จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 133
“ตระกูลหยุน ตระกูลหยุนของเมืองหลวง?”
โล่เฉินรู้สึกประหลาดใจในทันใด ไม่คาดคิดว่าตระกูลลู่และตระกูลหยุนจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
แต่ว่าน่าเสียดาย
ตระกูลหยุนถูกทำลายไปแล้ว ถูกลูกศิษย์ของเขาหลันโย่วเวยเปลี่ยนชื่อไปเป็นตระกูลหลันอย่างไร้ทางเลือก
“ตระกูลหยุนถูกทำลายลง คุณปู่ลู่สมควรรู้ แต่ทำไมถึงยังจดชื่อตระกูลหยุนลงในบันทึก หรือว่าตอนนี้ที่เขาหลันโย่วเวยลงมืออย่างโหดเหี้ยม ยังมีตระกูลหยุนบางคนหนีออกมาจากเมืองหลวง และตั้งรกรากอยู่ที่อื่น?”
โล่เฉินไม่เข้าใจ หากยังมีเศษของตระกูลหยุนเหลืออยู่จริง อย่างนั้นคุณปู่ลู่ก็ไม่ควรเขียนว่า “ตระกูลหยุนแห่งเมืองหลวง” เขาย่อมต้องเขียนตำแหน่งของผู้ที่เหลืออยู่
หรือว่า ผู้ที่เหลืออยู่ของตระกูลหยุนจะอยู่ที่เมืองหลวงมาโดยตลอด กำลังทำการต่อสู้กับหลันโย่วเวย
มันไม่มีประโยชน์ที่จะคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย โล่เฉินตัดสินใจจะต้องหาโอกาสคุยกับคุณปู่ลู่สักหน่อย
แต่ว่าตอนนี้ยังคงไม่ได้
หากตัวตนถูกเปิดเผย และถูกผู้ที่เหลืออยู่ของตระกูลหยุนหรือหลันโย่วเวยรู้เข้า ตนก็จะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต
“ติ้ง”
ทันใดนั้น ข้อความเข้าก็ขัดจังหวะความคิดของโล่เฉิน
เป็นวีแชทจากส้งเชี่ยงที่บอกว่าอยากเจอ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ร้านกาแฟตรงข้ามบริษัทตระกูลหาน
“เฉินโก่ คิดไม่ถึงว่าเธอเองกมาด้วย ดูท่าพวกเธอคงมีเรื่องอยากคุยกับฉัน?” โล่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม
ผู้หญิงสองคนมองหน้ากัน ส้งเชี่ยงลองถามอย่างไม่แน่ใจ “พี่โล่ คุณไม่ได้สัญญากับฉันว่าจะมาเป็นสตรีมเมอร์ที่บริษัทของคุณหรือคะ”
“ใช่ ตอนนี้แม่ของเธอน่าจะดีขึ้นไม่เลวแล้ว และสามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้ เธอสามารถมาที่บริษัทเมื่อไหร่ก็ได้ เริ่มต้นอาชีพสตรีมเมอร์ของคุณ”
ส้งเชี่ยงพยักหน้าและมองไปที่เฉินโก่ เธอเอ่ย “อันที่จริงที่ฉันมาหาคุณครั้งนี้ก็เราะมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณสักเรื่อง ลูกพี่ลูกน้องของฉันเธอลาออกจากการเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนแล้วและวางแผนที่จะเป็นสตรีมเมอร์เหมือนกันฉัน”
“อ้อ?”
