จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 112
ตี๋เทียนหนันรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ไม่เข้าใจว่าทำไมหลินหยุนเซียวถึงถามแบบนี้
แต่ว่า เขาเองก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน
โล่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวในทันที “รู้ไหมว่าตระกูลป๋ายถูกทำลายล้างยังไง?”
ฟุบ!
แค่ชั่ววูบ ขนบนตัวหลินหยุนเซียวก็ตั้งชันขึ้น
พอได้สติกลับมา รถยนต์ก็ขับออกไปแล้ว
“เหล่าหลิน ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง?”
“ตระกูลป๋ายถูกทำลายล้าง รัฐบาลของมณฑลปิดข่าวลงอย่างเงียบเชียบ มีความลึกลับมากมายอยู่ในนั้น ฉันได้รู้จากสำนักงานจราจรว่าในคืนที่ตระกูลป๋ายถูกทำลายล้างนั้น มีรถ BMW คันหนึ่งปรากฏขึ้นบนทางด่วนจากเมืองเจียงไปหลิงสุ่ย”
ตี๋เทียนหนันประหลาดใจ “รถBMW ของเสี่ยวเฉิน?”
“ไม่ผิด”
หลินหยุนเซียวปล่อยระเบิดออกอีกครั้ง “นอกจากรถ BMW ของเสี่ยวเฉินแล้ว ภายหลังยังมีรถของฟ่านหงชางเศรษฐีที่รวยที่สุดในเจียงโจวที่ก็มุ่งหน้าไปยังหลิงสุ่ยด้วย”
“เหล่าหลิน นี่นายกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่”
“ฉันคาดเดา เรื่องที่ตระกูลป๋ายถูกล้มล้างไปก็เพราะเสี่ยวเฉิน”
ตี้เทียนหนันหัวใจเย็นเฉียบขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ เสี่ยวเฉินมีฝีมือการแพทย์สูงส่งนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก แต่หากจะพูดว่าเขาทำลายล้างตระกูลป๋าย ฉันไม่เชื่อ อันที่จริงชนชั้นสูงในมณฑลต่างก็คิดว่านี่เป็นเพราะรัฐบาลร่วมมือกับเขตทหารของซีหนัน กวาดล้างตระกูลป๋ายที่ทำตัวโอหัง”
“ฉันก็หวังว่าตนเองจะเดาผิด เพราะถ้ามันเป็นเรื่องจริง…” หลินหยุนเซียวไม่ได้พูดต่อ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย “เหล่าตี๋ พวกของหม่าเจิ้งถิงจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก นี่คือคำตอบที่สามารถมีให้กับเหยื่อ ประชาชน และก็เสี่ยวเฉิน!”
“ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดี ตอนนี้ฉันเองก็แทบจะอยากเข้าไปฉีกกระชากเดรัจฉานนั่นออกเป็นชิ้นๆ ”
ตี๋เทียนหนันกัดฟัน
……
โล่เฉินส่งส้งเชี่ยงกลับบ้าน ก่อนจะไปที่บริษัทด้วยตัวเอง
ไกลออกไป เขาพบว่ามีคนมากมายอยู่ที่ประตู
เกิดเรื่องขึ้น?
โล่เฉินสีหน้าเย็นชา เขารีบฝ่าฝูงชนเข้าไปและพบว่ามีชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคนอยู่ในห้องรับแขกของบริษัท กำลังตะโกนเสียงดัง สีหน้าของผู้ช่วยเองก็ดูตื่นตระหนก
“เสี่ยวหย่า”
“เถ้าแก่ ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว” ผู้ช่วยเสี่ยวหย่าราวกับหาที่พึ่งได้ในที่สุดแล้วรีบเข้ามาทันที
โล่เฉินถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ไม่ต้องรอให้เสี่ยวหย่าได้เอ่ยปาก ชายหนุ่มคนหนึ่งบนโซฟาก็ตะโกนขึ้นมา “โล่เฉิน มานี่ ”
“ดูเหมือนฉันจะไม่รู้จักนาย”
“ไร้สาระ ขยะอย่างนายจะมารู้จักฉันได้ยังไง ฉันเรียกนายมานี่ก็มา ชักช้าทำอะไร”
โล่เฉินคิดว่าน่าสนใจ เขานั่งลงแล้วถาม “ตอนนี้สามารถบอกตัวตนได้หรือยัง?”
