จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 164
เสียงของโม่หานดังลั่น น้ำเสียงแหลมคม ทะลุผ่านเสียงเพลงและเข้าถึงหูของคนส่วนใหญ่
ในตอนนี้ สายตาของทั้งชายและหญิงต่างเลื่อนไปที่มุมหนึ่ง
โล่เฉินลืมตาขึ้น ในใจรู้สึกหงุดหงิด
เขาไม่ต้องการเป็นที่สังเกต ดังนั้นถึงได้เลือกมาหลบตัวอยู่ที่มุมห้อง แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นจุดสนใจไปแล้ว หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผย แบบนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว
“โม่หาน นายอาศัยอะไรมาอวดเบ่งตรงนี้!”
นิ่งจื่อโหรวยืนขึ้นและตะโกนอย่างโกรธเคือง “พี่จิ่งเทียนเป็นเพื่อนของตระกูลนิ่งเรา ทำไมจะมาไม่ได้ โรงแรมนี้เป็นของตระกูลนายหรือไง!”
“โรงแรมนี้ไม่ใช่ของตระกูลฉัน แต่คนที่มาที่นี่ล้วนมีสถานะตำแหน่งทั้งนั้น ไม่ใช่หมาแมวที่ไหนก็เข้ามาได้”
“นายต่างหากที่เป็นหมาแมว!” หานหยู่ถิงตอกกลับอย่างอดไม่ได้
นับตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าโล่เฉินแข็งแกร่งมาก เธอก็มีความมั่นใจเต็มที่ ตอนนี้พอเผชิญหน้ากับโม่หานจึงไม่มีความกลัว
“กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้!” ดวงตาของโม่หานถลึงกว้าง
หานหยู่ถิงหดคอของเธอ ยังคงกลัวอยู่เล็กน้อย
สีหน้าของโล่เฉินเข้มขึ้นและพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเราเป็นหมาแมวหรือเปล่าไม่รู้แน่ชัด แต่ว่านาย เมื่อวานถูกฉันทุบตีจนต้องร้องไห้หาแม่ แถมเกือบจะฉี่ราดกางเกง….ทำไม มาตอนนี้ต่อหน้าทุกคน อยากโดนฉันทุบตีอีกสักที ให้ทุกคนได้เห็นว่านายเก่งขนาดไหน?”
“หุบปาก!”
โม่หานตะโกนลั่น แก้มของเขาร้อนผ่าว
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ได้แพร่กระจายไปในแวดวงสังคมในฉู่โจว เขากลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ไปแล้ว
ตอนนี้พอถูกพูดถึงขึ้นมา โม่หานก็สังเกตเห็นดวงตาแปลกๆของบางคนที่ยากเกินกว่าที่เขาจะยอมรับได้
แต่ไหนแต่ไรมา ตระกูลโม่ใกล้ชิดสนิทกับตระกูลซูมาตลอด เขามีซูโม่เป็นพี่ชาย ดังนั้นทั่วทั้งฉู่โจวจึงไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา
แต่ตอนนี้ เขากลับถูกเหยียดหยามทำให้อับอาย
“สมควรตาย!” โม่หานตะโกน “รปภ. พาตัวเขาออกไปจากที่นี่”
รปภ.สองคนรีบรุดเข้าไป
นิ่งจื่อโหรวตะโกนขึ้น “ฉันอยากเห็นนักว่าใครกล้า!”
“ไอ้ขยะ ผู้ชายตัวโตมาหลบหลังผู้หญิงถือเป็นตัวอะไรกัน แกแก่งนักไม่ใช่หรือไง มามามา มาแข่งขันกับรปภ.ไม่กี่คนสักหน่อย ให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตา”
“วิธียั่วยุ”
โล่เฉินเยาะเย้ย “คิดจะยั่วยุฉัน ให้ฉันทำร้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย นายจะได้สามารถให้ตำรวจมาจับฉันเพราะฉันทำร้ายคนโดยเจตนาใช่ไหม?”
ถูกมองออกอย่างปรุโปร่งแบบนี้ ในใจของโม่หานก็เกร็งแน่นขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
“ว่ากันว่าถ้านายมีสมองเรียบง่ายและมีแขนขาที่พัฒนาแล้ว แบบนั้นก็เท่ากับเป็นเพียงแค่สุนัขป่าเห่าหอนตัวหนึ่ง เดิมทีฉันคิดว่ายังไงก็เป็นถึงคุณชายตระกูลชั้นหนึ่งคนหนึ่ง คงเป็นไปไม่ได้ถึงขึ้นนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า…”
โล่เฉินแสร้งทำเป็นส่ายหัวผิดหวังและถอนหายใจเอ่ย “สมองเรียบง่ายจริงๆด้วย กลอุบายเด็กๆแบบนี้ยังคิดว่าตัวเองเจ๋ง น่าอายเสียจริง”
ใบหน้าของโม่หานเป็นสีเขียวสลับแดง เปลี่ยนไปมาอย่างไม่หยุด แต่กลับโต้กลับไม่ออก
หากพูดถึงฝีปาก เขาไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของโล่เฉิน
มารร้ายอายุห้าพันปีเชียวนะ
เรื่องพวกนี้ ตรรกะทุกประเภท หนังสือสี่เล่มและห้าคลาสสิกล้วนผ่านมือไปหมดแล้ว ใครจะสู้ได้!
