จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 115
“ว่าง คุณจะทำอะไร?”
หานหยู่เยนยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอให้โล่เฉินแล้วชี้ไปที่หน้าจอ “ฉันโชคดี ได้ตั๋ววีไอพีที่น้ำพุร้อนเทียนฉือมาสองใบ คุณสนใจจะไปแช่น้ำพุร้อนกับฉันไหม”
“น้ำพุร้อนเทียนฉือนั่นเป็นคลับระดับไฮเอนด์เทียบได้กับตึกซิงหยุนเลยทีเดียว ว่ากันว่าอย่างน้อยก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่าแสนหยวนแล้ว เป็นสถานที่ของคนรวยไปกัน ”
“นั่นแหละ ว่ากันว่าการบริการดีเสียจนคนติดใจ ฉันได้ตั๋ววีไอพีมา สามารถเข้าไปเที่ยวเล่นได้หนึ่งวัน ฉันยังไม่ได้บอกหยู่ถิงที คุณอยากจะไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยไหม”
โล่เฉินตีนิ้วดัง “คำเชิญของคุณภรรยา ไหนเลยจะมีเหตุผลให้ปฏิเสธ”
“ชิ”
หานหยู่เยนกลอกตา ก่อนจะขึ้นไปบนเตียง
โล่เฉินนอนลงแล้วถาม “ผมคิดว่าจะตกอยู่ภายใต้ความแรงกดดันอย่างมากซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะยังมีอารมณ์ไปน้ำพุร้อน ดูเหมือนว่าสภาพจิตใจของคุณจะไม่เลวเลย”
“นั่นมันคนละเรื่องกันนี่ อีกอย่างไปแช่น้ำร้อนก็ถือเป็นการผ่อนคลายด้วยเช่นกัน ช่วงนี้ฉันยุ่งจนเหนื่อยเกินไปแล้ว ยังมีเวลาอีกสามเดือน ไม่ต้องรีบร้อน”
“อ้อใช่ มีข่าวดีมาบอก”
หานหยู่เยนพลิกตัว เธอเกาะอยู่ตรงขอบเตียง สองมือเท้าคางเอ่ยถาม “ข่าวดีอะไร?”
“มีคนมาลงทุนในบริษัทของผมห้าล้าน”
“อะไรนะ!”
หานหยู่เยนอุทานออกมาและดีใจอย่างยิ่ง “จริงหรือ เป็นใครกัน?บริษัทอะไร?ทำไมถึงได้อยากลงทุนในบริษัทของคุณ?”
“ตามมาด้วยข่าวร้ายก็คือนักลงทุนคือเจิ้งข่าย คุณชายของตระกูลเจิ้ง ส่วนเหตุผลในการลงทุน ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านิสัยชมชอบสาวงาม ถูกตาต้องใจจื่อเยว่และเซี่ยซือหาน”
“เป็นเขา!”
หานหยู่เยนสีหน้าขมขื่น เธอส่ายหัวแล้วเอ่ย “ไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยของเมืองเจียง เขาลงทุนให้คุณต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ คุณอย่าได้ไปตอบรับเป็นอันขาด”
“เงินได้มาแล้ว สัญญาก็เซ็นไปแล้วด้วย”
“หา?” หานหยู่เยนเป็นกังวล “คุณคงไม่ได้คิดจะขายจื่อเยว่และพี่หานใช่ไหม โล่เฉิน พวกเราจะทำตัวใจร้ายแบบนี้ไม่ได้ เพื่อเงินถึงกับทำสิ่งเลวร้ายได้!”
ดวงตาของโล่เฉินฉายแววชื่นชม เขาลุกขึ้นมานั่งจนหัวเกือบชนกับหัวของหานหยู่เยน
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ตัวเองดี”
หานหยู่เยนหันมามองและหัวเราะคิกคัก “คุณมันเจ้าเล่ห์ ฉันขอเดาคุณจะต้องวางกับดักเจิ้งข่ายแน่ๆ นักเจ้าแผนการอย่างคุณ คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง”
“ถูกตัอง”
“แต่คุณต้องระวังหน่อยนะ ตระกูลเจิ้งถือเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองเจียง ถ้าพวกเขาคิดจะบีบขยี้ตระกูลหานของพวกเราก็ง่ายดายอย่างยิ่ง” หานหยู่เยนเป็นกังวล
โล่เฉินพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ผมจะปล่อยให้เจิ้งข่ายกลืนฟันหักลงท้องไปเลย ประหนึ่งคนใบ้กินยาขมต่อให้ทุกข์ก็พูดไม่ออก”
“เรื่องเจ้าแผนการแบบนี้คุณล่ะมีเยอะจริงๆ ฉันตั้งหน้าตั้งตารอชม”
“หรือว่า นอนข้างบน?”
หานหยู่เยนชะงักไปก่อนจะรีบหันหลังกลับแล้วปิดไฟ “นอนบนพื้นไปต่อเถอะ อุตส่าห์ให้โอกาสคุณแล้วแต่คุณไม่คว้าเอาไว้เอง จะโทษใครได้”
“ให้โอกาสผม?เมื่อไหร่กัน?”
