จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 144
ออกจากตึกซิงหยุนมา ในใจของโล่เฉินมีเรื่องหนักอึ้งมากมาย
สายฝนเพิ่งจะผ่านพ้นไป อากาศเย็นสดชื่น
เขาเดินไปตามถนน ในสมองคิดถึงเรื่องของเจียงเจิ้งชิงตลอดเวลา เจ้านั่นสุดท้ายแล้วเป็นคนทรยศหรือเปล่า
ไม่มีข้อสรุปใดเกิดขึ้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆ ข้างหูเขาก็มีเสียงดังขึ้น
“ชะตาฟ้าดินลิขิต นับแต่อดีตมาปัจจุบันล้วนเป็นผู้อยู่อันดับแรก”
โล่เฉินหันไปมองดู บนทางเท้าขอบถนนมีชายชราในชุดผ้าลินินเนื้อหยาบคนหนึ่งนั่งอยู่
ชายชราผู้นั้นรูปร่างผอมเพรียว ผมขาวไว้เครายาว ให้ความรู้สึกเป็นคนมีคุณธรรมและอดไม่ได้ที่จะทำให้คนเชื่อว่าเขาเป็นคนดี
ไม่ใช่ผู้ฝึกฝน?
โล่เฉินจับไม่ได้ถึงพลังจิตที่แข็งแกร่งของชายชรา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นแค่หมอดูลวงโลก
ขณะเตรียมจะเดินจากไป เขาก็ได้ยินเสียงของชายชราตะโกนขึ้น “พ่อหนุ่ม ฉันเห็นใบหน้าของนาย นี่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป!”
“โอ้?”
โล่เฉินรู้ว่านี่เป็นคำพูดสำเร็จรูปแบบหนึ่ง ในใจของเขาคิดว่าตอนนี้ตนเองก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร ฟังๆไปสักหน่อยก็ไม่เลว
เขาเดินเข้าไปและหมอบลงถามว่า “จากนั้น?”
“หากฉันคำนวณไม่ผิด คุณประสบหายนะครั้งใหญ่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มังกรที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าตกลงมาเป็นแมลงบนผืนดินใช่ไหม”
ในใจของโล่เฉินเกร็งขึ้นมา ในที่สุดก็มองไปที่ชายชราอย่างระมัดระวัง
แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติอะไร
“ฉันประสบภัยพิบัติจริงๆ แต่หากจะบอกว่าฉันเป็นแมลง นี่มันมากเกินไปหรือเปล่า?” โล่เฉินหัวเราะ
ชายชราลูบเคราของตนและพยักหน้าเอ่ย “เป็นแมลงอยู่พักหนึ่งเท่านั้น สักวันหนึ่งย่อมต้องกลายเป็นมังกร น่าเสียดายที่…”
“น่าเสียดายอะไร?”
“ขอมือให้ฉัน”
โล่เฉินลังเลอยู่สักหน่อย เขาคิดสักครู่ก่อนจะยื่นมือออกไป
ชายชรามองดูลายมือและเอ่ย “เส้นชีวิตไม่ตรง ชะตากรรมผกผันลำเข็ญ ภัยพิบัติของคุณยังไม่ได้สลายไป ภัยพิบัติในอนาคตมีแต่เพิ่มมากขึ้น จงเตรียมใจรับมันให้ดี”
“ภัยพิบัติอะไร?”
“ชะตาฟ้าไม่อาจแพร่งพราย”
โล่เฉินหัวเราะอย่างไร้เสียง
ชายชราพูดจาคลุมเครือ นี่คือเทคนิคการใช้ภาษาของหมอดู ทำให้คุณรู้สึกว่านี่มีเหตุผลอยู่บ้าง แต่เมื่อคาดคั้นขึ้นมากลับรู้สึกว่านี่ไร้ความหมาย บอกไม่ถูกว่าปัญหาอยู่ที่ใด
“ช่วยพูดอะไรที่เป็นประโยชน์หน่อยได้ไหม?”
“มีประโยชน์ ก็ดี”
ชายชราที่ท่าทางที่ไม่อาจคาดเดาได้ถูก เขาเอ่ยถาม “ชีวิตคนผู้หนึ่ง คุณรู้หรือไม่ว่ามีเส้นทางสำเร็จสู่มังกรกี่วิธี?”
“ลองพูดมาเถอะ”
“ห้าวิธี”
ชายชราชูนิ้วทั้งห้าและกล่าวว่า “หนึ่งชีวิต สองโชค สามฮวงจุ้ย สี่บุญสะสม และห้าชื่อจารึก”
โล่เฉินครุ่นคิดและถาม “นี่อธิบายได้ว่าอะไร?”
