จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 130
“ว้าว มาแล้วๆ”
กุ้งเครย์ฟิชขนาดใหญ่สองจานถูกยกเข้ามา กลิ่นหอมฉุย คังมิงปูแทบรอไม่ไหว “แม่ พี่โล่ พี่หานยู่เยน ฉันลงมือแล้วนะ”
อันที่จริง โล่เฉินและหานหยู่เยนเองก็มีความอยากอาหารมากเช่นกัน
ร้านกุ้งมังกรนี้เป็นร้านคุณภาพสูงอย่างยิ่ง เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับคลับเทียนฉือ คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนมีเงิน
เมื่อครู่มองดูราคาแล้ว กุ้งสองจานนี้รวมแล้วมีราคากว่า 3000 หยวน
ถึงแม้จะเป็นสองจาน จะก็มีจำนวนไม่มากนัก
แพงจนน่าตกใจจริงๆ
ประมาณดูแล้ว กุ้งเครย์ฟิชหนึ่งตัว ราคาราวสี่ถึงห้าสิบหยวน
กำไรมหาศาล
“ฉันแทบอยากเปิดร้านใกล้ที่นี่บ้างแล้ว นี่ได้เงินเร็วกว่าขโมยมาซะอีก ถ้าเป็นที่อื่น สองจานนี้อย่างมากก็แค่ 300 หยวน อีกทั้งจำนวนยังเต็มจานด้วย” หานหยู่เยนสีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา
มิเคโกะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริง คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ใช้จ่ายได้ล้วนเป็นคนรวย สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการบริการ ไม่ใช่ราคาอาหารแต่อย่างใด การบริการที่นี่ไม่ดีเท่ากับที่คลับ แต่ก็สูงกว่าร้านไหตี่เลาที่มีอยู่บนท้องตลาดมาก ”
“แน่นอน”
หานหยู่เยนพบว่ามีเชือกรองเท้าของลูกค้าคนหนึ่งหลวม ยังไม่ทันรอให้เขาได้ก้มลง พนักงานบริการคนหนึ่งก็คุกเข่าลงแล้วมัดเชือกให้กับเขาพร้อมช่วยจัดปลายกางเกงด้วย
คังมิงปูดูดนิ้วโป้ง ภาพในตาเต็มไปด้วยกุ้งเครย์ฟิช “แม่ แม่เองก็กินสิ”
“ลูกรักลูกกินเยอะๆ”
ดวงตาของหญิงวัยกลางคนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ด้านหนึ่งปอกกุ้งเครย์ฟิชให้ อีกด้านหนึ่งก็เอ่ยกำชับ “ระหว่างที่แม่ไม่อยู่ ลูกจะต้องเชื่อฟัง อย่าพยายามออกจากคลับ หรือต่อให้ต้องการออกไป ก็ต้องได้รับความยินยอมจากลุงหยาง”
“แม่ มาเมืองเจียงตั้งเกือบปีแล้ว หนูยังไม่เคยได้ออกจากเมืองนี้เลยสักครั้ง เอาแต่อยู่ในคลับมาตลอด หนูจะเป็นบ้าแล้ว”
“ชีวิตสำคัญหรือว่าการออกไปเที่ยวเล่นสำคัญ?”
มิเคโกะแสร้งทำเป็นจริงจัง “ถ้าหากลุงหยางมาบอกแม่ว่าลูกไม่เชื่อฟัง รอให้แม่กลับมา รับรองว่าจะต้องตีก้นลูกแน่”
“ก็ได้ๆ ก็แค่สองสามวันเอง”
โล่เฉินแอบส่ายหัวอย่างลับๆ
คังมิงปูยังคงใสซื่อเกินไป เห็นได้ชัดว่า มิเคโกะไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาเมื่อไร
บางที อาจจะเพราะเธอถูกบังคับโดยคนใหญ่คนโตคนนั้นจริงๆ แต่ว่าไปทำอะไรนั้น?
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจเกี่ยวกับการใช้ตัวแทนคุณ
แม้ว่าโล่เฉินรู้ดี แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยออกไป เขาไม่ใช่พ่อพระ เขาไม่สนใจอะไรในเรื่องของมิเคโกะ
นอกจากนี้ แม่ลูกคู่นี้ยังมีศัตรูตัวฉกาจ โล่เฉินไม่ต้องการจุดไฟเผาตัวเอง
“แม่ หนูอยากดื่มเบียร์”
“ไม่ได้ เด็กอะไรดื่มเบียร์ ดื่มแค่น้ำผลไม้ก็พอแล้ว”
คังมิงปูมุ่ยปากเล็ก ๆ และยกแก้วขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “มา พวกเราดื่มกันเถอะ”
เพล้ง
เสียงนี้เพิ่งจะจบลง เสียงแก้วของคังมิงปูก็ตกลงพื้นเกิดเป็นเสียงดังลั่น
“บูม!”