“เฮ้อ คุณภรรยา คุณได้โปรดช่วยอธิบายให้ชัดเจนอีกสักนิด คุณให้โอกาสผมตอนไหนกัน ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่อง”
“อย่ามาแกล้งหลับ พูดให้รู้เรื่องก่อนสิคุณ”
ท่ามกลางความมืด
มุมปากของหานหยู่เยนผุดรอยยิ้มขึ้นลึก คืนนี้ เธอนอนหลับฝันดีอย่างยิ่ง
วันรุ่งขึ้น เช้าตรู่
หลังจากที่โล่เฉินไปวิ่งกับหานหยู่เยนเสร็จ เขาก็ไปที่สวนสาธารณะหลิงหู
ในช่วงระยะอ่อนแอเขาไม่มีหนทางจะใช้พลังทิพย์ อีกทั้งยังไม่สามารถฝึกฝนพลังได้ด้วย แต่ก็เป็นการดีที่จะได้ฝึกฝนทักษะการชกมวยมือเท้า เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย
ไม่นานนัก โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“ฮัลโหล ใคร?”
“นายท่าน เป็นผมเอง ฉินต้าวจื่อ”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากอีกฝั่ง “ฉินต้าวจื่อที่อยู่ในงานของสำนักผานหลงเมื่อไม่กี่วันก่อน นายท่านยังจำได้หรือไม่”
“อ้อนายนั่นเอง ฉันจำได้”
ฉินต้าวจื่อรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “นายท่านจำได้ก็ดีอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าคุณยังลืมไปแล้วหรือไม่ว่าคุณจะเทศน์ให้ผมฟัง ตอนนี้ผ่านมาหลายวันแล้ว ฉินต้าวจื่อ อย่างผมรอรับฟังจนจิตใจทนทุกข์”
“เอ่อ ขอโทษที ช่วงนี้ฉันยุ่งมากเลยลืมไปเสียสนิท”
โล่เฉินนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้จะต้องไปแช่น้ำพุร้อนกับหานหยู่เยน ดังนั้นเขาจึงถามขึ้น “วันนี้นายมีเวลาว่างมาหาฉันรึเปล่า?”
“ผมมีเวลา แต่ว่านายท่าน ผมมีเรื่องอยากขอร้องนายท่านสักเรื่องหนึ่ง”
“ลองว่ามา”
ฉินต้าวจื่อดูเหมือนจะกังวลเล็กน้อย น้ำเสียงที่เอ่ยพูดตะกุกตะกักราวกับเด็กขี้อาย
“ฉันมีเพื่อนอยู่ไม่กี่คน ล้วนเป็นผู้ฝึกฝนทั้งสิ้น ปกติก็มักจะมีการรวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การฝึกฝน เมื่อวานผมดื่มเหล้าไปปากไม่มีหูรูด ดันบอกไปว่าตัวเองโชคดีที่มีปรมาจารย์ช่วยชี้แนะ พวกเขาไม่เชื่อ ผมเลยพลั้งปากบอกไป เชิญนายท่านไปที่งาน…”
“เรื่องราวก็ประมาณนี้ ไม่ทราบว่านายท่านจะยินยอมช่วยกู้หน้าให้ผมสักหน่อยได้หรือไม่ แน่นอนว่าหากนายท่านไม่ยินดีก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เป็นผมเองที่ทำไม่ถูกต้อง”
เสียงเพิ่งจะสิ้นสุดลง โล่เฉินก็เอ่ยขึ้น “ได้ ฉันไปสักหน่อย อยู่ที่ไหน?”
“นายท่าน คุณ คุณพูดอะไรนะ?”
“ฉันถามว่ามันอยู่ที่ไหน ฉันจะไป ไม่ใช่ต้องไปช่วยกู้หน้าให้นายหรือไง”
ฉินต้าวจื่อยังไม่ทันได้สติดี ต่อมาอารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปราวกับคนทั่วไปที่ถูกรางวัลห้าล้าน ดีใจอย่างสุดขีด
แต่เดิมเขาไม่ได้มีความคาดหวังใดๆ เลย ไหนเลยจะรู้ว่าโล่เฉินจะเมตตายอมตกลงสัญญาอย่างเรียบง่าย
“นายท่าน นักพรตเฒ่าขอขอบพระคุณท่าน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ให้ผมไปรับคุณไหม?”
“อืม ก็ดี ฉันอยู่ที่สวนสาธารณะหลิงหู”
รถถูกหานหยู่เยนขับไปแล้ว โล่เฉินจึงไม่มีเครื่องมือเดินทางอีก
มีคนมารับถือว่าดีที่สุด
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมตนถึงยอมตกลงฉินต้าวจื่อ นั่นก็เพราะว่าเขารู้สึกขอบคุณ
หานหยู่ถิงถูกตระกูลป๋ายจับตัวไป สาเหตุที่ไม่ได้รับการล่วงเกินอะไรก็เป็นเพราะต่างหูของฉินต้าวจื่อมีคุณสมบัติในการปกป้อง
ถ้าไม่อย่างนั้น หานหยู่ถิงก็คงจะ….