คนที่อยู่รอบๆล้วนเป็นพวกคุณชายคุณหนูตระกูลใหญ่ เมื่อเห็นว่าโล่เฉินกล้าดีขนาดนี้ แถมยังเหยียดหยามโม่หาน มีบางคนที่ตกตะลึงไป บ้างก็ไม่สนใจ ส่วนมากล้วนเป็นพวกรอดูเรื่องสนุก
“พวกนายมั่วยืนนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่ลงมืออีก”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าพุ่งเข้าไป
โล่เฉินเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่าโม่หานจะไร้ยางอายขนาดนี้ ถูกมองกลอุบายออกก็ยังลงมือทำต่อ
“โม่หาน รนหาที่ตายหรือไง!” นิ่งจื่อซวนแหวกฝูงชนออกและรีบพุ่งไปที่ด้านหน้า
เขาเพิ่งไปห้องน้ำก่อนพบว่าโม่หานมีปัญหากับโล่เฉินซึ่งทำให้เขาตกใจจนแทบตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ถ้าโล่เฉินหุนหันขึ้นมา แค่ฝ่ามือเดียวก็ตบโม่หานให้ตายได้แล้ว
อย่างนั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่
“พี่จิ่งเทียนเป็นเพื่อนของฉัน ฉันอยากรู้นักว่าใครจะกล้าขับไล่เขาออกไป”
นิ่งจื่อซวนจ้องเขม็งและไม่ยอมแพ้
“คืนนี้ ผู้มีชื่อเสียงในฉู่โจวล้วนอยู่ที่นี่แล้ว นายเป็นตัวแทนของตระกูลโม่ อย่าได้ทำตัวกัดคนไปทั่วเหมือนสุนัขป่า ตัวเองอับอายไม่เท่าไหร่ อย่าได้ทำให้ตระกูลโม่ของนายต้องเสียหน้าไปด้วยเลย”
“แก!”
โม่หานโกรธจัด
ลูกเศรษฐีหลายคนเดินออกมาและดึงชายเสื้อของโม่หาน
“พี่หาน ใจเย็นๆ คนกำลังมองอยู่เยอะ”
“จัดการเขา มีวิธีลับๆอยู่ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับเขา อย่าลืมว่าสถานะของคุณสูงส่ง”
“ใช่ พี่หาน แค่คุณกระดิกมือก็ฆ่าเขาได้แล้ว ไปพูดคุยเรื่องไร้สาระกับเขาถือเป็นการลดตัวคุณลงอย่างไม่ต้องสงสัย”
……
เมื่อถูกเพื่อนฝูงเอ่ยกล่อม ความโกรธของโม่หานก็ค่อยๆ หายไป
จากนั้น ความรู้สึกเหนือกว่าของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้น
“จิ่งเทียนใช่ไหม ฉันอยากจะเห็นนัก ว่าแกจะเก่งไปได้อีกนานแค่ไหน” โม่หานจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
ตอนนี้เรื่องสนุกเล็กๆก็จบลงแล้ว
คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่าพวกคุณหนูหลายคนกลับเริ่มมองโล่เฉินอย่างสนใจ จนมีบางคนที่ถึงกับเริ่มเป็นฝ่ายเข้ามาขอดื่มด้วยก่อน แต่โล่เฉินปฏิเสธ
“เป็นไอ้สารเลวจริงๆ” นิ่งจื่อโหรวโกรธจัด และเอ่ยปลอบโยน “โล่.. พี่จิ่งเทียน คุณอย่าได้ไปสนเขา”
“ฉันไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามาก่อน”
คำพูดนี้ เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
แต่ความเย่อหยิ่งนี้กลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกต่อต้าน นั่นเพราะมันเป็นเรื่องจริง
งานเลี้ยงดำเนินต่อไป
หานหยู่ถิงตามนิ่งจื่อโหรวไปทานอาหาร ส่วนนิ่งจื่อซวนยังคงเข้าสังคมกับผู้คนต่อ
เพื่อไม่ให้โซฟามีใครมานั่ง ดังนั้นโล่เฉินจึงเอนตัวลง
การเคลื่อนไหวนี้กระตุ้นการดูถูกและดูหมิ่นของชายหญิงบางคนขึ้นมา บอกว่าเขาเป็นพวกคนป่าและไร้มารยาท
“เฮ้ พี่ชาย”
ทันใดนั้น คำทักทายก็ดังขึ้นที่ข้างหู
ชายหนุ่มท่าทางสดใสเจิดจ้าคนหนึ่งปรากฏขึ้นข้างโซฟา เขาแต่งตัวหรูหรา เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณชายที่ร่ำรวย
“นายคือใคร?”
“ขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ฉันชื่อเหยียนเจิง ตระกูลเหยียนในฉู่โจว”
โล่เฉินหลับตาลงและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่รู้จัก อย่ามารบกวนการนอนของฉัน”
“พี่ชาย ตอนนี้ก็รู้จักกันแล้วไม่ใช่หรือ นายชื่อจิ่งเทียน ฉันได้ยินมาเมื่อกี้ งานเลี้ยงใหญ่ขนาดนี้ ต้องสนุกให้มากหน่อยถึงจะถูก พวกพนักงานเสิร์ฟตรงนั้นสวยจะตายแล้ว สนใจไปคุยๆสักหน่อยไหม?”
โล่เฉินนิ่งเงียบ เหยียนเจิงนั่งลงและพูดต่อ “ไม่สนใจผู้หญิงหรือ งั้นไปทางตะวันออก ตรงนั้นมีเหล้าดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีไวน์ฝรั่งเศสห้าขวด ขวดหนึ่งราคากว่าสี่ห้าแสนเชียวนา ไวน์ห้าขวดสามารถซื้อบ้านได้หลังหนึ่งแล้ว ”
“ตระกูลซูรวยและมีอำนาจจริงๆ”
“ทุกคนดื่มได้เพียงครึ่งแก้วเท่านั้น รสชาติดีมาก ไปชิมกันไหม? ถ้าคุณไม่ดื่ม อย่างนั้นก็ขอครึ่งแก้วนั่นมาให้ฉัน?”
โล่เฉินหันกลับมาและพูดว่า “ตามใจ”
เหยียนเจิงเช็ดปากและหัวเราะ “ไปกับฉันหน่อยเถอะ คนต้องไปที่นั่นด้วยถึงโอนได้ ต้องลงทะเบียนด้วยชื่อจริง”
“นายพูดมากเสียจริง น่ารำคาญ”
“นายคิดว่าฉันพูดมากด้วยเหรอ น้องสาวฉันก็บอกอย่างนั้น เธอคอยกวนใจฉันตลอด อ้อใช่ น้องสาวฉันเป็นสาวงามตัวยง เป็นหนึ่งในดาวมหาวิทยาลัยฉู่โจว สวยยิ่งกว่านิ่งจื่อโหรวเสียอีก เธอได้รับการยอมรับว่าเป็นดาวอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย ฉันแนะนำให้นายรู้จักไหม?”
โล่เฉินหันกลับมา
เมื่อเห็นแบบนี้ เหยียนเจิงก็ลูบหน้าผากของตนและถอนหายใจ “จริงๆด้วย เสน่ห์ของน้องสาวฉันไม่เหมือนใครและไม่มีใครต้านทานได้จริงๆ”
“พี่ชาย ตราบใดที่นายยอมไปกับฉันเพื่อโอนไวน์Frandeครึ่งแก้วให้ฉัน ฉันจะไม่เพียงแค่แนะนำน้องสาวให้นายรู้จัก แต่ยังให้วีแชทของเธอไปด้วย”
“ถ้านายยังไม่ไป ฉันจะเตะนายแล้ว”
เหยียนเจิงตกใจ เขาลุกขึ้น สีหน้าตื่นตัว “อย่านะอย่านะ เมื่อวานที่นายเอาชนะโม่หาน ฉันเห็นเต็มสองตา เกิดมาพร้อมพลังศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติ เท้าของนายใครจะไปรับไหว”
“รู้ก็ดี”
“พี่ชาย นายไม่ต้องการข้อมูลติดต่อน้องสาวฉันจริง ๆ เหรอ? นี่มันโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตเชียวนะ”
โล่เฉินถูกแหย่จนขบขัน เขาลุกขึ้นนั่งและถามว่า “ฉันกับโม่หานมีเรื่องกัน ทุกคนต่างหลบหลีกไม่อยากเอี่ยว แต่นายยังมาหาฉันแบบนี้ ไม่กลัวตัวเองไปตอแยโม่หานเข้าหรือไง”
เหยียนเจิงนั่งลง เขายกแก้วไวน์ให้โล่เฉิน จากนั้นจึงเดาะลิ้นของตนแล้วพูดว่า “โม่หานไอ้เวรนั่น ฉันไม่ชอบหน้ามันมาตั้งนานแล้ว เมื่อวานนายทุบตีโม่หานจนหมดสภาพ แถมล้มชมรมเทควันโดลงทั้งหมด ฉันล่ะเกือบจะจุดพลุฉลองให้”
“ตระกูลเหยียนของพวกนายคงแข็งแกร่งมากสินะ ไม่อย่างนั้นจะกล้าต่อต้านตระกูลโม่ได้ยังไง”
“นายคิดผิดแล้ว ตระกูลเหยียนของฉันเป็นเพียงตระกูลชั้นสามในฉู่โจว”
แขนที่ถือแก้วไวน์ของโล่เฉินชะงักไป ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “จริงหรือ อย่างนั้นนายไปเอาความกล้าไม่ชอบขี้หน้าโม่หานมาจากไหน ไม่กลัวตระกูลโม่มาทำลายตระกูลนายหรือไง!”
