จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 12
บทที่12 ให้โอกาสเขาครั้งหนึ่ง
“หานหยู่เยน บริษัทเฉิงหยู่ที่ทำโปรเจคในเขตปินหูมีขอบเขตขนาดห้าร้อยเอเคอร์ จะสร้างสวนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมขนาดใหญ่ การออกแบบพวกคุณตระกูลหานจะถนัดกว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา แต่ว่าการสร้างนั้น……”
โจวไท่จิบไวน์แดง จากนั้นจึงยิ้มเบาๆ พลางพูด: “พวกคุณตระกูลหานต้องสร้างตึกขนาดใหญ่ หอกับหออักษร การสร้างสวนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนั้นพวกคุณน่าจะไม่เคยทำมาก่อน จะให้พวกคุณทำคงจะไม่สะดวกสักเท่าไหร่!”
“พวกเราตระกูลโจวถนัดการก่อสร้างอยู่แล้ว ทำอะไรมากมายหลายแบบ สวนวัฒนธรรมของภาคใต้ของเมืองนั้นพวกเราตระกูลโจวเป็นคนรับผิดชอบ มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก!”
“สรุปแล้ว เอาการสร้างมาให้พวกเราตระกูลโจวทำเถอะ มันดีกับคุณและฉัน หานหยู่เยนน่าจะไม่ปฏิเสธนะ!”
เมื่อพูดออกไป ทำให้หานหยู่เยนฟังจนหน้าแดงหูแดง
ถูกทำให้โกรธแล้ว!
ตระกูลโจวนั้นมีอำนาจและเก่งกาจมาก จะแบ่งงาน แถมเป็นงานที่ใหญ่มากด้วย
หานหยู่เยนยังคาดเดาได้แล้ว ว่าเมื่อครู่ที่หวังหยู่ โจวไท่พูดถึงหงเหลยถิง อันที่จริงก็เพื่ออ้อมค้อมลัดเลาะไป จุดประสงค์หลัก ก็เพื่อบอกว่าตระกูลโจวนั้นเก่งกาจแค่ไหน เพื่อเพิ่มความกดดันให้เธอ
ให้คนอื่นไปเปล่าๆ นั้น แถมใครๆ ก็รู้กันทั้งหมด ว่าการสร้างนั้นทำกำไรได้มากกว่า เอางานนี้ให้คนอื่น มันมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้น
“เป็นไปไม่ได้!”
โจวไท่เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดเสียงเย็นชา: “หานหยู่เยน ฉันพูดดีๆ ด้วยแล้วนะ พวกคุณตระกูลหานน่ะมีอำนาจขนาดไหนก็รู้อยู่แก่ใจ ถ้าเกิดถึงตอนนั้นแล้วยังสร้างสวนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไม่เสร็จ เถ้าแก่ของบริษัทเฉิงหยู่จะต้องถูกกล่าวโทษ พวกคุณแบกรับเอาไว้ไหวเหรอ!”
“นั่นสิ เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น พวกคุณตระกูลหานต้องขายสมบัติทั้งหมดแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดใช้อยู่ดี” ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดพูดเสียงแสบหู
หานหยู่เยนจับหมัด ความโกรธในใจก็เริ่มมีขึ้นมาแล้ว
สิ่งที่ทำให้เธอทนต่อไปไม่ได้มากที่สุด ก็คือหานหยุนเทาเองก็ช่วยพูดด้วย
“หานหยู่เยน พี่ไท่พูดถูก ตระกูลของพวกเรารับโปรเจคใหญ่นี้เอาไว้คนเดียว มันใช้แรงมากเกินไป เอางานก่อสร้างให้ตระกูลโจวเถอะ ถือเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย!”
“บ้าที่สุด!”
หานหยู่เยนด่าออกมา พลางชี้ไปหานหยุนเทา: “คุณยังเป็นลูกหลานตระกูลหาน ช่วยคนนอกเพื่อมาเอาสมบัติคนภายใน คุณนี่มันขายบ้านกินแท้ๆ เลย!”