“ฉันชื่อเจิ้งข่าย”
“แซ่เจิ้ง?อย่างนั้นก็น่าจะเป็นคุณชายตระกูลเจิ้ง ไม่ทราบว่าลมอะไรพักคุณมาที่นี่” โล่เฉินหัวเราะ
ในเมืองเจียง มีตระกูลชั้นหนึ่งที่เป็นที่รู้จักอยู่ทั้งสิ้นสี่ตระกูล
ตระกูลเฝิง ตระกูลหยาง ตระกูลเจิ้ง ตระกูลหลี่
ตระกูลเจิ้งอยู่อันดับที่สาม และมีอำนาจก็ไล่เลี่ยกันกับตระกูลหยาง ในเมืองเจียงถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่
ตระกูลเจิ้งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับด้านการผลิต
มีฐานะร่ำรวย
โล่เฉินรู้สึกงงงวย เจิ้งข่ายมาทำอะไรกัน?หรือว่าจะเป็นผู้ช่วยของหานหยุนเทา เข้ามาหาเรื่องโดยเฉพาะ?
“โล่เฉิน ไอ้ขยะอย่างแกใช้ได้นี่ กล้าเปิดบริษัทเองเสียด้วย ชื่นชมนายแล้วจริงๆ ฉันนับถือนายไม่แล้ว นอกจากน้องเมียของตัวเอง นายยังรับสตรีมเมอร์สาวสวยมาได้อีกสองคน ทำไมนายถึงได้โชคดีขนาดนี้!”
“ไม่เท่าไหร่ไม่เท่าไหร่ ก็แค่เทพอยู่สักหน่อย คุณชายเจิ้งมีอะไรก็พูดมาตามตรง หากคิดจะมาแย่งคนก็อย่าได้พูดถึงเลย กว่าผมจะรับสาวสวยสองคนนี้มาได้ไม่ง่ายเลย หวังว่าพวกเธอจะทำเงินให้ผมได้”
เจิ้งข่ายคิ้วขมวด เขาเอามือตบมือและร้องตะโกน “บอกตามตรงเลยแล้วกัน ฉันมาแย่งคนจริงๆ นั่นแหละ สตรีมเมอร์สาวสวยสองคนนี้ให้ฉันมาซะ”
โล่เฉินไม่ได้รีบร้อน เขาเอ่ยยิ้มๆ “คุณชายเจิ้ง ถ้าคุณจะมาแย่งคนทำไมต้องมาพูดกับผมด้วย ก็แค่ส่งคนมารับพวกเธอไปก็ได้แล้วนี่”
“แกคิดว่าฉันไม่อยากทำหรือไง!”
เจิ้งข่ายแค่นเสียง
ในฐานะตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองเจียง เขาเองก็รู้ถึงเรื่องการทำลายล้างตระกูลป๋าย
ดังที่หลินหยุนเซียวกล่าวไว้
ตระกูลใหญ่ในมณฑลล้วนคิดว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลและเขตกองกำลังทหารร่วมมือกันดำเนินการ ดังนั้นแต่ละตระกูลล้วนทำตัวระมัดระวังขึ้นมาและคอยห้ามปรามเหล่าเด็กๆ ที่อยู่ในตระกูลไว้
ช่วงนี้พวกเขาทำตัวว่าง่ายอย่างยิ่ง
เหล่าลูกคนรวยทั้งลายเองก็ตกใจกลัวขึ้นมาเช่นกัน
ตระกูลป๋ายแห่งหลิงสุ่ยใครบ้างที่ไม่รู้จัก ในมือควบคุมทั้งเมืองเอาไว้ ตระกูลยิ่งใหญ่ธุรกิจใหญ่โต แต่คนในตระกูลป๋ายทั้งสามรุ่นรวมห้าสิบเก้าคนถูกกวาดล้างลงจนหมด
เกรงว่านี่อาจจะเป็นการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เสียด้วยซ้ำ
หากเป็นก่อนหน้านี้ เจิ้งข่ายคงจะมาปล้นคนไปโดยตรงจริงๆ
แต่ตอนนี้ เขาไม่กล้า
“ไม่ส่งคนมาจริงหรือ?”
โล่เฉินส่ายหัวและเอ่ย “คุณชายเจิ้ง พวกเธอไม่ใช่คนรับใช้ของผม ผมบอกว่ายกให้คุณ แล้วพวกเธอจะตามคุณไปหรือไง ยิ่งไปกว่านั้น ผมเองก็บอกไปแล้ว พวกเธอเป็นต้นไม้เงินของผม คุณเองก็รู้สถานะทางบ้านผมดี ผมต้องการหาเงินอย่างเร่งด่วน จะมาปล่อยมือไปไม่ได้!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เจิ้งข่ายหัวเราะขึ้นทันที
ในเวลานี้ คุณหนูของตระกูลชั้นสองชั้นสามที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งก็เอ่ยปากขึ้น “โล่เฉิน เอ่ยตามตรง ที่คุณชายเจิ้งมาก็เพื่อทำให้นาร่ำรวยแล้ว”
“หมายความว่าไง?”
“สตรีมเมอร์สองคนนี้เซ็นสัญญากับบริษัทของนายแล้วใช่ไหม?”
“เอ่อ ก็ใช่”
โล่เฉินพยักหน้า แต่ในความเป็นจริงยังไม่ได้เซ็นแต่อย่างใด
“นายเซ็นกี่ปี?”
“สามปี”
“ดีมาก ตอนนี้นายขายบริษัทให้กับคุณชายเจิ้งซะ ได้ยินหานหยุนเทาบอกว่าทุนจดทะเบียนของนายคือสี่แสน คุณชายเจิ้งตัดสินใจจะให้นายหนึ่งล้าน การซื้อขายนี้ เป็นนายที่ได้เปรียบ!”
โล่เฉินเข้าใจขึ้นมาแล้ว
เจิ้งข่ายไม่กล้าปล้นคน ดังนั้นเขาจึงอยากเป็นเจ้านายของเซี่ยซือหานและอู่จื่อเยว่แทน
ช่างมีไอเดียเสียจริง
“โล่เฉิน ถ้านายไม่ยอมตกลง ก็รอรับผลที่ตามมาด้วยตัวเองเถอะ หากฉันเจิ้งข่ายคิดจะล้มล้างตระกูลหานก็ง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วย” เจิ้งข่ายมีสีหน้าโอ้อวด
ตระกูลหานในสายตาเขา ก็เป็นเพียงแค่มดปลวก
“พี่เขย”
หานหยู่ถิงที่นั่งฟังอยู่ในห้องส่วนตัวมาโดยตลอดก็พุ่งออกมาอย่างทนไม่ไหว “คุณห้ามรับปากเขานะ ก็แค่ล้านเดียว เดี๋ยวพวกเราก็ทำเงินได้มันมา แต่พี่เซี่ยกับเสี่ยวเยว่หากตกอยู่ในมือของเจิ้งข่ายขึ้นมาก็ต้องจบเห่แน่!”
“หานหยู่ถิง ที่นี่มีที่ให้เธอเอ่ยปากหรือไง!” หญิงสาวคนหนึ่งตะโกนด่าขึ้น
“นี่เป็นถิ่นของฉัน เธอมีคุณสมบัติอะไรมาด่าฉัน เป็นพวกนายต่างหากที่บุกเข้ามาในบริษัทของเรา รีบออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะโทรเรียกรปภ.”
ลูกเศรษฐีคนหนึ่งหัวเราะเยาะ “เรียกรปภ.?รีบเรียกสิ มาดูสิว่า รปภ.คนไหนกล้าจับคุณชายเจิ้ง”
“พวกนายมันหน้าไม่อายจริงๆ ” ใบหน้าของหานหยู่ถิงแดงก่ำด้วยความโกรธ
“พอแล้ว ไม่ต้องตื่นเต้น”
โล่เฉินดึงให้เธอนั่งลงและมองไปที่เจิ้งข่าย “หนึ่งล้าน น่าดึงดูดจริงๆ ”
“รู้ก็ดี”
เจิ้งข่ายพอใจอย่างมาก คิดไปว่าโล่เฉินตกลงแล้ว
“นายก็เป็นแค่ขยะในตระกูลหาน แม่ยายของนายก็เห็นนายเป็นแค่หมูหมา หากนายถือเงินหนึ่งล้านกลับไป ตำแหน่งของนายก็จะได้สูงขึ้นมาอีกนิดหน่อย หรือบางทีนายก็อาจจะลงจากตำแหน่งขยะได้ด้วยซ้ำ สำหรับนายแล้ว นี่ถือเป็นการลืมตาอ้าปากครั้งใหญ่!”
“ช่างน่าหวั่นไหวอยู่นิดๆ จริงๆ ”
เจิ้งข่ายโยนบัตรธนาคารออกมาและเพยิดคางชี้ ก่อนจะเอ่ย “ในนี้มีเงินอยู่หนึ่งล้าน ฉันให้นายล่วงหน้า รีบดำเนินการส่งมอบบริษัทมาให้ฉันโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ เห็นแก่ที่นายเชื่อฟัง จากนี้ไปหากมีตระกูลไหนมารังแกนาย ฉันจะช่วยนายออกหน้าสักครั้ง”
“สามารถให้คุณชายเจิ้งออกหน้าให้ได้ นี่ถือเป็นความโชคดีของชีวิตนายแล้ว” คุณหนูจากตระกูลชั้นสามเอ่ยประจบ
ลูกเศรษฐีลุกขึ้นจากนั้นก็ตะโกนบอกไปในห้องส่วนตัว “สาวสวยสองคนในนั้น ไม่ต้องหนีแล้ว รีบออกมาเจอหน้าคุณชายเจิ้ง เถ้าแก่คนใหม่ ของพวกเธอซะเถอะเป่าฟาง”
“หุบปาก พี่เขยของฉันยังไม่ได้ตกลงกับพวกนายสักหน่อย” หานหยู่ถิงมองดูด้วยความโกรธ
“ชิ ไม่ตกลง เขากล้าหรือไง!”