โล่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เฉินโก่ทำหน้าเจ็บปวด เธอก้มหน้าลงต่ำและเอ่ย “ถึงแม้ผู้อำนวยการหม่าเจิ้งถิงและรองผู้อำนวยการรวมถึงพวกหัวหน้าบางคนจะจัดการไปแล้ว แต่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนก็กลายเป็นฝันร้ายของฉันไปแล้ว ฉันจึงได้แต่ต้องลาออก”
“ฉันยอมรับว่าเธอมีคุณสมบัติที่จะเป็นสตรีมเมอร์ หน้าตาไม่เลว รูปร่างใช้ได้ แต่ว่าแต่บริษัทของเราไม่ใช่ศูนย์พักพิงที่ใครๆ ก็เข้ามาได้ตามใจชอบ”
ส้งเชี่ยงร้อนรนขึ้นมา เธออ้อนวอน “พี่โล่ ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้พี่สาวมีบาดแผลในใจใหญ่มาก เธอไม่กล้าแม้แต่จะเจอหน้าพ่อแม่ของตัวเอง เธออยู่กับฉันมาหลายวันแล้ว ฉันเองก็ต้องการให้พี่สาวอยู่ข้างๆฉัน”
“พี่เฉิน ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนใจดี พี่สาวจะต้องทำงานหนักอย่างแน่นอน ไม่กี่วันมานี้ เธอเองก็อ่านข้อมูลมาอยู่บ้าง คุ้นเคยกับประเด็นหลักของการเป็นสตรีมเมอร์แล้ว”
“คุณดีขนาดนี้ ช่วยรับพี่สาวเอาไว้อีกคนเถอะนะคะ”
โล่เฉินมีใบหน้าแปลก ๆ
เนื่องจากตอนนี้ส้งเชี่ยงเสียงดังอยู่เล็กน้อย ลูกค้าในร้านกาแฟบางคนมองมาตามเสียง และพบว่าเป็นหญิงสาวสวยสองคนอีกทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันด้วย
ถึงกับร้องขอให้รับตัวไว้….
เหล่าชายหนุ่มถอดถอนใจและอิจฉาอย่างที่สุด
โล่เฉินเอ่ยอย่างประดักประเดิด “ก็ได้ๆ ที่บริษัทกำลังต้องการกำลังคนพอดี แต่ว่าตอนนี้เธอยังต้องติดตามส้งเชี่ยงเรียนรู้ไปก่อน ระยะเวลาฝึกงานครึ่งเดือนนี้ไม่มีเงินเดือน”
“ขอบคุณพี่โล่”
เฉินโก่เช็ดน้ำตาของตนด้วยความปีติยินดี
“ไปเถอะ บริษัทอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ฉันพาพวกเธอไป”
ในไม่ช้า ส้งเชี่ยงก็เดินนำหญิงสาวทั้งสองคนเข้าไปในอาคารสำนักงาน
ที่บังเอิญก็คือ รถยนต์ Maserati คันหนึ่งกำลังปรากฏตัวบนถนนพอดี เป็นเจิ้งข่ายและผู้ติดตามของเขาหลายคนที่กำลังเห็น โล่เฉินเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงสองคน
“แม่เจ้าโว้ย ไอ้ขยะนี่มันเป็นนักจีบสาวมือหนึ่งนี่หว่า ถึงกับหาสาวสวยมาได้อีกสองคนแล้ว”
“เชี่ยเอ๊ย ไอ้หน้าขนนั่นมันกำลังมีชู้อยู่รึเปล่า”
ลูกเศรษฐีรู้สึกขุ่นเคือง
ผู้หญิงในอ้อมอกของเจิ้งข่ายหัวเราะร่า “ไอ้ขยะนั่นหากจีบสาวไม่เก่งแล้วจะไปจีบสาวสวยตัวท็อปอย่างหานหยู่เยนมาได้ยังไงกัน แถมยังได้แต่งเข้าไปแล้วด้วย อย่ามองว่าเขาเป็นไอ้ขยะ แต่ดูท่าก็น่าจะยังมีดีอยู่บ้าง”
“พี่ข่าย เก็บให้เรียบเถอะ!”
“นั่นสิ ของชั้นเยี่ยมสองคน บวกกับหน้ามัธยมนมมหาลัยคนนั้น แถมตอนนี้ยังมีเพิ่มมากอีกสอง ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับสองคนก่อนหน้า แต่ก็ถือว่าไม่เลวเลย”
เจิ้งข่ายแอบครุ่นคิดในใจ จากนั้นจึงโทรหาหมี่หลานที่ส่งให้ไปอยู่ในบริษัทของโล่เฉิน
“สวัสดีค่ะ คุณชาย”
“ไอขยะนั่น….คงไม่ใชว่าใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อดึงดูดสาวสวยมาเป็นสตรีมเมอร์ใช่ไหม?”