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องของทั้งหญิงชายดังขึ้น และเกิดเป็นภาพความวุ่นวาย
รถวิบากคันหนึ่งพุ่งทะลุประตูใหญ่เข้ามาโดยตรง ส่งผลให้ที่ชั้น 1 ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายทันที
พื้นดินเต็มไปด้วยเลือด มีหลายคนถูกบดขยี้จนผิดรูปร่าง
โล่เฉินและคนอื่นๆ อยู่บนชั้นสอง แต่เนื่องจากเป็นที่เปิดโล่ง ทุกอย่างบนชั้นแรกจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ไม่ได้การ!”
ทันใดนั้น มิเคโกะก็อุทานออกมาและรีบเข้าไปกอดคังมิงปูเอาไว้แน่นในอ้อมแขน และตะโกนขึ้น “บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดเร็วเข้า!”
“หึหึหึ”
เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังก้อง ชายชุดดำสามคนปรากฏตัวขึ้นบนชั้นสองอย่างไม่รู้ตัว
นักฆ่า?
โล่เฉินขมวดคิ้ว เขาลุกขึ้นและปกป้องหานหยู่เยนเอาไว้อยู่เบื้องหลัง
“บอดี้การ์ด บอดี้การ์ด!”
“ไม่ต้องตะโกนแล้ว ร้องไห้ตายพวกมันก็ไม่ได้ยิน ทั้งหมดถูกเราจัดการแล้ว”
ทันใดนั้น มิเคโกะก็หน้าซีด
ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาถูกลอบฆ่าในวันนี้ เธอทั้งโศกเศร้าและขุ่นเคืองอย่างยิ่ง “พวกแกมันยิ่งกว่าผีชั่วตามติด ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยพวกเราไปสักที”
“ทรยศต่อตระกูล แม้อยู่ห่างไกลก็ต้องถูกลงโทษ!” ผู้นำชายชุดดำเอ่ยเสียงเย็น
เสื้อผ้าของทั้งสามนั้นแปลกอย่างยิ่ง
ทั้งตัวห่อด้วยชุดสีดำปิดหน้า หน้าผากผูกด้วยแถบผ้าสีน้ำตาลแดง บนแถบผ้ามีลวดลายแปลกตา
ลายนี้….
โล่เฉินนึกขึ้นได้ จากนั้นจึงมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนของมิเคโกะ ลวดลายด้านหลังใบหูของอะปูเหมือนกับลวดลายบนผ้าทุกประการ
“แจ้งคนที่คลับหรือ สายเกินไปแล้ว”
“ฆ่า!”
ชายทั้งสามคนไม่สนใจโล่เฉินโดยสิ้นเชิง พวกเขาคิดว่าโล่เฉินเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป
ฉวบ
หนึ่งในนั้นเริ่มลงมือ เขารวดเร็วอย่างยิ่ง ลำตัวเบาดุจนกนางแอ่น แค่เพียงเขย่งเท้าไม่กี่ก้าวก็ก้าวเข้ามาใกล้ๆ
เป็นท่าร่างที่แปลกอย่างมาก
“แม่!”
อะปูร้องไห้ตะโกนดังลั่น มิเคโกะหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
แต่ผลสุดท้ายคือชายคนนั้นกลับกรีดร้องขึ้นมาและตกลงมาจากชั้นสอง กระดูกทั้งตัวแตกออก บนพื้นยังคงกระตุกอยู่ไม่หยุด
“กรี๊ด!”
ในร้านเกิดความโกลาหล ลูกค้าและพนักงานหนีกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ แค่พริบตาก็ไร้ผู้คน
“นักบู๊?”
เสียงเยียบเย็นของหัวหน้านักฆ่าแฝงด้วยความตกใจ
มิเคโกะคล้ายกับมองเห็นความหวัง เธอรีบหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังของโล่เฉินและอ้อนวอน “คุณโล่ คุณได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกไว้ หากศัตรูของเราปรากฏขึ้น คุณจะช่วยพวกเราจัดการ”
“พวกเธอเป็นพวกคนของตระกูล?”
“ใช่”
เมื่อพบว่าโล่เฉินมีท่าทางสงสัย มิเคโกะก็เอ่ยขึ้น “พวกเขาเป็นนินจา”
“นินจา?”
