จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 152
ในเวลาเดียวกัน อาคารสูง อพาร์ตเมนต์ และโรงแรมรอบจัตุรัสศตวรรษล้วนถูกยึดครอง ในมือของแทบทุกคนมีกล้องโทรทรรศน์อยู่ อีกทั้งยังมี UAV อยู่กลางอากาศ
ทุกตระกูลต่างก็อยากเห็นว่าอดีตฮ่องเต้ในสังคมอิทธิพลมืดท้ายที่สุดแล้วจะดิ้นรนยังไง?
ไม่เจรจา ก็ตาย
หากมาเจรจา ก็จะต้องถูกคุมตัวไป
ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง ล้วนเป็นทางตัน เป็นฉากจบทั้งสิ้น!
ไห่ถังหัวฝู่ ตึกสูงชั้นหนึ่ง
“เฮ้อ น่าเสียดาย อาณาจักรใต้ดินขนาดใหญ่ต้องล่มสลายในชั่วข้ามคืน ไม่มีใครสามารถต่อกรกับรัฐบาลได้” หลิวเซียงหลันเต็มไปด้วยอารมณ์
“จะว่าไป อุตสาหกรรมพวกนั้นของหงเหลยถิง รวมกันแล้วมีมูลค่ากว่าหมื่นล้าน แต่กลับถูกยึดไปง่ายๆแบบนี้ รัฐบาลก็ช่างโหดร้ายจริงๆฉันสงสัยว่านี่คือการจงใจตัดรากถอนโคน!”
หานเจี้ยนเย่หรี่ตาลงและเอ่ย “ที่รัก อย่าพูดมั่วซั่ว”
หลิวเซียงหลันแค่นเสียงชิใส่ ก่อนจะไม่สนใจเขา “อยู่ที่บ้านจะพูดอะไรก็พูดได้ทั้งนั้น พวกเธอจะไปแจ้งความฉันหรือยังไงกัน พูดตามตรง ฉันคิดว่าหงเหลยถิงเป็นคนเก่งคนหนึ่ง”
“ไร้สาระ ไม่ใช่คนเก่งแล้วจะเป็นถึงฮ่องเต้สังคมอิทธิพลมืดได้ยังไงกัน” หานเจี้ยนเย่กล่าว
บนโซฟา หานหยู่ถิงมีความสุขอย่างยิ่งและกำลังหัวเราะคิกคัก “คราวนี้ตระกูลหยางโชคร้ายแล้วจริงๆ แม้กระทั่งห้องโถงบรรพบุรุษก็ไม่มี เรื่องนี้ต่อให้บรรพบุรุษลุกขึ้นมาก็ช่วยไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำให้คนน่ายินดีที่สุดคือของหยางเซียวไอ้เลวนั่นโดนจับไปแล้ว จุดจบต้องน่าสังเวชมากแน่ ไม่ตายก็พิการ ใช่ป่ะพี่เขย?”
โล่เฉินที่ช่วงนี้ชอบปลูกดอกไม้ และบนระเบียงตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันมากมาย
หลิวเซียงหลันเอ่ย “ปลูกดอกไม้มากมายขนาดนี้ไปทำไมกัน ระเบียงจะวางไม่ได้แล้ว ห้ามไม่ให้นายซื้อมาอีกนะ เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วครับแม่”
โล่เฉินวางกระป๋องรดน้ำลงและพูดอย่างเรียบๆ “ทั้งสี่ตระกูลล้วนหยั่งรากลึก การตอบกลับครั้งสุดท้ายของหงเหลยถิง ถ้าหากสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ตระกูลหยางได้จริง นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว นี่จะทำลายรูปแบบของเมืองเจียงลง อย่างไรก็ตาม จากที่มองในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องห้องโถงบรรพบุรุษหรือเรื่องหยางเซียว ล้วนไม่สามารถสั่นคลอนรากฐานของตระกูลหยางได้”
“คุณคิดว่าหงเหลยถิงจะกลับไปเจรจาหรือไม่?” หานหยู่เยนถาม
สิ่งนี่เป็นปัญหาจริงๆ
หากโล่วิดีโอฉินเป็นหงเหลยถิง เขาเองก็ลังเลเช่นกัน ไม่ว่าจะหน้าหรือหลังล้วนตาย วิธีเดียวที่เหลือคือต้องตายอย่างองอาจ ลากตระกูลหยางให้พังพินาศไปด้วยกัน
หงเหลยถิงจะทำอย่างไรกันแน่?
ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ไม่เพียงพอที่จะโค่นล้มตระกูลหยาง การต่อสู้เล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่เรื่องมีความหมายอะไร
“รอดูเถอะ ใกล้สิบโมงแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง” โล่เฉินผ่อนคลายอย่างมากและเริ่มเก็บผัก
ทั่วทั้งเมืองเจียงกำลังเปลี่ยนเป็นตึงเครียด
รัฐบาลกังวลว่าหงเหลยถิงจะคลั่งขึ้นมา กองกำลังตำรวจก็ระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง
ชานเมือง ฐานลับแห่งหนึ่ง
มีคนอยู่สี่สิบห้าสิบคนที่นี่ ไม่ต้องมองเรื่องอื่น เพียงแค่กลิ่นอายของพวกเขา แต่ละคนล้วนดุดันอย่างยิ่ง มือต้องเปื้อนเลือดมาแล้วไม่รู้ถึงสามารถมีกลิ่นอายที่ดุเดือดขนาดนี้ได้
“นายท่าน พวกเราไม่กลัวตาย อย่างมากก็แค่ตายไปด้วยกัน” ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่คำราม
“ตายไปด้วยกัน!”
“ตายไปด้วยกัน!”
เสียงโห่ร้องดังขึ้นไม่หยุด รังสีความอาฆาตพุ่งทะยานขึ้น
เฮยหนิวกำหมัดของเขาและเอ่ย “นายท่าน คุณใจดีเกินไป ถ้าคุณโหดเหี้ยมขึ้นหน่อย เมื่อวานผมสามารถทำลายตระกูลหยางลงได้ทันที”
หงเหลยถิงหัวเราะเยาะ “อย่างนั้นมันน่าเบื่อไป เมื่อเทียบกับความตายแล้ว การมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายนั้นถึงนับเป็นความเจ็บปวดที่แท้จริง ยกตัวอย่างเช่น…เจ้าเด็กนี่”
สายตาทุกคนเคลื่อนที่ไป บนพื้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนจมกองเลือดอยู่
ไม่ใช่หยางเซียวแล้วจะเป็นใครได้อีก
ในขณะนี้ หยางเซียวกำลังหายใจรวยริน เนื้อตัวเปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยบาดแผล สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเป้ากางเกงที่เปื้อนเลือด สัญลักษณ์ของชายหนุ่มสูญหายไป
“หง…หงเหลยถิง….แกจะต้องตายไม่ดี……..ไม่ตายดี……”
หยางเซียวน้ำตาอาบหน้า เสียงกรีดร้องออกมาอย่างแหบแห้ง
ถ้าไม่มีของรักของหวงนั่น ยังถือเป็นผู้ชายได้อีกหรือ!
ในฐานะคุณชายตระกูลเศรษฐีคนหนึ่ง ใช้ชีวิตเสพสุขกับสาวงามและความรวย ถ้าไม่มีเงิน แล้วจะสนุกได้ยังไง นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก!
“ใครใช้ให้แกปากมาก” เฮยหนิวไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย เขาเตะเข้าที่เป้าของหยางเซียว ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำเอาหยางเซียวแทบเป็นลมไป
เขาไม่ได้กรีดร้อง นั่นเพราะเขาไร้เรี่ยวแรงไปนานแล้ว
“ปฏิบัติการพายุเป็นแกที่เสนอขึ้นมาสินะ พ่อของแกหยางเจิ้นหรงพบกับอีกสามตระกูล จากนั้นก็นายกเทศมนตรี ต้นตอมาจากแก ล้วนเป็นแกที่ก่อเรื่องขึ้น”
เฮยหนิวยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ เขาพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “วางใจเถอะ ไม่ให้แกถึงกับตายหรอก ฉันมีอีกเป็นร้อยวิธีที่จะทรมานแก อีกทั้งยังมีขั้นตอนของการทรมานที่ได้รับการบันทึกไว้แล้ว หากเวลานั้นได้เผยแพร่ออกไป ดูสิว่าแกจะมีหน้าไปเจอผู้คนยังไง”
“พรูด”
ความโกรธพุ่งโจมตีเข้าในใจ ดวงตาของหยางเซียวกำลังจะกระโดดออก เขาพูดขึ้นเป็นห้วงๆ “พวกแกมันทะเยอทะยานเกินไป คิดจะควบคุมเมืองเจียงเอาไว้ เป็นพวกแกที่รนหาเรื่อง”
“แม่มึงสิ พูดไร้สาระ ใครมัยอยากจะไปคุมเมืองเจียงวะ” เฮยหนิวพูดจบ ในใจก็สั่นสะท้านขึ้นมาและหันไปมองหงเหลยถิง
“นายท่าน คุณคงไม่…”
“ไม่มี”
หงเหลยถิงส่ายหัวและพูดอย่างเคร่งขรึม: “ฉันไม่เคยมีความคิดนี้ ผลของการควบคุมทั้งเมืองเป็นยังไง ตระกูลไป๋แห่งหลิงสุ่ยเป็นตัวอย่างมาแล้ว ฉันเป็นคนโง่หรือไงกัน เมื่อวานฉันบอกนายแล้วเรื่องแผนของฉัน หลังจากเตรียมตัวสักหนึ่งหรือสองปี จากนั้นเราจะเข้าไปในจีนหลิง ”
“อะไร…อะไรนะ?” หยางเซียวอึ้งไป
ไม่มีความทะเยอทะยานอะไร?