หมี่หลานชะงักไปและเอ่ย “คุณชาย ฉันกำลังอยากจะคุยกับคุณพอดี ที่บริษัทนอกจากเซี่ยซือหานและอู่จื่อเยว่ ยังมีคนมาเพิ่มอีกสามคน ทุกคนล้วนไม่เลว ไม่รู้ว่าโล่เฉินไปหลอกมายังไงเหมือนกัน เงินห้าล้านของคุณยังไม่ได้ใช้สักแดงเดียว”
“งั้นหรือ ไอ้ขยะนี่มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ”
“คุณชาย คุณมีคำสั่งอะไรหรือไม่?” หมี่หลานถาม
เจิ้งข่ายเอ่ยสั่ง “ไม่มีอะไร เธอทำหน้าที่ของเธอในบริษัทไป เรื่องอื่นๆ ไม่ต้องยุ่ง อย่าให้โล่เฉินหาข้ออ้างที่จะสะบัดเธอทิ้งได้ นอกจากนี้ หากมีผู้หญิงคนใหม่มา อย่าลืมถ่ายรูปแล้วส่งมาด้วย”
“ได้ค่ะ คุณชาย”
หลังวางสายเจิ้งข่ายก็เอ่ย “ลงรถ ไปนั่งร้านตรงข้ามเคเอฟซีสักแป๊บ”
ในบริษัท
โล่เฉินจัดการงานให้ส้งเชี่ยงและเฉินโก่ จากนั้นก็มาที่ห้องไลฟ์สตรีมของอู๋จื่อเยว่
ในนี้เป็นห้องที่ปิดกั้นเสียงเอาไว้
“พี่ชาย ดูชุดฉันสิ สวยไหม?”
“สวย”
โล่เฉินลูบหัวเล็ก ๆ ของ อู่จื่อเยว่ จากนั้นปิดกล้องและพูดอย่างจริงจัง “เสี่ยวเยว่ ฉันละเลยปัญหาไปข้อหนึ่ง หากเธอกลายเป็นคนดังทางเน็ตขึ้นมาจริงๆ ฝั่งเมืองหลวงย่อมต้องหาเบาะแสและค้นพบเธอได้แน่ แล้วจะมีปัญหาใหญ่”
“ไอ้หย่า”
อู่จื่อเยว่ตกใจกลัวไม่เบา เธอเอ่ยอย่างลังเล “เป็นอย่างนั้นจริงๆ อย่างนั้นพี่ชายฉันไม่ทำสตรีมแล้ว ฉันจะนำความชั่วร้ายมาหาพี่ไม่ได้ พลังของพี่ยังไม่ฟื้นคืน ถ้านางมารนั่นตามฆ่าขึ้นมา แบบนี้ก็อันตรายแล้ว”
“ใช่”
โล่เฉินมองไปที่ท่าทางโดดเดี่ยวของอู่จื่อเยว่ ในใจของเขาก็รู้สึกบอกไม่แปลก
เขาโอบอู่จื่อเยว่มาไว้ในอ้อมแขนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จื่อเยว่ ถึงแม้ว่าจะทำไลฟ์สตรีมไม่ได้ แต่เธอก็ยังมีเรื่องให้ทำ”
“ทำอะไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพี่ชายจัดการได้เลย”
“ฝึกฝน”
“ฝึกฝน?” อู่จื่อเยว่ตกตะลึง จากนั้นดวงตาของเธอก็มืดลง “แต่จุดตันเถียนของฉันแตกสลายไปแล้วนี่….หรือว่า พี่ชายคุณสามารถหาทางฟื้นคืนจุดตันเถียนของฉันได้แล้ว”
โล่เฉินส่ายหัว
อู่จื่อเยว่กลอกตา “พี่ชายคนไม่ดี มาล้อเล่นกับฉัน”
“เด็กโง่ นอกจากวิถีบู๊แล้วยังมีการบำเพ็ญอยู่ การฝึกฝนบู๊ต้องใช้จุดตันเถียนแต่การฝึกบำเพ็ญนั้นขอแค่สมองไม่มีปัญหาก็ได้แล้ว”
“การบำเพ็ญ? กลายเป็นนักพรต?”