หานหยุนเทามีสีหน้าเปลี่ยนไปมาก
ขายบ้านกิน คำนี้เขารับเอาไว้ไม่ได้
ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้เข้าหูของคุณย่าหาน ชีวิตดีๆ ของหานหยุนเทาก็จบลงแล้ว
“เลิกพูดจาไม่เป็นเหตุเป็นผลสักที!”
หานหยุนเทาตบโต๊ะ ก่อนจะพูดขึ้น “หานหยู่เยน พี่ไท่ทำเพื่อคุณ คุณเป็นคนรับผิดชอบโปรเจคนี้ เดี๋ยวถ้าเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมา ก็ไม่ใช่คุณที่ต้องซวย พี่ไท่แบ่งความรับผิดชอบมาจากคุณ คุณไม่สนใจก็ไม่เป็นไร แต่ยังมาดูถูกฉันอีก!”
“แบ่งความรับผิดชอบงั้นเหรอ?ฉันว่าบังคับฉันมากกว่า ก่อนจะมาฉันก็ไม่สบายใจอยู่แล้ว ว่าทำไมถึงเชิญฉันมากินข้าว ที่แท้ก็อยากจะมาร่วมงานด้วยนี่เอง”
หานหยู่เยนหัวเราะเย็นชา “โจวไท่ ถึงแม้ว่าฉันจะสัญญากับคุณไป แต่บริษัทเฉิงหยู่เองก็ไม่มีทางตกลงด้วย ฉันกับบริษัทเฉิงหยู่ทำสัญญากันหมดแล้ว หรือว่าพวกคุณจะให้ฉันทำผิดสัญญางั้นเหรอ!”
“หานหยู่เยน คุณนี่ไม่ชัดเจนเลย!”
โจวไท่เทเหล้าอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะส่งแก้วหนึ่งให้หานหยู่เยน บนหน้ามาแต่รอยยิ้มแปลกๆ
“เคยได้ยินสัญญาหยินหยางไหม?”
“อะไรนะ?”
โจวไท่ยิ้มเบาๆ พลางพูด “พวกเราแอบทำสัญญาลับๆ กันเอาไว้ พวกคุณเอาโปรเจคการสร้างให้ฉันตระกูลโจว ขอแค่พวกเราไม่พูด บริษัทเฉิงหยู่จะไปรู้ได้อย่างไร!”
“ฝันกลางวันไปเถอะ!”
หานหยู่เยนปัดมือของโจวไท่ออก ใบหน้าเย็นชา เหมือนจะไม่มีทางได้เจรจาเลย
โจวไท่มีสีหน้าดูไม่ได้ ตอนที่อยากจะระบายความโกรธ ก็เห็นหานหยุนเทาส่งสายตาให้ เลยควบคุมอารมณ์
เขาก็พูดด้วยน่าทียิ้มแย้ม “หานหยู่เยนไม่ตอบตกลงแล้ว ก็คงไม่มีทางแล้วแหละ!”
“ในตอนนั้นเอง ฉันหวังว่าโปรเจคของหานหยู่เยนจะราบรื่น!”
อึกๆ
โจวไท่ดื่มไวน์ทั้งสองแก้วจนหมด
นี่คือการแทรกเล็กน้อย ก่อนที่ในคาราโอเกะจะสนุกกันต่อไป
หานหยู่เยนไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว เธอมองไปทางโล่เฉิน ก็เห็นว่าเขาอยากจะหลับแล้ว เลยทั้งโกรธทั้งขำ
“เฮ้ โล่เฉิน”
“อือ?ทำไมเหรอ?เสร็จแล้วเหรอ?”
