จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 136
วันรุ่งขึ้น วันฟ้าครึ้ม
“พ่อแม่ มีเรื่องใหญ่อะไรหรือ ทำไมถึงต้องรีบไปบ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน?” บนรถ หานหยู่ถิงพึมพำ
หลิวเซียงหลัน ส่ายหัว “ใครจะไปรู้ เมื่อคืนพี่สาวของลูกไม่ได้กลับมาและนอนอยู่ในบ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน ได้ยินหยู่เยนบอกว่าไปรับใช้คุณย่าของลูก หรือว่าเธอจะให้หยู่เยนเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหาน!”
“ไม่มีทาง” หานหยู่เยนมีหน้าไม่เชื่อ
“ฉันได้ยินมาว่าแม่ถูกไอเย็นเป็นไข้หวัดเมื่อเร็ว ๆ ช่วงนี้เธอก็สุขภาพไม่ค่อยสบาย เรื่องผู้สืบทอดของตระกูลหานย่อมต้องกำหนดขึ้น”
หานเจี้ยนเย่ขมวดคิ้วและตำหนิ “ภรรยา คุณพูดอะไร สาปแช่งแม่ให้ตายหรือไง!”
“เหอะเหอะ อย่าโทษที่ฉันพูดจาแรงไปหน่อยเลย คุณย่าหานตายเร็วขึ้นหน่อยครอบครัวเราก็สบายขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านั้นตอนคุณปู่ยังอยู่ก็ยังคงดีหน่อย ตอนนี้คุณปู่ไปแล้ว สามปีมานี้เธอปฏิบัติกับพวกเรายังไง?”
หานเจี้ยนเย่พูดไม่ออก
หลิวเซียงหลันยกมือกอดอก และเหล่มองหานเจี้ยนเย่อย่างรวดเร็ว เธอเอ่ยอย่างมั่นใจ “ฉันขอพูดไว้ก่อนที่นี่ ถ้าผู้สืบทอดคือหยู่เยนก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นหานหยุนเทา ฉันจะให้หยู่เยนถอนตัวออกจากตระกูลหาน พวกเราจะตั้งตระกูลของเราเอง!”
“อะไรนะ” หานเจี้ยนเย่ปฏิเสธ “นี่จะได้ยังไงกัน แบบนี้เท่ากับทรยศต่อบรรพบุรุษ เป็นไปไม่ได้”
“คนโง่ หรือคุณอยากจะให้หยู่เยนหาเงินมาให้หานหยุนเทาหรือไง? เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่มีข้อโต้แย้ง ยิ่งไปกว่านั้น การตั้งตระกูลของตัวเองใช่ว่าให้คุณลืมบรรพบุรุษสักหน่อย คุณจะเดือดร้อนทำไม!”
ที่บ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน บรรดาญาติๆมากันแล้วไม่น้อย
ในห้องโถงใหญ่
คุณย่าหานนั่งอยู่ในตำแหน่งแรก สองข้างเป็นหานหยุนเทาและหานหยู่เยนที่ยืนอยู่ข้างเธอ
เมื่อมองจากตรงนี้ ในใจของหลิวเซียงหลันก็ยินดี เธอรู้แล้วว่าสถานะของลูกสาวตนเพิ่มขึ้นมาและได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้อยู่ในระดับเดียวกับหลานชายคนโตของตระกูล
ดีมาก ดูเหมือนว่าเรื่องการเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหาน จะมีความหวัง
“แม่”
“พวกเธอมาแล้ว”
คุณย่าหานพยักหน้าและเคาะไม้เท้าลงกับพื้น ทั้งห้องโถงเงียบลงทันที
“เมื่อคนมากันแล้ว อย่างนั้นก็เข้าเรื่องเถอะ”
ท่ามกลางฝูงชน ชายในชุดสูทรองเท้าหนังเดินออกมาและแนะนำตัวเอง “สวัสดีทุกท่าน ผมคือทนายความ แซ่เจ้า ตามการมอบหมายของคุณย่าหาน ข้อตกลงการโอนบริษัทนี้ถูกร่างขึ้นในชั่วข้ามคืน”
“คุณโล่ ได้โปรดออกมาสักครู่”
ทนายเจ้าตะโกนขึ้นทันที
โล่เฉินเดินออกมาอย่างงุนงง เขาถาม “มีเรื่องอะไร?”