โล่เฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น เขาเอ่ยอย่างมีความหวัง “เสี่ยวเยว่ เธอมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง อย่าจำกัดตัวเองแค่วิถีบู๊ และอย่าคิดไปว่าวิถีบู๊นั้นแข็งแกร่งกว่าการบำเพ็ญ อันที่จริงเด็กผู้หญิงแบบเธอฝึกฝนการบำเพ็ญต่างหากถึงดูสวยงาม ไม่จำเป็นต้องลงมือลงไม้ ร่ายคาถากลางอากาศ ท่าทางสง่างามจะตายไป”
“พรูด”
“คนเซ่อ”
อู่จื่อเยว่หัวเราะและถามอย่างกังวลว่า “พี่ชาย ฉันทำได้จริง ๆ หรือ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ มีฉันสอนเธอ จะต้องสำเร็จแน่ รอให้ภายหลังเสี่ยวเยว่ฝึนฝนจนเป็นเทียนเซียน อย่างนั้นเธอก็จะกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อยจริงๆ”
“ว้าว ฉันอยากเป็นนางฟ้า”
โล่เฉินเตรียมวิชาฝึกจิตเอาไว้ให้อู่จื่อเยว่มานานแล้ว ด้านบนหน้าปกมีตัวอักษรตัวใหญ่อยู่สามตัว
《วิชาสามชาติภพ》
“นี่คือ!”
อู่จื่อเยว่ตกใจ เธอรู้ว่านี่คืออะไร
ในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้ มีเพียงนางมารหลันโย่วเวยเท่านั้นที่ฝึกฝนวิชาระดับสามชาติภพ และเป็นรองแค่ 《วิชาอมตะ》เท่านั้น
“วิชาสามชาติภพฉันได้ลดความซับซ้อนของวิชาอมตะลงมา มีความลับบางอย่างของวิชาอมตะซึ่งสามารถช่วยยืดอายุได้อยู่ในนั้นส่วนหนึ่ง วิชาสามชาติภพไม่ใช่แค่เป็นหัวใจของวิถีบู๊เพียงอย่างเดียว แต่นี่กลับรวมถึงการบำเพ็ญจิตด้วย มันสามารถช่วยยกระดับแดนของวิถีบู๊ในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มพลังจิตได้เช่นกัน”
“นี่เหมาะกับเธอมาก บวกเข้ากับคาถาอันทรงพลังที่ฉันจะสอนเธอในอนาคต เธอจะยังคงเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมในตอนนั้น หรืออาจแม้กระทั่งอยู่เหนือกว่าหลันโย่วเวย”
ลำตัวบอบบางของอู่จื่อเยว่สั่นเทาอย่างยิ่ง
แรงผลักดันอันยิ่งใหญ่สายหนึ่งและความหมกมุ่นเติบโตขึ้นในใจของเธอ เธอกำหมัดแน่ น้ำเสียงแน่วแน่ แต่แฝงด้วยความอาฆาต
“ฉันเข้าใจ”
“ฉันจะก้าวข้ามนางมารนั่นให้ได้และลงมือตัดหัวเธอด้วยตัวเองเพื่อขจัดมลทินให้กับพี่ชาย รวมถึงล้างแค้นให้กับพ่อ รวมถึงคุณลุงคุณป้าในหน่วยอ้าน”
“พยายามเข้า”
โล่เฉินยิ้ม แต่ในใจกลับถอนหายใจอย่างขมขื่น
ทำไมโล่เฉินถึงให้ความสำคัญกับหลันโย่วเวย บอกจากความงามขีดสุดของเธอแล้ว ยังมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนที่หาที่เปรียบมิได้
อันที่จริง วิชาสามชาติภพไม่ใช่ใครก็สามารถฝึกได้
จะต้องเป็นอัจฉริยะของใต้หล้า
ไม่อย่างนั้น แค่มองก็ยังมองไม่ออกด้วยซ้ำ
ในตอนนั้นโล่เฉินเห็นพรสวรรค์ของหลันโย่วเวย และได้เตรียมวิชาสามชาติภพสำหรับเธอไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับการทดสอบครั้งสุดท้าย
เขาคิดว่าหากหลันโย่วเวยสามารถฝึกฝนวิชาสามชาติภพได้อย่างสบายๆ อย่างนั้นก็มีความหวังว่า 80% ที่จะสามารถฝึกวิชาอมตะได้ แบบนั้นเขาก็จะมีเพื่อนแล้ว
โล่เฉินอยู่เพียงลำพังตลอด 5,000 ปี นี่ช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน
ในอนาคต ยังคงไม่รู้ว่าจะต้องผ่านคืนวันไปอีกนานแค่ไหน
จะต้องผ่านไปอีกกี่พันปี?
กี่หมื่นปี?
นานแค่ไหน โล่เฉินไม่รู้
เขาอยากมีเพื่อนร่วมทาง นี่คือความหวังของเขา
น่าเสียดาย….
