จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 158
ทั่วทั้งภูเขาด้านหลังเงียบสนิทลงทันใด
ทุกคนต่างตะลึงนิ่งไป
ตาฝาดไปแล้วหรือ?
เมื่อกี้มองเห็นอะไรไปกัน
โม่หานราวกับลูกไก่ที่ถูกลากลงมาจากอากาศและถูกเตะอย่างดุเดือด จนตอนนี้กำลังร้องไห้โหยหวน
นี่ทำเอาคนแทบไม่อยากจะเชื่อ
ก่อนหน้านี้เพียงวินาทีเขายังคงเป็นประธานชมรมเทควันโดผู้ยิ่งใหญ่ วินาทีถัดมากลับเหมือนสุนัขที่หนีหัวซุกหัวซุน
ช่างแตกต่างกันมากเกินไปแล้ว
“ไม่มีทาง”
อู๋ฉินอุทานด้วยความตะลึง ดวงตาเบิ่งกว้าง ท่าทางไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง
โม่หานเป็นแชมป์การแข่งขันเทควันโดเยาวชน แม้แต่นิ่งจื่อซวนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ตอนนี้กลับแพ้ราบคาบในคราเดียว
“ว้าว ที่แท้พี่เขยของฉันเก่งมากขนาดนี้เชียว”
เมื่อมองไปที่เงาหลังอันสูงตรงในสนามต่อสู้ ดวงตาของหานหยู่ถิงก็เป็นประกาย
“เก่งอะไรกัน เมื่อกี้คุณชายโม่สู้กับคุณชายนิ่งมาตั้งนานขนาดนั้น ใช้กำลังกายไปมาก เลยทำให้เจ้านั่นล้มเขาสำเร็จ”
อู๋ฉินเถียง
หานหยู่ถิงไม่สนใจ และยังคงมองโล่เฉินด้วยตาเป็นประกาย
คนที่ตกใจที่สุดคือนิ่งจื่อซวน เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของโม่หานอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ และอยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดขีด ชัยชนะก็มีเพียงห้าสิบห้าสิบเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เพียงแค่กระบวนท่าเดียว
ไม่
ถ้าให้พูดตรงๆ คือแค่ครึ่งกระบวนท่า
การโจมตีรกระแทกนั้นยังไม่ทันได้แสดงออกมาก็ถูกดึงลงมากระแทกพื้นก่อนแล้ว
ทุกฝีเท้าของโล่เฉินล้วนมีทักษะอย่างยิ่ง เขาไม่ได้ทำร้ายโม่หานอย่างจริงจัง แต่กลับกดไปที่จุดจุดจงเสวซึ่งสร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่ง
ท้องฟ้าของภูเขาด้านหลัง สะท้อนไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของโม่หาน
“นายไม่ได้อยากขึ้นสวรรค์หรือไง ฉันจะช่วยนายเอง”
โล่เฉินคว้าเท้าของโม่หานเอาไว้และเหวี่ยงโม่หานซึ่งมีน้ำหนักกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัมขึ้นไปที่ระดับความสูง 30-40 เมตรท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของฝูงชน
เงียบกริบ
เงียบราวกับความตาย
“อ๊าก!”
เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวของโม่หานทำให้ทุกคนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง สมาชิกชมรมเทควันโดวิ่งอย่างดุเดือดและร้องตะโกน “เร็วเข้า รีบรับตัวประธานเอาไว้”
ปึง
กลุ่มคนถูกกระแทกอย่างมั่วซั่ว จนกระทั่งมีหลายคนที่สลบไปทันที
เมื่อกี้นี้ยังมีคนที่คิดว่าเป็นเพราะโม่หานเสียกำลังไปถึงได้แพ้ แต่ตอนนี้ ไม่มีใครกล้าพูดนินทาอีก
โยนชายร่างใหญ่คนหนึ่งถูกโยนขึ้นไปสูงกว่า 30 เมตร….
สัตว์ประหลาด!