“โปรดดูข้อตกลง”
“ฉัน?”
หัวของโล่เฉินคิดอย่างรวดเร็วและเกิดการคาดเดาบางอย่าง
หานหยุนเทาก้าวขึ้นมาข้างหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึม “โล่เฉิน โอนบริษัทของนายมาให้คุณย่าซะ รีบเซ็นชื่อแล้วพิมพ์ลายนิ้วมือซะ ไม่มีอะไรจะต้องพูด”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้
โล่เฉินยิ้มเยาะในใจ เขาถาม “คุณย่า ผมอยากรู้เหตุผล”
“นายไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้เหตุผล ให้นายเซ็นชื่อก็แค่เซ็นซะ พูดพล่ามอะไรมากมายกัน” หานหยุนเทาน้ำเสียงข่ม
โล่เฉินมองไปที่หานหยู่เยน และพบว่าดวงตาของเธอกำลังหลบเลี่ยง
ดีนี่ ถึงกับเกลี้ยกล่อมหยู่เยนแล้ว
ใช้วิธีการไหนกัน?
“โล่เฉิน นายกล้าดีนี่ ไม่เห็นคุณย่าอยู่ในสายตา ยังไม่ลงมืออีก มัวอ้ำอึ้งทำไม” หานหยุนเทาตะคอก
หานหยางเองก็เอ่ยสมทบ “อาศัยไอ้ขยะอย่างนายเปิดบริษัท ของที่อยู่บนมือนายก็เป็นขยะเช่นกัน!”
สองคนเปิดนำ เหล่าบรรดาญาติก็หัวเราะเยาะขึ้นมาเช่นกัน
“ก็คิดว่าเรื่องสำคัญอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง รีบลงมือเซ็นเถอะ อย่ามาทำให้พวกเราเสียเวลา”
“คิดว่าตัวเองเป็นเถ้าแก่ไปแล้วจริงๆหรือไง ดูเขาสิ น่าอายชะมัด”
“รีบโอนให้คุณย่าเร็วเข้า นี่ถือว่าดีกับตัวนาย หากรอไปอีกหน่อยบริษัทคงต้องปิดตัวลงแน่”
ท่ามกลางการเยาะเย้ยของผู้คน โล่เฉินคล้ายเป็นคนหูหนวก เขามองไปที่หลิวเซียงหลัน
“แม่ บริษัทนี้ได้รับทุนก่อตั้งโดยคุณ ตอนนี้ต้องโอนให้คุณย่า คุณยินยอมไหม?”
หลิวเซียงหลันมีไฟสุมอกมาตั้งนานแล้ว บริษัทของโล่เฉินตอนนี้มีอนาคตคนดังอยู่หลายคน นั่นคือต้นไม้เงินเชียว
คุณย่าหานเองก็คงรู้ดีในจุดนี้ ดังนั้นถึงได้ขอให้โอนบริษัท
หน้าด้านไร้ยางอาย
ใบหน้าของหลิวเซียงหลันเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ เดิมคิดว่ามาแล้วจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น จะต้องเป็นเรื่องยืนยันผู้สืบทอด
คิดไม่ถึงเลย ว่าจะเป็นการกดขี่ข่มเหงเธออีกครั้ง
“ไม่มีทาง!”
สามคำที่ดังฟังชัด
ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
บรรดาญาติๆ ต่างตกใจ ไม่คิดว่าหลิวเซียงหลันจะกล้ามากขนาดนี้ แม้กระทั่งกล้าคัดค้านการตัดสินใจของคุณย่าหาน
“หลิวเซียงหลัน เธอมันกินดีหมีหัวใจเสือมาจริงๆ ครั้งที่แล้วด่าว่าคุณย่าเลอะเลือนก็ปล่อยเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง มาตอนนี้ เธอกล้ามาก่อเรื่องอีก คิดว่าคุณย่าใจดีใจเย็นจริงๆ ไม่กล้าลงโทษเธอหรือไง!”
“หุบปาก!”