ดังนั้น โล่เฉินถึงได้ตอบรับอย่างสบายๆ ไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถยนต์ Audi ก็ปรากฏขึ้นที่ประตูสวนสาธารณะ
“นายท่าน รอนานแล้วหรือไม่”
“ไปกันเถอะ.”
เมื่อขึ้นไปบนรถ ฉินต้าวจื่อก็บอกว่ามันเป็นงานเลี้ยงน้ำชางานหนึ่ง
สถานที่นี้อยู่ในโรงน้ำชาส่วนตัวในย่านชานเมือง มีผู้ฝึกฝนมาไม่มากไม่น้อย ราวๆ สิบสองสิบสามคน
เมื่อเขามาถึงโรงน้ำชา โล่เฉินก็แอบพยักหน้ากับตัวเอง
ที่มีศาลาหิน ภูเขาธารน้ำจำลอง สภาพแวดล้อมหรูหราและมีทัศนียภาพน่ารื่นรมย์
คนรับใช้ของโรงน้ำชาก็ดูเรียบง่ายมากเช่นกัน ล้วนแต่งกายด้วยชุดจีนโบราณ บ้างเป็นหญิงสาว บ้างเป็นหญิงวัยกลางคน อีกทั้งยังมีเด็กเล็กๆ อยู่จำนวนหนึ่ง
สันติกลมเกลียว ราวกับย้อนเวลามาสู่ตระกูลในยุคโบราณ
ในสมองของโล่เฉินเต็มไปด้วยความทรงจำที่ต่างจากคนอื่นๆ เขามาจากสมัยโบราณก้าวผ่านมาสู่สมัยใหม่จริงๆ ดังนั้นความร็สึกที่มีจึงยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น
หลายพันปีมานี้ โล่เฉินมีเพื่อนไม่น้อย
ผ่านการสนทนาถกเถียงกับร้อยปราชญ์หลากสำนัก
ร่ำสุรากับฌ้อปาอ๋องเซี่ยงอวี่
ร่วมกับเจ้าพระยาโห้ชี่ปิ้นต่อสู้ทำสงครามกับพวกซองหนู
อภิปรายเรื่องราวผลประโยชน์ปัญหามากมายกับฮ่องเต้สวีหยาง
…………………
มีความทรงจำมากมายเกินไป
เหล่านั้นล้วนเป็นโลกแห่งการดิ้นรนต่อสู้
ข้างๆ เขา ฉินต้าวจื่อเห็นโล่เฉินหยุดฝีเท้าลงจึงแอบมองอย่างลับๆ
เขารู้สึกถึงได้ถึงกลิ่นอายความผันผวนแห่งชีวิตอันยาวนาน อีกทั้งยังแฝงด้วยพลังของจักรพรรดิอันน่าเกรงขามผู้ควบคุมโลกหล้าในกำมือ
สิ่งนี้ทำให้ฉินต้าวจื่อทั้งรู้สึกหวาดกลัวรวมถึงยำเกรงและนับถือยิ่งขึ้น
คงไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่จากแก่กลับสู่เด็กอะไรเทือกนั้นใช่ไหม อายุเพิ่งจะยี่สิบกว่าๆ ทำไมถึงได้มีกลิ่นอายที่โบราณน่ากลัวขนาดนี้?
“คิดอะไรอยู่นะ ไปกันเถอะ”
“เอ่อ ครับ”
ฉินต้าวจื่อได้สติกลับมา และเดินนำหน้าโล่เฉินเข้าไป
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงสวนดอกไม้ขนาดใหญ่
ในสวนมีต้นไม้เรียงรายหนาแน่น ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน ระหว่างนั้นยังมีลำธารเล็กๆ อยู่ตรงกลางประมาณครึ่งเมตร มีชายหญิงมากกว่าสิบคนกระจัดกระจายอยู่รอบๆ เดินไปมาและนั่งอยู่รอบๆ สองฝั่งของลำธาร
กลิ่นชา?
ที่แท้ลำธารเล็กๆ นี่ไม่ใช่ลำธาร แต่เป็นน้ำชา บนนั้นมีถ้วยชาอยู่หลายถ้วยไหลล่องไปตามกระแสน้ำ
น้ำไหล กินเหล้า ก็แค่เท่านั้นเอง(สมัยโบราณ กลุ่มกวีนิยมเล่มเกมว่า‘น้ำไหล กินเหล้า’ ก็คือววางถ้วยเหล้าลงน้ำ หากไปถึงที่ใคร ใครก็ต้องกินเหล้าจนเสร็จ)
การพักผ่อนแบบหรูหราไม่เลวอย่างหนึ่ง
โล่เฉินรู้สึกสนใจดังนั้นฝีเท้าจึงก้าวเร็วขึ้นอยู่บ้าง
ขณะที่เดินเข้าไปใกล้ น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรก็ดังขึ้น
“ฉินต้าวจื่อ ในที่สุดนายก็มา อย่าบอกฉันเชียวนะว่าไอ้เด็กหน้าขนนี่ก็คือท่านปรมาจารย์ที่นายบอก!”