“เส้นทางทั้งห้าสายแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่คือ ชีวิต และ การเปลี่ยนโชคชะตา”
ตึง
คำพูดของชายชราทำให้คนประหลาดใจ
โล่เฉินเริ่มสนใจมากขึ้น เขาเอ่ย “ได้โปรดท่านเอ่ยต่อ”
“อย่างแรก ชีวิตน่ะ ถูกลิขิตตั้งแต่เกิดมา มีบางคนมีชื่อเสียงทั้งที่ไร้การกระทำใด และบางคนเกิดมาบนโลกพร้อมกุญแจทองคำ คุณว่านี่น่าโกรธหรือไม่?”
“จุดนี้ไม่ได้มีอะไรที่จะต้องพูดถึง ชะตาชีวิตลิขิตแล้ว หากไม่ยอมรับก็ต้องเปลี่ยนแปลงมัน หากคุณเลือกอย่างหลัง คุณต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงด้วยสี่วิธีต่อไปนี้”
ชายชราเอื้อมมือออกไปแล้วพูดว่า “อย่างที่สองคือ โชค โชคชะตาก็เช่นกัน เป็นที่รักของสวรรค์ ลูกรักของพระเจ้า แม้เหยียบอึก็ยังได้รับสมบัติ แม้กระทั่งทุกวันคืนเอาแต่นอนก็ยังสามารถได้รับพรจากฟากฟ้า คนประเภทนี้มิอาจเทียบเคียงได้ ทำอะไรก็สามารถประสบความสำเร็จ ง่ายต่อการเปลี่ยนชะตาชีวิต ”
“แล้วสามอย่างหลังล่ะ?”
“อย่างที่สามฮวงจุ้ยไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง พูดถึงอย่างที่สี่บุญสะสม” ชายชรามองที่โล่เฉินและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคือผู้ฝึกฝนสินะ”
ทันใดนั้น นัยน์ตาของโล่เฉินก็หดวูบลง พลังข่มขวัญแผ่ซ่านออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องร้อนใจไป”
ชายชราโบกมือ เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่มีความแค้นอะไรกับนาย ฉันเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น เคยได้พบเจอกับผู้ฝึกฝนมาบ้างดังนั้นจึงพอแยกแยะได้”
โล่เฉินค่อย ๆ เก็บลมหายใจ เขาเอ่ยถาม “การสะสมบุญนั้นหมายความว่าอย่างไร”
“มันคือการฝึกฝนนั่นเอง”
“อะไรนะ?”
ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึม เขากล่าวว่า “เส้นทางสายที่สี่ในการเปลี่ยนแปลงชะตาก็คือการฝึกฝน การเดินบนเส้นทางสายนี้คุณน่าจะรู้ดีกว่าฉัน ผ่านเส้นทางสายนี้ ได้ครอบครองพลังที่เหนือมนุษย์ นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรอกหรือ!”
โล่เฉินตกอยู่ในความเงียบ
ชายชรากล่าวขึ้นอีก “อย่างไรก็ตาม เส้นทางสายนี้อันตรายอย่างมาก หากประมาทไปแม้แต่น้อยชีวิตย่อมดับสิ้น”
“ฉันขอเตือนคุณ การที่เราเรียกการฝึกฝนว่าเป็นการสั่งสมบุญนั้น เป็นเพราะนี่เป็นกฎของกฎแห่งกรรม ใช้เส้นทางนี้ แต่มีหัวใจฆ่าฟันหนักหน่วง ภายหลังย่อมต้องถูกขังในกรรมอนาคต สุดท้ายย่อมตัวตายในที่สุด”
“จำเป็นต้องสั่งสมบุญ เส้นทางการฝึกฝนถึงสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดได้”
“ได้รับการสั่งสอนแล้ว” โล่เฉินประสานมือคำนับ เขาเอ่ย “วิธีที่ห้าคือชื่อจารึก หรือจะเป็นวิธีการทดสอบชื่อเสียงความสำเร็จ?”
“ไม่เลว ชื่อเสียง นับแต่โบราณมาชื่อเสียงเป็นวิธีที่พบได้บ่อยที่สุดในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต และเป็นวิธีที่ผู้คนเลือกใช้มากที่สุด” ชายชราพยักหน้า
“อย่างนั้นวิธีที่สามฮวงจุ้ย ตอนนี้คุณพอพูดได้หรือไม่?”
ใครจะรู้ว่า ชายชรากลับลุกขึ้นยืน เขาถือธงและเดินไปพูดไป “พูดไม่ได้ พูดไม่ได้ ฮวงจุ้ยเส้นทางนี้คุณไม่มีทางเข้าใจ หากวันหน้ามีโชคชะตา คุณย่อมได้สัมผัสกับมันเอง”
“พูดมาครึ่งหนึ่งแบบนี้ ท่านผู้เฒ่าได้โปรดอย่าปล่อยให้คนต้องสงสัยตาย รีบเอ่ยอธิบายเถอะ”
ในขณะที่โล่เฉินกำลังจะไล่ตามทัน….