โล่เฉินกระจ่างขึ้นทันที มิน่าเขาถึงได้รู้สึกว่าท่าร่างของชายคนนั้นทั้งแปลกและคุ้นเคยอย่างยิ่ง ตอนนี้มาคิดดู นี่มันก็คล้ายกับลักษณะของนินจาในแอนิเมชันเรื่องนารูโตะอยู่บ้าง
หรือว่า คนพวกนี้จะเป็นนินจุตสึด้วย?
น่าสนใจ
โล่เฉินรู้สึกคาดหวังอยู่บ้าง เขาพยักพเยิดคางขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินกับอะปูฉันปกป้องพวกเขาอยู่ พวกนายเองก็คงออกไปจากร้านนี้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นก่อนที่พวกนายจะตาย แสดงให้ฉันเห็นสิ่งที่นินจาอย่างพวกนายจะทำสักหน่อย หากฉันอารมณ์ดี ฉันจะให้ความสนุกกับพวกนาย!”
“โอหัง”
นินจาทั้งสองโกรธจัด
พวกเขามาจากหนึ่งในสามตระกูลนินจาที่สำคัญในญี่ปุ่น อยู่สูงส่งเหนือใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนตรงกลาง ที่เป็นถึงนินจาระดับสูง
ต้องรู้ว่า นินจาระดับสูงในญี่ปุ่นนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มีคุณสมบัติที่จะตั้งตนเป็นผู้นำได้
นอกจากนินจาชั้นนำพิเศษที่หายากยิ่งและนินจาชั้นนำสุดยอดเยี่ยมในตำนานแล้ว นินจาระดับสูงนั้นจัดว่าแข็งแกร่งที่สุด
แต่ตอนนี้ กลับถูกเหยียดหยาม
มิเคโกะเนื้อตัวเย็นเฉียบ เธอรู้สึกว่าโล่เฉินอวดเก่งเกินไป
เธอรู้ดีอย่างสุดซึ้งถึงความน่ากลัวของนินจาระดับสูง เธอคิดจะเอ่ยเตือน แต่เมื่อเห็นสีหน้าหยิ่งผยองของโล่เฉินเธอก็ได้แต่หุบปากอย่างแข็งทื่อ
เธอแค่หวังให้เขาปกป้องตนเท่านั้น หากเกิดไปทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา อย่างนั้นความหวังเล็กน้อยที่มีก็คงจะจบลง
มิเคโกะโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ
โล่เฉินรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย “อย่ามัวแต่ขยับปาก รีบลงมือเร็วสิ”
“อย่าให้มันมากเกินไปนัก”
นินจาระดับกลางคนนั้นพุ่งเข้ามา
ฉุบๆๆ
“ลูกดอก?”
โล่เฉินดูถูก ในมือใช้ตะเกียบไม่กี่อันสะบัดและโจมตีลูกดอกกลับไป “คืนให้นาย”
“อะไร!”
นินจาระดับกลางตกตะลึงหน้าซีด ร่างกายของเขาบิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลาดและรอดพ้นจากอันตรายไปได้
“ท่าร่างไม่เลว ต่อเถอะ”
“กลับมา!”
ในเวลานั้นเอง นินจาระดับบนก็เอ่ยปากขึ้น
เขารู้สึกว่าโล่เฉินไม่ใช่คนธรรมดา และพูดอย่างเย็นชาว่า “นายสมควรเป็นนักบู๊กำลังภายใน ฉันไม่คิดจะเป็นศัตรูกับนาย ได้โปรดอย่างยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่ของตน”
“ฉันต้องการหรือไง?” โล่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หวังว่านายจะคิดทบทวนให้ดี ตระกูลของเราส่งนินจามามากมาย นินจาระดับสูงมีถึงหลายสิบคน หากนายหาเรื่องพวกเรา เกรงว่าคงต้องอกสั่นขวัญผวาแล้ว”
โล่เฉินเบ้ปาก เขาควงตะเกียบหมุนไปมาระหว่างนิ้ว “อย่าบอกนะว่าพวกนายเป็นแค่ลูกดอกและท่าร่างเท่านั้น หากเป็นแค่นี้ อย่างนั้นก็เสียเวลามากพอแล้วจริงๆ”
“ดูเหมือนว่านายตั้งใจแน่วแน่ที่จะเป็นศัตรูกับพวกเรา”
นินจาระดับสูงเยาะเย้ย “ดีมาก ฉันจะให้นายได้เห็นวิถีนินจาที่แท้จริง”
ปัง
ทันใดนั้น หมอกควันก็ปกคลุมสายตา
ดูเหมือนว่า ควันนั้นจะสร้างความระคายเคืองตา ดวงตาของพวกหานหยู่เยนทั้งสามคนล้วนไม่สามารถลืมขึ้นได้ และมีน้ำตาไหลไม่หยุด
“ดีดบังตา ระวังโดนลอบโจมตี”
มิเคโกะอุทานขึ้น
ลอบโจมตี?