โล่เฉินขยี้ตา
หานหยู่เยนบอกว่าเตรียมจะกลับบ้าน ข้างนอกก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงเดินกระทบพื้นอย่างเร่งรีบ จากนั้นประตูในห้องรับรองก็ถูกเปิดออก คุณหนูคนหนึ่งมีสีหน้าตกใจไป
“ไม่ไหวๆ หลี่เสว่หนิงถูกคนพาไปแล้ว!”
“อะไรนะ!”
โจวไท่พูดพลางลุกขึ้นมา ด้วยความตกใจและโกรธเป็นอย่างมาก หลี่เสว่หนิงหมายถึงผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดของหานหยู่เยนกับโล่เฉิน ที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับเขา
หานหยุนเทาพลางถาม: “เกิดอะไรขึ้น?”
คุณหนูจึงพูดด้วยความเครียด: “เมื่อครู่ฉันกับหลี่เสว่หนิงไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่ออกมาหลี่เสว่หนิงชนหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง หน้าจอโทรศัพท์ของหญิงคนนั้นแตกละเอียด เธอให้หลี่เสว่หนิงขอโทษและชดใช้ หลี่เสว่หนิงไม่ยอม ทั้งสองคนมีปัญหากัน จากนั้นหลี่เสว่หนิงก็ตบคนคนนั้น”
“……จากนั้นหญิงคนนั้นก็เรียกชายร่างกำยำสองมา ก่อนจะพาหลี่เสว่หนิงไป แล้วบอกให้ทำจนกว่าหลี่เสว่หนิงจะตาย”
“ไอคนเลว!”
โจวไท่โกรธเป็นอย่างมาก “กล้ามาแตะต้องผู้หญิงของฉัน เดี๋ยวจะทำให้กลับไปอย่างไม่สมบูรณ์ซะ!”
“อยู่ที่ไหน?”
“ห้องรับรองหรูหราเบอร์หก”
“พวกพ้อง ไปกันเถอะ!”
โจวไท่เดินนำ หานหยุนเทากับหวังหยู่เดินตามไป คุณหนูคุณชายกลุ่มนั้นก็รีบมาที่ประตูของห้องรับรองเบอร์6
ปัง
โจวไท่เปิดประตูโดยที่ไม่พูดอะไรเลย เมื่อปรี่เข้ามาก็เห็นหลี่เสว่หนิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ใบหน้าแดง และร้องไห้อย่างโอดโอย
“แม่งเอ้ย กล้ามาทำร้ายผู้หญิงของฉันงั้นเหรอ!”
โจวไท่พูดขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนจะก้าวเข้าไป ก็ชนเข้ากับชายร่างกำยำคนหนึ่งจนตัวกระเด็นกลับไป
คุณนายกวาดตามอง ก่อนจะเอาข้อศอกสะกิดชายวัยกลางคนที่ใส่เสื้อคอจีน พลางพูดด้วยการหยอกล้อ “นายท่าน มีคนที่ไม่กลัวตายบุกมา เด็กวัยรุ่นสมัยนี้กล้าขนาดนี้เลยเหรอ!”
“หญิงแก่ ยังกล้ามาหัวเราะอีกเหรอ!”
“คุณว่าอย่างไรนะ!” คุณนายคนนั้นมีสีหน้าเย็นชา
โจวไท่กวาดตามอง ก็เห็นชายร่างใหญ่ห้าหกคนอยู่ในห้องรับรอง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีคนเยอะ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง ถ้าเกิดมีเรื่องขึ้นมา อาจจะไม่ใช่คู่แข่ง
“ฉันเองก็ไม่อยากเสียเวลาคุยกับพวกคุณ มาทำร้ายผู้หญิงของฉัน ตามกฎ ต้องชดใช้สิบเท่า หญิงแก่ คุณตบตัวเองสักห้าสิบที คุกเข่าขอโทษ เรื่องนี้จะได้จบ!”
คุณหญิงคนนั้นโกรธเป็นอย่างมาก เลยมองไปทางชายที่ใส่เสื้อคอจีนแล้วพูดว่า “นายท่าน ดูพวกเด๊กน้อยนี่สิ คุณต้องออกหน้าให้ฉันนะ!”
“หลายปีมานี้ พวกคุณเป็นคนแรกเลยที่กล้ามาทำตัวทระนงกับฉัน!” ชายที่ใส่เสื้อคอจีนหรี่ตาลง ก่อนจะพูดเสียงเย็นชา
“คุณเป็นใคร?”
“หงเหลยถิง”
โจวไท่อึ้งไป ก่อนจะสบตากับหวังหยู่ หานหยุนเทาและคนอื่นๆ พลางพูดแดกดันขึ้นมา “คุณคือหงเหลยถิง น่าตลก เดี๋ยวนี้ทำเป็นเก่งก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่อย่ามาตลกให้มากเลย!”
“มากเกินไปแล้ว กล้าไม่เคารพนายท่าน!”
ในตอนนั้นเอง ชายร่างกำยำทั้งสองคนลงมือแล้ว
โจวไท่ หวังหยู่ หานหยุนเทาผู้ชายหลายคนต่างร้อนใจ แต่คิดดูแล้วพวกเขาคนเยอะกว่า แค่ชายสองคนคงสู้ได้ไม่ยาก
“ให้ตายเถอะ!”
โจวไท่เริ่มก่อน เลยกระโดดไป แล้วเอาขวดเหล้าตีเชายร่างกำยำคนนั้น
จากนั้น เรื่องมันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด——โจวไท่เพิ่งจะถีบตัวขึ้นมา ชายร่างกำยำก็เอาเขาลงมาจากกลางอากาศ ก่อนจะกดลงที่พื้น
หวังหยู่ หานหยุนเทาและคนอื่นๆ เองก็ถูกต่อยจนจมูกแดง
“เด็กเมื่อวานซืน ยังเก่งอยู่ไหม?” คุณหญิงยิ้มพลางพูด
“คุณ……คุณกล้ามาทำร้ายฉัน!”
“ทำไมจะไม่กล้า?!”
โจวไท่เอามือกุมหน้า ก่อนจะร้องออกมา: “คุณรู้ไหมว่าพ่อฉันเป็นใคร?พ่อฉันชื่อโจวต้าไห่ รู้จักหงเหลยถิงท่านหง รู้จักท่านหงใช่ไหม พูดเพียงประโยคเดียวก็ฆ่าพวกคุณได้แล้ว!”
“ห๊ะ?”
คุณหญิงคนสวยนั้นหันกลับมามองอย่างสนใจ พลางถาม “นายท่าน คุณรู้จักโจวต้าไห่เหรอ?”
“อ้างชื่อใครกัน ไม่รู้จัก!”
“ดีเลย ยังจะมาทำเก่งอีก” โจวไท่ลุกขึ้นมาด้วยตัวสั่นเทา ก่อนจะพูดด้วยเสียงดัง “โทรเรียกพี่เป้ามาให้ฉันหน่อย!”
คุณนายหญิงอึ้งไป พลางถาม: “พี่เป้าอะไร?”
“ฮ่าๆ ,ยังแสร้งอีกสิ,ไม่รู้จักพี่เป้าด้วยซ้ำ”
โจวไท่ยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นคนที่ไม่ได้เก่งกาจหรือน่าเกรงขามขนาดนั้น เพราะว่าถ้าเป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองเจียง ไม่มีทางไม่รู้จักพี่เป้า
“พี่เป้าเป็นกำลังสำคัญของท่านหง กลัวไหม?พวกคุณไม่ได้เก่งนักเหรอ เก่งนักก็เรียกพี่เป้ามา!”
คุณนายมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนจะหันหัวมองไปทางชายที่ใส่เสื้อคอจีน เหมือนกับอยากจะขอความเห็น
“เขาอยากจะต่อยตี ก็ให้โอกาสเขาหน่อย”
ประโยคนี้ มันทำให้โจวไท่ตัดสินใจ ที่จะวางใจลงได้