“ไม่กลัว เพราะว่าน้องสาวของฉันโคตรเจ๋ง”
“อาศัยแค่ชื่อหนึ่งในสามดาวมหาวิทยาลัย?” โล่เฉินยิ่งงงขึ้นไปอีก ในใจของเขามีความอยากรู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เหยียนเจิงนั่งไขว่ห้างและพูดอย่างภาคภูมิใจ “พูดตามตรง น้องสาวของฉันถูกคุณชายเฟิงในจีนหลิงชอบมาตั้งนานแล้ว รอให้น้องสาวฉันเรียนจบ ก็จะแต่งงานกับคุณชายเฟิง”
“ตระกูลเฟิง?”
“อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จักแม้กระทั่งตระกูลเฟิง นั่นเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของจีนหลิง มีชื่อเสียงพอๆ กับตระกูลเสี้ยงและตระกูลโล่ คุณชายเฟิงเป็นหนึ่งในสามบุคคลโดดเด่นของจีนหลิง อีกทั้งยังเก่งกาจกว่าซูโม่มาก”
เหยียนเจิงคุยโว เขาหรี่ตาและกล่าวว่า “มีตระกูลเฟิงคุ้มครอง ใครจะกล้ามาแตะตระกูลเหยียนของ ตระกูลซูก็ไม่กล้า”
โล่เฉินถลึงตา สีหน้าไม่เป็นมิตร “ในเมื่อน้องสาวของนายเป็นคู่หมั้นของคุณชายเฟิงแล้ว นายยังมีหน้ามาแนะนำให้ฉันอีก คิดจะฆ่าฉันหรือไง”
“เฮ้อ ฉันจะบอกความลับอีกข้อหนึ่งให้นายฟัง น้องสาวของฉันไม่ชอบคุณชายเฟิง เธอยังอีกว่าให้ตายก็จะไม่แต่งงานเข้าตระกูลเฟิง”
เหยียนเจิงก้มศีรษะและถอนหายใจอย่างขมขื่น “ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสาวของฉันดื้อดึง ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลเฟิง ป่านนี้ตระกูลเหยียนของเราก็คงจะเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในฉู่โจวไปแล้ว เฮ้อ น่าเสียดาย น่าเสียดาย”
โอ้
ขนาดคุณชายเฟิงแห่งจีนหลิงยังกล้าปฏิเสธ คุณหนูใหญ่ของตระกูลเหยียนช่างมีบุคลิกของตัวเองอยู่บ้าง
ดังคำกล่าวที่ว่า
เปลือกนอกดูดีล้วนมีอยู่มาก แต่จิตใจที่น่าสนใจนั้นกลับมีอยู่น้อย
แต่ถ้ามีทั้งสองยาก กลับยากเสียยิ่งขึ้นไปอีก
“ไอ้หย่า ไม่พูดแล้ว”
เหยียนเจิงเอ่ยขอร้อง “พี่ชาย ได้โปรดเถอะ มากับฉันหน่อย โอนไวน์Frandeครึ่งแก้วนั่นมาให้ฉัน ฉันอยากดื่มมันจะตายแล้ว”
“ไปเถอะ”
โล่เฉินรู้สึกว่าเหยียนเจิงนิสัยใจคอไม่เลว บวกกับตอนนี้เขาเองก็หิวอยู่พอดี ดังนั้นจึงวางแผนจะไปหาอะไรกิน
เพิ่งมาถึงโต๊ะไวน์ด้านตะวันออก
ทันใดนั้น เสียงเพลงในห้องโถงก็เปลี่ยนไป แสงไฟสลัว สปอตไลต์ส่องไปที่ประตูห้องโถง
“เอี๊ยด”
ประตูใหญ่เปิดออกช้าๆ
จากนั้นจึงเห็น
ซูหลิงหลงใส่ชุดแต่งงานผ้าไหมขอบปักเพชร สวมมงกุฎที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ และมีสาวใช้หน้าตางดงามสองคนประคองเดินเข้ามาอย่างช้าๆ