“เขา เขา…”
ริมฝีปากของอู๋ฉินสั่นเทาและพูดไม่ออก
หานหยู่ถิงกลอกตาอย่างสะใจ เธอแค่นเสียง “เป็นไง ยังมีอะไรจะพูดอีกไหม พลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เธอรู้หรือเปล่าว่าน่ากลัวขนาดไหน พี่เขยของฉันยอมยั้งมือให้แล้ว ไม่อย่างนั้นแค่หมัดเดียวโม่หานก็ตายแน่”
อู๋ฉินไม่สามารถปฏิเสธได้และรู้สึกตกใจ
บนสนามต่อสู้ ก็เงียบไปเช่นกัน
โม่หานยังไม่ได้สติกลับมา ร่างกายของเขาสั่นไปทั่วทั้งตัว นิ่งจื่อซวนกลืนน้ำลายลงเอื๊อกหนึ่ง ก่อนจะเดินออกมาจากความตกใจ
ในฐานะผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันแก่กล้าที่ระเบิดออกมาของโล่เฉิน
ดังคำกล่าวที่ว่า หนึ่งพลังทำลายล้างกฎทั้งมวล
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
เมื่อต้องเผชิญกับพลังอันเด็ดขาดแบบนี้ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเป็นเรื่องตลก
“ไม่น่าแปลกใจที่เขาพูดว่าเทควันโดของโม่หานเป็นแค่หมัดบุปผาขาผ้าปัก”
นิ่งจื่อซวนยิ้มอย่างขมขื่น เขาประสานกำปั้นแล้วพูดว่า “พี่ชายท่านนี้ ผมชื่อ…”
“ไอ้เวรเอ๊ย แกกล้าลอบโจมตีฉัน”
ทางนี้เพิ่งจะเอ่ยปากขึ้น โม่หานก็ถูกคนช่วยพยุงขึ้นมา สีหน้าของเขาดุร้ายและโกรธแค้นสุดขีด
เขาเป็นถึงประธานของชมรมเทควันโด เป็นคนมีหน้ามีตาในมหาวิทยาลัยฉู่โจว
อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมืออันดับแรกของมหาวิทยาลัยฉู่โจว
จู่ๆ เขาก็ถูกใครที่ไหนไม่รู้ทุบตีจนมีสภาพน่าอับอาย ที่สำคัญคือก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะคุยโวไป ว่าต้องการหักขาของโล่เฉิน
โม่หานแทบจะอยากมุดลงพื้นไปให้รู้แล้วรู้รอด เขายืดอกขึ้นมาและตะโกนอย่างขุ่นแค้น “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเสียกำลังไปมากแล้ว แกคิดหรือว่าแกจะแตะต้องฉันได้?”
“งั้นหรือ?”
โล่เฉินยกกำปั้นขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มเรียบๆ “นายเชื่อหรือเปล่า ถ้าฉันต่อยหมัดนี้ไป นายอาจตายได้”
ตึง
หัวใจของโม่หานหดตัวลงอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาเย็บเฉียบ
เขานึกถึงพลังราวกับสัตว์ประหลาดของโล่เฉิน และไม่กล้าโต้กลับ
นิ่งจื่อซวนสองมือไพล่หลัง และมองโม่หานอย่างสนุกสนาน ดวงตาของเขาดูเหมือนจะพูดว่า นายยังมัวเสแสร้งอยู่อีก แน่จริงก็ลงมือสิ บินขึ้นไปบนอากาศอีกเลย!
“สมควรตาย”
โม่หานหอบกายใจหนักหน่วงราวกับวัว ความโกรธทำให้เขาเสียสติ
เขาไม่สนใจหน้าตาอีกต่อไป
โม่หานตะโกนขึ้น “ทุกคนจงเข้าไปจัดการให้ฉัน เอาให้ไอ้หนุ่มนี้มันพิการ ถ้าเกิดเรื่องขึ้น ฉันรับผิดชอบเอง”
“ประธานชมรม ผมรอคำนี้มานานแล้ว!”
“ศักดิ์ศรีของชมรมเทควันโดเรา เหยียดหยามกันไม่ได้!”
“พี่น้อง ลุย!”
ตึงตึงตึง
คนสองร้อยกว่าคนกรูกันเข้ามา ภาพนี้น่าสะเทือนขวัญขนาดไหน!
ผู้ชมอุทานออกมา
ใบหน้าของหานหยู่ถิงซีดลง ขณะที่เธอคิดจะตะโกนออกไป เธอกลับเห็นโล่เฉินจากระยะไกล
แม้จะห่างกันหลายร้อยเมตร แต่ดวงตาของเธอกลับชัดเจนมาก ไม่รู้ว่าทำไม อารมณ์ตื่นตระหนกของหานหยู่ถิงค่อยๆ ลดลง และสุดท้ายก็เหลือเพียงความไว้วางใจและความแน่วแน่เท่านั้น
“โม่หาน ไอ้คนไร้ยางอาย”
นิ่งจื่อซวนอดไม่ได้ที่จะด่าออกมา เขามองไปที่โล่เฉินและพูดโดยไม่คิด “ชมรมมวยงู…”
“ไม่จำเป็น”
“อะไรนะ?”