“เสี่ยวเยว่ ตั้งใจฝึกวิชาสามชาติภพให้ดี ถ้าจะให้ดีที่สุดคือจงจำวิชาฝึกจิตทั้งหมดเอาไว้ในสมองจากนั้นก็ทำลายคู่มือทิ้งซะ อย่าปล่อยให้มันรั่วไหลออกไป”
“พี่ชายวางใจเถอะ ฉันจะระวัง”
โล่เฉินออกมาจากห้องไลฟ์สตรีม และพบว่าส้งเชี่ยงกับเฉินโก่กำลังเดินไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นราวกับว่ากำลังรอเขาอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?”
เฉินโก่พูดอย่างลังเล “พี่เฉิน เอ่อ… คุณยังจำชิวจู๋และเสี่ยวเหมยได้ไหม วันนั้นคุณเคยเจอในคลับ”
“อืม…มีอะไรรึเปล่า?”
“พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทของฉัน และเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย รวมถึงได้ลาออกจากงานของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนแล้วด้วยเหมือนกัน ฉันบอกพวกเขาว่ากำลังเข้าทำงานที่บริษัทของคุณ พวกเธอเองก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน”
โล่เฉินหัวเราะ “ไม่ผิดเลย ตอนนี้ฉันกลายเป็นศูนย์พักพิงไปแล้วจริงๆ”
เมื่อเห็นว่าส้งเชี่ยงและเฉินโก่กำลังทำตาโต ดวงตาเต็มไปด้วยการอ้อนวอน โล่เฉินก็รู้สึกอ่อนใจ
“บอกพวกเธอให้มาที่นี่สักหน่อย ฉันต้องการคุยกับพวกเธอต่อหน้า”
“ขอบคุณพี่โล่”
หญิงสาวสองคนดีใจโลดเต้น
ไม่นานนัก โล่เฉินก็ลงมาชั้นล่าง เพื่อรับชิวจู๋และเสี่ยวเหมยที่ประตู
ตรงข้าม ในร้านเคเอฟซี
ลูกเศรษฐีร้องลั่น “แม่เจ้าโว้ย ตาฉันฝาดไปหรือไงกัน มีสาวสวยสองคนมาอีกแล้ว” “
“พี่ข่าย ฉันรู้จักหนึ่งในนั้น”
“ใคร?” เจิ้งข่ายถาม
ลูกเศรษฐีชี้ไปทางซ้ายของโล่เฉิน หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีฟ้า เขาเอ่ยอย่างมั่นใจ “ผู้หญิงคนนั้นคือชิวจู๋ และเธอเคยเป็นดาวประจำมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีน”
“ ‘งั้นหรือ ฮ่าฮ่า น่าสนใจ” รอยยิ้มของเจิ้งข่ายเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ลูกเศรษฐีหลายคนกำลังจึ๊ปาก ในใจรู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่ง
พวกเขามีทั้งเงินและอำนาจ หากคิดจะจีบสาวระดับดาวมหาลัยยังถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นี่โล่เฉินกลับมีขนาบไปทั้งด้านซ้ายและขวา
เหมือนกับขายส่งยังไงอย่างนั้น
สำหรับพวกเขาแล้ว มันเป็นความอัปยศแบบหนึ่ง
“พี่ข่าย ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมจะไปอัดไอ้ขยะนั่น เขาอาศัยอะไรถึงได้หลอกสาวสวยมาได้ง่ายดายแบบนี้!”
“ไปอัดเขา เอาเวลาไปเรียนรู้ทักษะจีบสาวขั้นสูงของเขาน่าจะดีกว่า”
“พูดพล่ามอะไร ไอ้ขยะฝันไปเถอะว่าจะได้เป็นอาจารย์ของฉัน”
เจิ้งข่ายโบกมือ บ่งบอกว่าอย่าได้เถียงกันอีก
เขาลุกขึ้นและเห็นโล่เฉินหายตัวไปจากหน้าประตู เขาเอ่ย “เขาทำให้ฉันประหลาดใจมากจริงๆ ต้องบอกว่า เขายอดเยี่ยมมาก ทำเอาฉันมองเขาต่างไปจากเดิม”
“พี่ พี่จะทำอะไร?”
“เพิ่มการลงทุน”