ฟิ้ววฟิ้ว
ทันใดนั้น ลมก็กระโชกแรงขึ้น ตามด้วยเสียงสายลมคำรามและสายฝนตกลงมาในอากาศ
โล่เฉินเช็ดดวงตาของตน จากนั้นจึงพบว่าชายชราเดินไปถึงฝั่งตรงข้ามของถนนแล้ว
การจราจรไปๆมาๆ ทำให้เขาไม่สามารถข้ามไปได้
“หนทางยังอีกยาวไกล เดินไปให้ดีๆ หลายปีมาแล้ว คุณยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงนั้น ต้องพูดจริงๆว่าตัวคุณนั้นช่างโง่จริงๆ”
“ท่านผู้เฒ่า คุณพูดว่าอะไรนะ?” โล่เฉินร้องเอ่ยขึ้น
ชายชราหยุดฝีเท้า แต่ไม่ได้หันหลังกลับ
จากนั้น เขาก็เอ่ยพูดคำแปลกๆ
“แม่น้ำดำไหลย้อนกลับ สตรีใจหินหลั่งน้ำตา สุสานโบราณหลั่งเลือด สุนัขบนท้องฟ้ากินดวงจันทร์”
พูดจบ ชายชราก็ก้าวเดินอีกครั้ง
คำพูดประโยคนั้นพุ่งกระแทกเข้าสู่สมองของโล่เฉินอย่างลึกลับ เขาคิดอยากจะฝ่าการจราจรไป แต่กลับพบว่ารถราแน่นขนัดอย่างยิ่ง
เขาเอ่ยตะโกน “ท่านผู้เฒ่า ที่คุณพูดหมายความว่าอย่างไร? กรุณาช่วยอธิบายให้ชัดเจน”
“มีคนทอดทิ้งคุณ มีคนสนับสนุนคุณ พยายามเข้าเถอะ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการสร้างสรรค์ของคุณ”
“ท่านผู้เฒ่า ท่านผู้เฒ่า…”
โล่เฉินวิ่งไปตามถนน แต่กลับต้องประหลาดใจที่พบว่าตนไม่สามารถตามชายชราได้ทันและทำได้เพียงมองดูชายชราหายตัวไปจากสายตา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
โล่เฉินมองออกไปไกลและสูดหายใจเข้าอย่างหนัก
“แม่น้ำดำไหลย้อนกลับ สตรีใจหินหลั่งน้ำตา สุสานโบราณหลั่งเลือด สุนัขบนท้องฟ้ากินดวงจันทร์? หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น?”
“ชายชราคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาแน่!”
“ทำไมถึงปรากฏตัวขึ้น ทำไมถึงมาพูดกับฉัน ทำไมต้องบอกฉันเรื่องพวกนี้? จะต้องมีความลับบางอย่างอยู่แน่”
หน้าผากโล่เฉินมีเหงื่อล้นออกมา อารมณ์กังวลภายในใจปะทุขึ้น
เขามีความรู้สึกตึงเครียดที่อธิบายไม่ได้
“แปะ”
ทันใดนั้น ไหล่ของเขาก็ถูกตบ
โล่เฉินหันกลับไปด้วยความตกใจ
“พี่เขย ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
หานหยู่ถิงเอนคอและถามด้วยความสงสัย “พี่เขย คุณป่วยหรือเปล่า สีหน้าคุณดูไม่ได้เอาซะเลย”
“เปล่า”
โล่เฉินสงบลง เขาปาดเหงื่อที่เย็นเยียบแล้วถามว่า “ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอ ไม่ได้อยู่ที่บริษัทหรอกหรือ ทำไมมาอยู่นี่ได้?”
“น่าเบื่อจะตายแล้ว ฉันไม่อยากจะสตรีม ก็เลยเล่นกับจื่อเย่ว แต่ว่าเธอกลับดันเอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้องไม่ยอมสนใจฉัน ฉันโทรหาคุณ คุณก็ไม่รับ ก็เลยได้แต่ต้องมาเดินเล่นเอง
โล่เฉินมองไปที่โทรศัพท์มือถือ และเห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับอยู่จริงๆ
ก่อนหน้านี้ในสวนสาธารณะหลิงหู เขาปิดเสียงโทรศัพท์มือถือเอาไว้
“สายแล้ว กลับบ้านเถอะ”
“ใช่สิพี่เขย เมื่อกี้คุณพูดอะไรกับตัวเอง สุนัขกินดวงจันทร์?” หานหยู่ถิงถามอย่างแปลกใจ
“เธอไม่เข้าใจ”
หานหยู่ถิงกลอกตา เธอแค่นเสียง “พี่เขย ฉันไม่ใช่คนโง่สักหน่อย คิดว่าฉันไม่ได้ดูข่าวหรือไง?”
“ข่าว?”
“ใช่สิ” หานหยู่ถิงเอ่ยตอบ “บนอินเทอร์เน็ตมีข่าวแพร่กระจายไปแล้ว วันที่ 24 ธันวาคม ในวันคริสต์มาสอีฟ ตอนนั้นจะมีปรากฏการณ์สุนัขกินดวงจันทร์ขึ้น สถานีตรวจอากาศเปิดเผยทาง Weibo อย่างเป็นทางการแล้ว”