาดนี้