จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 139
“ล็อกประตู อย่าให้เจ้าคนไร้ประโยชน์นั่นกลับมา!”
เมื่อกลับมาบ้าน หลิวเซียงหลันก็ยังคงอารมณ์ร้อนอยู่
หานหยู่ถิงพึมพำ “พ่อมีกุญแจนี่”
“อย่างนั้นก็ขวางประตูเอาไว้ซะ โล่เฉิน ย้ายโต๊ะไปที่ประตู”
หานหยู่เยนเอ่ยกล่อม “แม่ ใจเย็นๆก่อน แม่ก็รู้ว่าพ่อมีความผูกพันกับตระกูลมากแค่ไหน ตอนนี้เขากำลังอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะช่วยใครล้วนไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากนี้แม่ไม่จำเป็นต้องโกรธ เดิมพันครั้งนี้หนูชนะแน่”
จะไม่ชนะได้หรือ
เจ้าของคฤหาสน์ยอดจื่อเช่วอันทรงเกียรติกำลังยืนอยู่ข้างๆตนนี่
หานหยุนเทาคงไม่เคยคิดฝันว่าโล่เฉินจะมีคฤหาสน์อันทรงเกียรติที่สุดไว้ในครอบครอง
ไม่ว่าเขาจะหาใคร สุดท้ายย่อมต้องแพ้อยู่ดี
“เธอจะเอาอะไรมาชนะ หานหยุนเทาหาคุณชายโล่ ต่อหน้าตระกูลโล่ ตระกูลเจิ้งนับเป็นตัวอะไรกัน” หลิวเซียงหลันพูดพร้อมกับกัดฟัน “ยัยแก่นั่นเอาชนะพวกเราไปได้อีกครั้ง”
“โธ่แม่ ทำไมไม่เชื่อหนู”
หานหยู่เยนรู้ว่าตนไม่อาจเปิดเผยความลับของโล่เฉินได้ ดวงตาของเธอหันมาและพูดอย่างแปลกๆ “อย่างมากหนูก็แค่ไปหาโล่ซิงเฉิน ดูสิว่าเขาจะยอมช่วยหนูหรือช่วยหานหยุนเทา!”
“อ้อ?”
หลิวเซียงหลันดวงตาสว่างวาบขึ้น เธอหัวเราะลั่น “ใช่ใช่ใช่ ซิงเฉินยังมีใจให้ลูกอยู่ ทำไมแม่ถึงคิดไม่ได้กัน ครั้งนี้ หานหยุนเทาจะต้องพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์”
“ตกลง เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว แม่อย่าโกรธพ่ออีกเลย หนูจะไปบริษัทก่อน”
โล่ฉฺนเอ่ย “ผมจะไปส่งคุณ ผมเองก็จะไปดูที่บริษัท”
หลังส่งหานหยู่เยนไปบริษัทตระกูลหาน โล่เฉินก็พาหานหยู่ถิงมาที่อาคารสำนักงาน
ระหว่างรอลิฟต์ พวกเขาก็บังเอิญเจอหานหยุนซี
“ไม่เลวนี่ ได้รับเงินลงทุนจากคุณชายเจิ้ง นายทำได้ยังไง?” หานหยุนซีถามด้วยความสนใจ
“คุณชายเจิ้งดวงตามองเห็นไข่มุก เขาเห็นความสามารถและศักยภาพของฉัน”
“แค่ได้ทีหน่อยก็เหลิงจริงๆ อย่างนายจะไปมีความสามารถอะไรกัน ฉันได้ยินมาจากหานหยุนเทาว่า ในบริษัทของนายมีสตรีมเมอร์สาวสวยหลายคน เจิ้งข่ายเป็นคุณชายเพลย์บอย ที่ถูกใจคือสาวสวยมากกว่า เขาลงทุนก็เพื่อสตรีมเมอร์สาวสวยพวกนั้น ไม่เกี่ยวกับนายสักนิด”
หานหยุนซีเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจแล้วพูดขึ้นอีกว่า “ฉันจะจับตาดูนายให้ดี ตลอดสามเดือนนี้ ทางที่ดีนายอย่าได้คิดเล่นตุกติก รอจนกว่าหานหยู่เยนและหานหยุนเทาจะถูกตัดสินแพ้ชนะ”
“ตามใจ”
โล่เฉินยักไหล่ เขายิ้มและถามว่า “เธอคิดว่าใครจะชนะ?”