นิ่งจื่อซวนหายใจสะดุด เขาหันกลับมาพบว่าโล่เฉินกำลังเดินเข้าหาผู้คนมากกว่าสองร้อยคนนั้น
นี่เขาคิดจะ…
สถานการณ์ค่อนข้างวุ่นวาย มีตำรวจโรงเรียนหลายสิบนายกำลังรีบเข้ามา
“เดี๋ยวก่อน” นิ่งจื่อซวนรีบหยุดเอาไว้
“คุณชายนิ่ง ถ้ามีการตายเกิดขึ้นไม่ว่าใครก็แบกรับเรื่องนี้ไม่ไหว มีนักเรียนจำนวนมากดูอยู่ ข่าวนี้ไม่มีทางปิดเอาไว้ได้แน่” หัวหน้าตำรวจโรงเรียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
นิ่งจื่อซวนแอบกัดฟัน ก่อนจะตัดสินใจ “ทุกอย่างฉันจะรับผิดชอบเอง นอกจากนี้… ฉันรู้สึกว่าเขาอาจสร้างปาฏิหาริย์”
“ปาฏิหาริย์?” หัวหน้าตำรวจโรงเรียนรู้สึกว่านิ่งจื่อซวนถูกทุบตีจนเบลอไปแล้ว และพูดอย่างเหยียดหยามว่า “คิดว่าถ่ายละครอยู่หรือไง หนึ่งต่อร้อย? ไม่ นี่มันหนึ่งต่อสองร้อยต่างหาก ถ้าเขารอดมาได้ ฉันจะกินอึให้ดู”
นิ่งจื่อซวนเหลือบมอง แต่ไม่ได้พูดอะไร
ในขณะเดียวกัน
โล่เฉินกำลังปะทะกับกองกำลังแนวหน้าที่พุ่งเข้ามา ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงในชั่วพริบตา
“ปึก!” “ปึก” “ปึก”
ร่างแต่ละคนบินขึ้นไปบนฟ้าราวกับได้สูญเสียแรงโน้มถ่วงไปแล้ว ก่อนจะกระแทกลงอย่างหนักกับพื้น
แน่นอนว่า พวกเขาแค่บินไปหนึ่งหรือสองเมตรเท่านั้น ถ้าหากบินขึ้นไปสูงเหมือนของโม่หาน แบบนั้นทั้งหมดคงจะต้องไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว
มือข้างหนึ่งของโล่เฉินไพล่หลังของตน เขาเดินไปรอบ ๆ อย่างสบาย ๆ สีหน้าไม่ขยับ
มืออีกข้างโบกสะบัด ทุกครั้งที่โบกมือ ก็จะมีผู้ชายคนหนึ่งล้มลงไปกับพื้น
ทุกครั้งที่ขยับเท้า ก็จะมีคนต้องโบยบินขึ้นไป
เขารวดเร็วอย่างมาก ไร้คู่ต่อสู้และไม่มีใครสามารถหยุดเอาไว้ได้
ราวกับปีศาจตัวหนึ่ง
ในไม่ช้ากลุ่มคนกว่าสองร้อยคนก็กระจัดกระจายออกไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นความโกลาหล จากนั้นก็เห็นโล่เฉินสั่งสอนบทเรียนให้ลูกแล้วลูกเล่า
ภาพช่างงดงาม!
สิบห้านาทีต่อมา
ในตอนท้ายของการต่อสู้ โล่เฉินมีสีหน้าไม่เหนื่อยใดๆ และยืนเอามือไพล่หลัง
ผู้ชายทั้งหมดล้มลงกับพื้น มีทั้งที่หมดสติและคร่ำครวญ ส่วนสมาชิกผู้หญิงทุกคนปลอดภัยดี เพียงแต่ทั้งหมดนั่งตัวชาอยู่บนพื้นและมีสีหน้าตกใจ
สิบห้านาทีนี้ ผู้ชมทั้งหมดต่างก็ไม่กล้าหายใจ
เมื่อกี้นี้ คล้ายว่าตนจะได้ดูหนังมหากาพย์เรื่องหนึ่งไป
ไม่กล้าแม้แต่จะขยี้ตา เพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไป
โล่เฉินรู้สึกน่าเบื่อ พวกเขาทั้งหมดเป็นแค่คนธรรมดา หากไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องการทำให้น่าตกใจเกินไป แค่เขาแสดงพลังทิพย์ออกมา สองสามนาทีก็จัดการเรื่องทั้งหมดได้แล้ว
“ฮัลโหล ในชมรมของนายยังมีคนอีกหรือเปล่า เรียกพวกเขามาให้หมด แก้ปัญหาทีเดียวไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้ฉันต้องกลับมาหานายทีหลัง”
โล่เฉินตะโกน สายตาจับจ้องไปที่โม่หาน
ในชั่วพริบตานั้น ความหนาวเย็นก็เพิ่มขึ้น
ฟันของโม่หานสั่นกึกไปหมด นี่เกินขีดความเข้าใจของเขาและเกินกว่าขอบเขตเหตุผลที่เขามี
คนสองร้อยคนกำลังแสดงละครแล้วแกล้งยอมแพ้หรือไง!
“คำพูดของฉันนายได้ยินหรือเปล่า”
“แกมาทำอวดดีอะไร!”
โม่หานพยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นจึงแสร้งทำเป็นพูดอย่างกล้าหาญว่า “ต่อให้นายแข็งแกร่งมากกว่านี้แล้วไง ฉันอยากจะเห็นนัก ว่านายมีพลังอะไรไปต่อกรกับตระกูลซูและตระกูลโม่ของฉัน”
“ถ้านายไม่เตือนฉันก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย กลับไปบอกซูโม่อะไรนั่นซะ อย่าคิดมาเล็งหยู่ถิงอีก เขาไม่คู่ควร”
พูดจบ กลิ่นอายของโล่เฉินก็ปั่นป่วนขึ้นมา ความหนาวเย็นเข้าปกคลุมไปทั่วทันที
อุณหภูมิของพื้นที่ลดลงทันใด
“ถ้ายังตามมาตอแยไม่เลิก ฉันไม่รังเกียจที่จะทำให้ตระกูลซูหายไปจากฉู่โจว”