หลิวเซียงหลันด่า “ไม่รู้จักเด็กผู้ใหญ่ ฉันเป็นอาสะใภ้นาย นายมีคุณสมบัติอะไรมาเรียกชื่อฉันตรงๆ พ่อนายคอยสอนมารยาทมาให้ตั้งแต่เด็กๆแต่นายกลับเอาแต่ไปเรียนอย่างสุนัขซะหมดหรือไง!”
“พูดอะไร พูดใหม่สิ!”
“พอแล้ว”
คุณย่าหานเอ่ยตัดบท สีหน้าเคร่งเครียด เธอมองไปที่งไปที่หลิวเซียงหลัน และกล่าวว่า “เซียงหลัน ฉันรู้ว่าทำไมเธอถึงไม่เห็นด้วย บริษัทนั่นเธอลงทุน 400,000 ให้กับโล่เฉินเพื่อก่อตั้งมันขึ้นมา อย่างนั้นตระกูลจะชดเชยให้กับเธอ 400,000 แบบนี้พอแล้วรึยัง!”
“แค่ 400,000?”
หลิวเซียงหลันหัวเราะเยาะ
บรรดาญาติทุกคนแอบชื่นชม นี่คือการราดน้ำมันบนตัวคุณย่าหานชัดๆ ช่างหัวแข็งจริงๆ!
“เธอหมายความว่าไง?” คุณย่าหานระงับความโกรธในใจ
“ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ ดังนั้นก็พูดให้รู้กันไปเลยแล้วกัน บริษัทของโล่เฉินมีสตรีมเมอร์หลายคนที่มีศักยภาพจะเป็นคนดังในอนาคต เป็นต้นไม้เงินต้นไม่ทอง มูลค่าไม่ต้องพูดถึง แค่เงิน 400,000 กลับจะมาคิดซื้อบริษัท แม่ ครั้งนี้แม่คิดมาได้ดีนี่!”
บรรดาญาติพี่น้องมองหน้ากัน
คำพูดของหลิวเซียงหลัน ทำให้พวกเขาประหลาดใจ พวกเขาไม่เคยสนใจบริษัทของโล่เฉินเพราะคิดว่ามันไร้สาระ
แต่ตอนนี้เมื่อบอกว่ามีสตรีมเมอร์ แถมยังมีศักยภาพที่จะเป็นคนดังในอนาคต อย่างนั้นก็ไม่อาจมองข้ามแล้ว
อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าตอนนี้คนดังทางเน็ตนั้นสร้างเงินทองได้มากมาย
“แม่ คุณพูดผิดไป นั่นไม่ใช่แค่คนดังในอนาคตเท่านั้น” โล่เฉินตัดสินใจเพิ่มไฟอีกครั้งและทำสิ่งต่าง ๆ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่สักหน่อย
หานหยุนเทาหนังตากระตุก เขาตะคอก “ไอ้ขยะ แกหุบปาก”
โล่เฉินไม่สนใจ เขาเอ่ยต่อ “แม่ครับ แต่เดิมผมต้องการทำให้คุณเซอร์ไพรส์ แต่ในเมื่อตอนนี้เป็นอย่างนี้ ผมก็บอกคุณเลยแล้วกัน”
“มีอะไรเซอร์ไพรส์?”
“เจิ้งข่าย คุณชายตระกูลเจิ้งของเมืองเจียง ลงทุน 15 ล้านในบริษัทของเรา เงินโอนมาแล้ว เขาคาดหวังในตัวผมมาก หวังว่าพวกเราจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง”
บูม.
มวลอากาศระเบิดออกทันที
หลิวเซียงหลันตาแทบถลน ขณะที่บรรดาญาติๆตระกูลหานกำลังอึ้งเป็นไก่ตาแตก
หานหยู่ถิงแอบหยิกแขนตนเอง เมื่อรู้สึกเจ็บ เธอก็บ่นพึมพำกับตัวเองว่า “เรื่องจริงสินะ ไม่ใช่โกหก”
“เอื๊อก”
หลิวเซียงหลันกลืนน้ำลายของตน จากนั้นจึงถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “นาย นายพูดจริงหรือ?”