เป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ
ทางด้านซ้าย มีแสงเย็นวาบปรากฏขึ้น
ตะเกียบในระหว่างนิ้วของโล่เฉินพุ่งออกไป ก่อนจะตอกไอ้ขยะนินจาระดับกลางไปบนผนังทันที
“เจ้าสอง”
นินจาระดับสูงตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ เขาคำราม “ฉันจะให้พวกแกทุกคนต้องตาย”
ชริ้ง
หมอกควันเหนือศีรษะของโล่เฉินถูกผ่าออก นินจาระดับสูงยกดาบขึ้นสูงและฟันมันลงอย่างแรง
“เอ๋ มีพลัง?”
ฝ่ามือของโล่เฉินคลุมด้วยพลังทิพย์ และจับดาบนินจาเอาไว้
เมื่อเขาออกแรงบิด ดาบก็หักออก
ใบมีดพุ่งเข้าใส่ร่างของนินจาระดับสูง และระเบิดออกมาอีกครั้ง เกิดเป็นรูเลือดเต็มไปทั่ว
นินจาระดับสูงกรีดร้อนขึ้นอย่างน่าสังเวช สูญเสียพลังต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง
“พลังภายในของนายคือพลังอะไร ถึงได้สามารถใส่เข้ากับอาวุธได้?” โล่เฉินปัดควันออก จากนั้นจึงมองลงไปอย่างเย่อหยิ่งและเอยถาม
“นาย นายทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?”
นินจาระดับสูงรู้สึกสิ้นหวัง เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นภูเขาตระหง่านที่ข้ามผ่านไม่ได้
เขาเป็นถึงนินจาระดับสูงอันแข็งแกร่ง พลังหยวนภายในทรงพลังอย่างยิ่ง แม้แต่นินจาชั้นนำพิเศษหากจะสู้กับเขาก็ยังต้องใช้เวลาลงแรงไม่น้อย”
แต่เขากลับถูกชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ปราบลงได้ในกระบวนท่าเดียว
“โล่ คุณโล่ นั่นคือพลังหยวน”
มิเคโกะตกตะลึงจนพูดตะกุกตะกัก นั่นเป็นถึงนินจาระดับสูง ตระกูลของเธอเป็นหนึ่งในสามตระกูลนินจาหลัก แต่ก็มีนินจาระดับสูงไม่ 100 คน
ทั้งญี่ปุ่นยังมีนินจาระดับสูงไม่ถึงพันคน
ผู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ ตอนนี้กลับพ่ายแพ้แถมยังแพ้แบบหมดรูป
“อึก”
ลำคอของมิเคโกะแห้งผาก ในหัวของเธอคำราม ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่!
ในทางกลับกัน คังมิงปูกลับรู้สึกตื่นเต้นสุดขีด ความกลัวของเธอหายไปในอากาศ เธอมุดออกจากอ้อมแขนของมิเคโกะ และเข้ามาที่ข้างโล่เฉินจากนั้นจึงจับแขนของเขา
แถมยังเตะเข้าที่นินจาระดับสูงอย่างกล้าหาญ
“พลังหยวน? ชื่อดี”
โล่เฉินแอบพยักหน้ากับตัวเอง
แต่ก็แค่เท่านั้น
พลังหยวนและกำลังภายในล้วนไม่ต่างกัน ล้วนเทียบไม่ได้กับชี่แท้ของปรมาจารย์บู๊ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังทิพย์ของเขา
จุดเด่นเพียงจุดเดียวคือ——
นินจาสามารถใช้พลังหยวนใส่เข้าไปอาวุธได้ สร้างเสริมพลังของอาวุธ
สิ่งนี้ นักบู๊กำลังภายในไม่สามารถทำได้
“นายไม่รู้จักนินจุตสึ?”
“อะ…อะไร?” นินจาระดับสูงเงยหน้าขึ้นอย่างลำบาก ดวงตาแข็งทื่อ
โล่เฉินเอ่ยต่อ “ก็นินจุตสึไง เหมือนกับนินจาในอนิเมะนารูโตะ ถ้างั้นคาถาแยกเงาพวกนั้นนายเป็นรึเปล่า?”