นี่ไม่ถูกต้อง
จะต้องเป็นเรื่องโกหกแน่
เขาร้องขึ้น “ถ้าไม่มีความทะเยอทะยานนี้ แล้วทำไมต้องมุ่งเป้ามาที่ตระกูลหยางของฉัน?”
หงเหลยถิงขมวดคิ้ว เขาแค่นเสียง “ฉันไปตั้งเป้าใส่ตระกูลหยางของแกตอนไหนกัน ตาคู่ไหนของแกมันไปเห็นมา!”
“วันนั้นที่ตึกเผิงไหล ฉันต้องการซื้อบริษัทของโล่เฉินไอ้เขยขยะตระกูลหานนั่น แต่เฮยหนิวกลับเอาแต่งัดข้อกับฉัน แบบนี้ไม่ใช่ว่าตั้งแง่ใส่หรือไง!”
“เวรเอ๊ย วันนั้นเป็นแค่ความคิดของฉันคนเองคนเดียว เกี่ยวบ้าอะไรกับตระกูลหยางของแกวะ” เฮยหนิวโกรธจัดจนตบหยางเซียวเข้าหนึ่งที
เขาย่อตัวลง กระชากผมของหยางเซียวและถามว่า “อย่าบอกนะว่า ปฏิบัติการพายุทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะฉันงัดข้อกับแกในตึกเผิงไหล?”
“ใช่…..ใช่”
ใบหน้าของเฮยหนิวแข็งค้าง
อากาศเงียบลงทันที
หยางเซียวกล่าวอย่างอ่อนแรง “นายมีมิตรภาพกับพ่อของฉันหยางเจิ้นหรง พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีไม่เลว โดยหลักการแล้ว นายไม่มีทางเห็นแก่บริษัทพังๆแห่งหนึ่งมาตั้งแง่ใส่ฉัน ฉันเดาว่าคงเป็นหงเหลยถิงที่ต้องการครอบครอง ดังนั้นนายถึงเปลี่ยนใจ หลังจากนั้นฉันก็เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พ่อฟัง จากนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นมาพวกนายก็รู้แล้ว”
เฮยหนิวนั่งอยู่บนพื้น อ้าปากค้างและไม่สามารถพูดได้เป็นเวลานาน
ผ่านมาตั้งนาน ที่แท้แล้วก็คือๆเรื่อง
เรื่องเข้าใจผิด!
“นายท่าน…”
เฮยหนิวหันไปมอง มีเงาดำวาบผ่านไปและกระโจนใส่หยางเซียว
หมัดของหงเหลยถิงกระหน่ำลงมาราวกับเม็ดฝนบนใบหน้าของหยางเซียว เขาตะโกนด่าไปต่อยไป “ไอ้เวรเอ๊ย ไอ้โง่ ไอ้ลูกหมา”
“มึงเดาห่าอะไรของมึงวะ”
“เรื่องง่ายๆแค่นี้ แกกลับคิดไปตั้งไกล ความเข้าใจในภาษาแตกฉานดีเกินไปใช่ไหม ถึงได้ทำเรื่องบ้าบอขึ้นมาได้ ทำลายความสำเร็จที่แลกมาด้วยความลำบากกว่า 20 ปีของฉันลงหมด!”
ปึกปึกปึก
หยางเซียวไม่มีแรงแม้แต่จะขอความเมตตา เขานอนเป็นอัมพาตอยู่บนพื้น จมูกหักและเลือดพุ่งกระฉูด
“นายท่าน คุณใจเย็นๆ ถ้ายังต่อยอีกไอ้โง่นี่ได้ตายจริงๆแน่”
เฮยหนิวดึงหงเหลยถิงออกไป
เขาเองก็โกรธจนแทบตายเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าความจริงจะเป็นแบบนี้
“ไอ้เชี่ยเอ๊ย”
หงเหลยถิงโกรธจัดจนแทบระเบิดแล้วจริงๆ เขาส่งสัญญาณให้มาห้ามเลือดให้หยางเซียว ป้องกันไม่ให้เขาตาย
เมาหยาเอ่ยถาม “นายท่าน ในเมื่อนี่เป็นความเข้าใจผิด คุณต้องการชี้แจงกับตระกูลหยางและตระกูลใหญ่ รวมถึงรัฐบาลให้ชัดเจนไหม?”
“ยังมีประโยชน์อะไรอีก!”
หงเหลยถิงถ่มน้ำลายและพูดอย่างเย็นชา “กำจัดฉัน รัฐบาลแทบจะทนรอเรื่องนี้ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้มีโอกาสที่ดีขนาดนี้ จะปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีทางถอยแล้ว”
“นายท่าน อย่างนั้นการเจรจาตอนเที่ยง…”
ฝูงชนมองดูหงเหลยถิงอย่างแน่นิ่ง บรรยากาศดุเดือด สีหน้าแน่วแน่ ราวกับว่าหากหงเหลยถิงให้พวกเขาไปตาย พวกเขาก็จะไม่ลังเลใจ