“แม่ เป็นเรื่องจริง แม่สามารถดูบัญชีของบริษัทได้ มีเงินสิบห้าล้านอยู่ในบัญชี”
โล่เฉินหันกลับมามองคุณย่าหานแล้วพูดด้วยท่าทางมีเลศนัย “แม่ ผมคิดว่าคุณย่าน่าจะได้ยินเกี่ยวกับการลงทุนของเจิ้งข่าย แล้วดังนั้นเธอถึงได้อยากแย่งบริษัทไป”
“ผายลม!”
หลิวเซียงหลันคำราม
ในเวลานี้ เธอเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและกล้าหาญ
น่าหัวเราะเยาะ
บริษัทของครอบครัวเราถูกเจิ้งข่ายของตระกูลเจิ้งเมืองเจียงถูกใจเข้า และได้ลงทุนไปแล้ว 15 หยวน จากนี้จะต้องมีการเพิ่มขึ้นเข้ามาอีกในภายหลัง
หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
แค่ตระกูลหานนับเป็นตัวอะไร!
หลิวเซียงหลันหน้าแดงก่ำ เธอไม่โกรธ แต่ตื่นเต้น
ความยากลำบากได้รับการตอบแทนแล้ว
เรื่องราวเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน
คิดไม่ถึงว่า จะมีวันที่เธอได้เงยหน้าอ้าปากแบบนี้
“พวกนายทุกคนฟังฉันให้ดี ใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดจะแย่งบริษัทของโล่เฉินไป ยังมีคุณ คนแก่โง่เขลาดื้อรั้น!”
หลิวเซียงหลันชี้ไปที่คุณย่าหาน สีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
ใบหน้าของหานเจี้ยนเย่เปลี่ยนไปอย่างมาก บรรดาญาติๆทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกัน
ไร้สุ้มเสียงใด
“ข่มเหงรังแกครอบครัวเรามานานหลายปีขนาดนี้ สบายมากใช่ไหม สะใจมากใช่ไหม! มาตอนนี้คุณก็ยังต้องการกลั่นแกล้งพวกเรา คิดจะแย่งเอาบริษัทไป…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างหน้าไม่อายจริงๆ”
“แน่นอน นี่มันเป็นสไตล์ของคุณ คิดว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโส คิดว่าตัวเองคือซูสีไทเฮา ตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลหาน ทำตัวซะใหญ่โตราวกับโลกทั้งใบ อายคนเขาบ้างรึเปล่า!”
ครืนน
เดิมทีท้องฟ้าที่มีเมฆมาก ในที่สุดก็ปรากฏเป็นลางบอกเหตุของพายุ
ฟ้าร้องคำราม สายฟ้าแลบโหมกระหน่ำ
ใบหน้าของคุณย่าหานเองก็มืดคล้ำเหมือนท้องฟ้า
“เซียงหลัน เธอพูดบ้าอะไร ขอโทษแม่คุณเร็วเข้า” หานเจี้ยนเย่ร้องลั่น สีหน้าซีดขาว
“หุบปาก!”
หลิวเซียงหลันราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความแค้นที่สะสมมานานหลายปีในที่สุดก็ถูกปัดเป่า และแทนที่ด้วยการลืมตาอ้าปากได้อย่างมีความสุข
อีกทั้งยังมีความภาคภูมิใจอันสูงส่งแฝงอยู่
“พวกคุณคงคาดไม่ถึงล่ะสิ ว่าจะมีวันที่ฉันได้พลิกฟื้นตัวขึ้นมา อิจฉาใช่ไหม อัดอั้นใช่ไหม? อีกไม่นาน ฉันก็จะสามารถเหยียบพวกคุณลงใต้ฝ่าเท้าได้ และกลายเป็นเจ้าบ้านหญิงของตระกูลหาน!”
เปรี้ยง
สายฟ้าสีม่วงสาดขึ้น เกิดเป็นแสงสว่างในห้องโถง
คุณย่าหานจับที่เท้าแขนบนเก้าอี้อย่างแรง ดวงตาสีเหลืองเหี่ยวย่นจับจ้องไปที่หลิวเซียงหลัน
เธอหายใจหอบ น้ำเสียงแหบแห้งและเย็นชา “หานหยู่เยน หานเจี้ยนเย่ พวกเธออยากถูกไล่ออกจากตระกูลหรือยังไง!”