ลูกเศรษฐีดูถูก เขาเตะเท้าของโล่เฉินและถามด้วยท่าทางสูงส่ง “ไอ้ขยะ รีบแสดงตัวออกมาซะ ให้น้องเมียนายล้มเลิกความคิด”
โล่เฉินสบตาขึ้นมามอง
วูบ
ในชั่วขณะนั้นเอง ในใจของลูกเศรษฐีก็หล่นวูบ
ดวงตานั้นน่ากลัวเกินไป
ลูกเศรษฐีขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะพบว่าไม่มีความผิดปกติอะไร หรือว่าเมื่อกี้จะเป็นภาพลวงตา?
สมควรตาย
เขาถึงกับถูกไอ้ขยะคนหนึ่งทำให้ตกใจ
“มองอะไรวะ ไม่เอาดวงตาสุนัขนั่นแล้วหรือ!”
ลูกเศรษฐียกมือขึ้นคิดจะตบลงไป
ก็แค่ขยะขึ้นชื่อของเมืองเจียง สุนัขตัวหนึ่งของตระกูลหานเท่านั้น ตบสักฝ่ามือแล้วจะเป็นอะไรไป?ยิ่งไปกว่านั้นน้องเมียของเขาก็อยู่ที่นี่ ให้เธอได้เห็นสักหน่อยว่าสภาพน่าอนาถของไอ้ขยะมันเป็นยังไง
เมื่อเห็นฝ่ามือกวาดลงมา สีหน้าของโล่เฉินก็เย็นชาทันที
ขณะที่ลูกเศรษฐีที่กำลังจะตบลงไป กลับถูกเจิ้งข่ายห้ามขึ้น “หยุดมือ”
“พี่ข่าย ไอ้นี่มันเล่นตุกติก”
“พอเถอะ ทำตัวดีๆ หน่อย”
เจิ้งข่ายโบกมือและมองไปที่โล่เฉิน “นายทำตัวโอ้เอ้ลังเลแบบนี้ ไม่ยินยอมหรือไง หรือว่าเงินน้อยเกินไป”
“ฮ่าฮ่า คุณชายเจิ้งสมกับที่เป็นคนฉลาด พูดได้ตรงประเด็น”
“นายคิดว่าเงินน้อยไปจริงๆ ?” เจิ้งข่ายมีสีหน้าไม่พอใจ
โล่เฉินเอ่ยวิเคราะห์ “คุณชายเจิ้งเองก็เห็นแล้ว สาวสวยทั้งสองถือเป็นของชั้นยอด ไม่ถึงปีจะต้องกลายเป็นคนดังแน่ ตอนนี้ค่าตัวคนดังเป็นยังไงคุณเองก็น่าจะรู้ดีอย่างยิ่ง สตรีมเมอร์ตัวท็อปหากต้องการเซ็นสัญญาด้วยอาจต้องใช้เงินถึงหลายสิบล้าน ”
“นายหมายความว่าไง?”
“ซื้อบริษัทสามารถทำได้ บัญชีจะต้องคิดอย่างชัดเจน หากคิดตามหลักว่าสามารถดังได้ภายในหนึ่งปี และสามารถทำเงินให้ผมได้อีกสองปี อะไรที่มากไปกว่านี้ผมไม่พูดถึง แต่อย่างน้อยพวกเธอจะต้องทำเงินได้มากกว่าสองร้อยล้านแน่ๆ นี่ยังไม่พิจารณารวมถึงการต่อสัญญา ถ้าหากต่อสัญญา….”
โล่เฉินยังพูดไม่จบ ในห้องส่วนตัวก็มีเสียงร้องดังขึ้น
“ฉันต่อสัญญาเป็นเวลา 20 ปี!”
“ฉันเองก็ต่อสัญญาเป็นเวลา 20 ปีด้วย!”
ในห้องเงียบลงทันที
โล่เฉินแตะจมูกของตนและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเจิ้ง คุณเองก็ได้ยินแล้ว บริษัทไม่ได้มีค่า แต่เป็นพวกเธอที่มีค่า ผมเองก็ไม่ต้องการอะไรมาก แค่สองพันล้านก็พอ”
วาบ
ทุกคนสีหน้าซีดลงรวมถึงหานหยู่ถิงเองก็อึ้งไปเช่นกัน
สองพันล้าน
นี่มันแนวคิดแบบไหนกัน
สำหรับตระกูลหานที่มีทรัพย์สินเพียงแต่ยี่สิบล้าน นี่ถือเป็นเงินก้อนใหญ่อย่างมาก