“ยังต้องบอกอีกหรือไง แน่นอนว่าต้องเป็นหานหยุนเทา เขาไปหาคุณชายโล่ของบริษัทซิงเฉินแล้ว บางทีไม่ต้องรอถึงสามเดือน แค่ไม่กี่วัน คุณย่าก็สามารถอาศัยอยู่ในคฤหาสน์บนภูเขาจื่อเช่วได้แล้ว” หานหยุนซีเอ่ยอย่างมั่นใจ
“เธอสวยมาก”
“หา?”
หานหยุนซีตะลึงไป ไม่เข้าใจว่าทำไมโล่เฉินถึงเอ่ยประโยคเช่นนั้น
หานหยู่ถิงระแวงเล็กน้อย เธอแอบเอ่ยถามตัวเองในใจ คงไม่ใช่ว่าพี่เขยถูกใจหานหยุนซีเข้าแล้วนะ? เป็นไปไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้สวยน้อยกว่าพี่สาว อีกทั้งยังนิสัยเสียจะแย่
พี่เขยไม่มีทางไปถูกใจเธอหรอก ผู้หญิงคนนี้สู้เธอยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ถึงจะสวย แต่กลับไม่มีสมอง”
“ไอ้บ้า แกพูดอะไรน่ะ!”
หานหยุนซีที่แต่เดิมภูมิใจมาก เมื่อได้ยินประโยคนี้ จู่ๆ ใบหน้าก็หน้าแดงขึ้น
หานหยู่ถิงแอบหัวเราะ ในใจรู้สึกสบายใจอย่างมาก
โล่เฉินถามด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ “คุณยังคิดที่จะแต่งงานให้กับคนรวยอยู่อีกหรือไง? สุดท้ายแล้ว ครั้งก่อนที่โล่ซิงเฉินแสร้งทำตัวเป็นคนส่งของกำนัลแล้วถูกจับได้ขึ้นมา ในมือคุณย่าหานยังมีสินสอดทองหมั้นที่มาไหนไม่รู้เอาไว้อยู่ เธอยังคิดเกี่ยวกับมันอยู่ล่ะสิ ”
“แล้วยังไง”
หานหยุนซีกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไม่ว่าจะวิเคราะห์ยังไง สินสอดทองหมั้นนั้นคือมอบให้ฉัน แน่นอน หานหยู่ถิงมีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับฉันอยู่บ้าง”
หานหยู่ถิงเชิดหน้าขึ้น เธอแค่นเสียง “เธอรู้ก็ดี”
“แต่ว่าเธอยังเด็กเกินไป ดังนั้นจึงสามารถกำจัดความเป็นไปได้นี้ออก”
“นี่…” หานหยู่ถิงเงียบ
เธอเพิ่งจะอายุเพียงยี่สิบปี ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ เร็วเกินไปที่จะแต่งงาน
โล่เฉินสนุกขึ้นมา เขาเอ่ย “นานขนาดนี้แล้ว คนส่งสินสอดมาให้ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นเลย นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ เธอเดาไม่ได้หรือไง?”
ลิฟต์หยุดลง
ทั้งสามคนเดินออกมาและมาที่บริษัท
“นี่ก็แปลกอยู่บ้างจริงๆ แต่ไม่เป็นไร สินสอดทองหมั้นพวกนั้นมีอยู่จริง คุณชายคนนั้นจะต้องปรากฏตัวขึ้นแน่ นี่เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น ฉันรอได้”
“เอาเถอะ อย่างนั้นเธอก็ค่อยๆรอเถอะ ยินดีล่วงหน้าที่ได้แต่งเข้าบ้านเศรษฐี”
หานหยุนซีเยาะเย้ย “อย่าคิดจะมาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับฉันหน่อยเลย ฉันคงไม่สามารถดูแลนายได้หรอก นายและหานหยู่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของฉัน”
โล่เฉินขี้เกียจใส่ใจ ผู้หญิงคนนี้ช่างหมกมุ่นอยู่กับความมั่นใจในตนเองจริงๆ
“ทุกคนออกมาเถอะ”
เขาร้องเรียกขึ้น
เซี่ยซือหาน, ฮาตา คังมิงปู, ส้งเชี่ยง, เฉินโก่, ชิวจู๋ และเสี่ยวเหมยเดินออกมาเป็นแถว ส่วนหมี่หลานที่นั่งอยู่บนโซฟาได้ยินแล้วแต่ไม่สนใจฟังคำสั่งแต่อย่างใด
ผู้ช่วยหลายคนยืนอยู่ข้างหลัง
บริษัทที่มีคนเพียงไม่กี่สิบคน
ก่อนหน้านี้เธอแค่ได้ฟังมาเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่หานหยุนซีได้เห็น เซี่ยซือหาน, คังมิงปู, ชิวจู๋และคนอื่น ๆ เธอเกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจขึ้นมา
เซี่ยซือหาน มีเสน่ห์เหนือผู้คน แฝงด้วยร่องรอยของความเย็นชา;
คังมิงปู หน้ามัธยมนมมหาลัย เป็นสาวน้อยที่งดงามน่ารัก
ชิวจู๋ ไม่ต้องพูดมาก ครั้งหนึ่งเคยเป็นดาวของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน;
ส้งเชี่ยง, เฉินโก่และเสี่ยวเหมยด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นสาวสวยเช่นกัน
หานหยุนซีประหลาดใจจนอ้าปากค้าง เธอมองไปที่หมี่หลานผู้เซ็กซี่ร้อนแรงและมีเสน่ห์บนโซฟา ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจิ้งข่ายถึงต้องลงทุน
“โล่เฉิน นายไปหลอกพวกเธอมาเป็นสตรีมเมอร์ได้ยังไงกัน มาทำงานให้นายแบบนี้?”
“เสน่ห์เฉพาะตัว”
“พูดพล่าม”
โล่เฉินอธิบาย “สาวสวยท่านนี้คือหานหยุนซี พวกเธอสามารถปฏิบัติต่อเธอเหมือนธาตุอากาศได้ ไม่จำเป็นต้องสนใจ หานหยุนซี เธอรู้จักกับหมี่หลานสักหน่อย เธอเป็นคนที่เจิ้งข่ายส่งมาที่นี่ ”
“พี่หมี่ สวัสดีค่ะ”
หานหยุนซีมีความคิดรอบคอบ เธอตัดสินใจที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหมี่หลาน บางทีนี่อาจสามารถสร้างเครือข่ายกับเจิ้งข่ายขึ้นมาได้
ต่อมา ทุกคนก็แนะนำตัว
โล่เฉินมาที่ห้องสตรีมของเซี่ยซือหานและเอ่ยถาม “ทำไมเสี่ยวเยว่ไม่มาที่บริษัท?”
อู่จื่อเยว่, เซี่ยซือหาน และ ฮาตา คังมิงปู โล่เฉินจัดการให้พวกเธออยู่ด้วยกัน
“เสี่ยวเยว่กำลังฝึกฝน อยู่ในบริษัทไม่สะดวก ดังนั้นก็เลยต้องอยู่แต่ในบ้าน”
“ได้ เดี๋ยวฉันจะไปดู”
ที่พักถูกจัดโดยฟ่านหงชาง ตั้งอยู่ห่างจากอาคารสำนักงานเพียงสิบนาทีโดยรถยนต์ มันเป็นบ้านเดี่ยวในชุมชนระดับไฮเอนด์
และมีบอดี้การ์ดอีกหลายสิบคนคอยคุ้มกัน
ทุกอย่างล้วนถูกคิดมาอย่างรอบคอบ
……
ในขณะที่โล่เฉินไปหาอู๋จื่อเยว่
หลิงสุ่ย บ้านตระกูลถัง
“ปัง!”
ประตูถูกเปิดออกดังลั่น
ถังหมิงกวงที่กำลังฝึกฝนอยู่ลืมตาขึ้นและรีบวิ่งออกจากห้องไป เขาเอ่ยตะคอก “เป็นใคร กล้ามาสร้างปัญหาในบ้านตระกูลถังของฉัน”
ในลานบ้าน มีชายสวมชุดคลุมนักพรตยืนอยู่ไพล่หลังอยู่คนหนึ่ง
นัยน์ตาของถังหมิงกวงหดวูบ
แม้ว่าจะไม่เห็นใบหน้าของชายคนนั้นชัดเจน แต่แผ่นหลังนี้ กลับสร้างแรงกดดันให้เขาอย่างมหาศาลและตระหนักได้ถึงวิกฤตอันตรายถึงชีวิต
“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร มาหาผม มีเรื่องอันใด?” ”
“ก่อนหน้านี้หลิงสุ่ยมีตระกูลป๋ายกุมทั้งเมืองเอาไว้ ใช่ไหม?” ชายคนนั้นเปิดปากของเขา น้ำเสียงทุ้มลึกแต่คลุมเครือเล็กน้อย
ถังหมิงกวงประหลาดใจอีกครั้ง เขาพยักหน้า “ไม่ผิด”
“ในชั่วข้ามคืน ตระกูลป๋ายถูกทำลาย ว่ากันว่าทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในหลิงสุ่ยล้วนตายไปอย่างเลวร้าย นี่ไม่ใช่การกระทำของรัฐบาล แต่สมควรเป็นฝีมือของผู้ฝึกฝน”
“ไม่ทราบว่าท่านพูดเรื่องอะไรกันแน่?”
ในเวลานี้ ชายในชุดคลุมนักพรตก็หันกลับมา
อายุราวสี่สิบกว่าปี ดวงตาคู่นั้นล้ำลึกราวกับดวงดาว กลิ่นอายลึกลับจางๆไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
นักพรต?
ถังหมิงกวงเป็นถึงนักบู๊กำลังภายในขั้นสุดยอด นับว่าพอมีความรู้กว้างขวางเช่นกัน ดังนั้นจึงพอจับจุดได้
แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ที่ทำให้ถังหมิงกวงตื่นตะลึงก็คือ กำลังภายในขึ้นสุดยอดของเขากำลังสัมผัสได้ถึงอันตราย นักพรตตรงหน้าเขาคนนี้อยู่ในแดนไหนกัน
เทียน…เทียนเซียน?
“ศิษย์พี่นักพรต คุณกับตระกูลป๋ายมีความสัมพันธ์ต่อกัน ต้องล้างแค้นให้ตระกูลป๋ายหรือ?”
ถังหมิงกวงถามอย่างระมัดระวัง “คุณมาหาคนผิดแล้ว ผมกับตระกูลป๋ายมีความแค้นจ่อกันก็จริง แต่การที่ตระกูลป๋ายถูกล้มล้างนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราตระกูลถังแม้แต่นิดเดียว”
“ฉันขอเดาว่าคนที่ทำลายล้างตระกูลป๋ายสมควรเป็นนักพรต”
ชายในชุดคลุมนักพรตหรี่ตาลง
ทันใดนั้น อากาศก็คล้ายจะหยุดนิ่งลง
ถังหมิงกวงพบว่าหัวของตนคล้ายถูกทุบด้วยค้อนขนาดใหญ่ จนมันแทบจะระเบิดออก
เขาล้มลงกับพื้นด้วยความขนพองสยองเกล้า เมื่อมองขึ้นไป ชายในเสื้อคลุมก็มาหาเขาแล้ว
ท่าทางที่มองลงมาจากเบื้องบนดุจดั่งเทพเจ้าจากสวรรค์
“บอกฉันมา ว่านักพรตนั่นเป็นใครและอยู่ที่ไหน”